แต่พอฉันขยับปากขึ้นนิดหนึ่งกะจะเอ่ยขอบคุณ หมอนี่ก็อุทานขึ้นมาทันใด
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า!”
“หือ?”
“อ๊า...โอ้ววว! =O=;;”
“อืม...อือฮึ”
บทสนทนาทางสายตากับเสียงอุทานตอบโต้กันไปมาประหนึ่งว่ารู้ความหมายของกันและกัน แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด
หมอนั่นแหกปากร้องลั่นก่อนจะปล่อยมือจากโลงให้มันลงมาครอบฉันเหมือนเดิม
“อ๊ากกก =O=“
ตึง!
โอ๊ยยย! ขอบโลงมันกระแทกข้อเท้าฉันนะ! ปล่อยมาได้ไม่ดูเลยอีตาบ้า!
ด้วยความเจ็บผสมกับความโมโหทำให้ฉันผลักโลงออกจากตัวอย่างแรง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปมองคนที่ฝากรอยช้ำไว้ช้าๆ แล้วค่อยๆ คลานเข้าไปหาเนื่องจากเจ็บข้อเท้าจนยืนไม่ไหว
ครืดๆ
ฉันคลานโดยใช้ขาข้างที่ไม่เจ็บดันให้ตัวไถลไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างวางแปะบนพื้นเลียนแบบตุ๊กแก ผมยาวมันเยิ้มที่ไร้การสระล้างมาสองวันร่วงลงมาปรกหน้าจนมองทัศนียภาพไม่ชัด แต่ก็พอเห็นได้รางๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าถอยหลังกรูดจนไปติดข้างฝาแล้ว
“นาย...ทำฉันเจ็บนะ...”
ครืดๆ
ว่าพลางกระดึ๊บๆ เข้าไปหาอีตาหัวแดงเรื่อยๆ จนถึงปลายเท้าของเขา เขายังคงอ้าปากค้างด้วยความตะลึงก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะสั่นพั่บๆ เป็นเจ้าเข้า
“ฉะ...ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ! อย่าเข้ามานะเฟ้ย!”
เฮอะ! ทำไมจะไม่ได้ทำ ก็เมื่อกี้นายเป็นคนปล่อยโลงมากระแทกข้อเท้าฉันจนยืนไม่ไหวนี่นา!
“นาย...ทำ...”
“ฉันไม่ได้ทำ!”
ทั้งๆ ที่ฉันยืนยันว่าเขาเป็นคนทำให้ฉันเป็นแบบนี้ หมอนี่ก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็งพลางทำท่าจะหนี แต่ฉันไม่ยอมให้นายหนีไปไหนได้หรอกย่ะ
หมับ!
ฉันเอื้อมมือไปจับข้อเท้าเขาแล้วยึดไว้แน่นทันที นายหัวแดงที่ก้าวขาหนีไปได้ข้างหนึ่งชะงักหันกลับมามองด้วยสีหน้าที่ยากเกินบรรยาย ประมาณว่า...กลัวหรือวิงวอนขอชีวิตก็ไม่รู้ กระนั้นฉันก็ไม่ยอมปล่อย พลางไถตัวเอาหน้าเข้าไปแนบหน้าแข้งที่มีสาหร่ายยุ่บยั่บอย่างแนบชิดสนิทสนมยิ่งกว่ากาวตราช้าง
“อ๊ะ! ปล่อยนะโว้ย!”
นายหัวแดงสะบัดขาข้างที่มีฉันเกาะแน่นราวกับปรสิตไปมาจนหัวฉันโยกไปตามแรงของเขา
“นะ...นาย...ทามช้านนน”
ด้วยความที่ฉันไม่ได้อยู่นิ่งๆ ทำให้น้ำเสียงสั่นคลอนไปตามการเคลื่อนไหว แต่ฉันก็ยังคงเรียกร้องอธิปไตยให้ตัวเองเต็มที่
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำไง!”
ผัวะ!
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงแรงมหาศาลกระแทกเข้ามาที่จมูกอย่างจัง ความเจ็บปวดอีกระลอกทำให้ฉันต้องคลายมือจากขาของผู้ชายตรงหน้ามาคลำจมูกตัวเอง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงของเหลวสีแดงที่ไหลซึมออกมาจากโพรงจมูกแล้วทะลักออกมาท่วมมือ
แหมะ
เลือดสีแดงข้นหยดแหมะลงบนพื้นมากมายราวกับเขื่อนแตก มะ...เมื่อกี้...หมอนี่เตะฉัน! เลือดกำเดาพุ่งเป็นน้ำตกไนแองการาเลย บ้าเอ๊ย!
ฉันโมโหยิ่งกว่าเดิม สะบัดมือออกจากการประคบจมูกเด้งผลุงขึ้นโดยลืมความเจ็บที่ข้อเท้าไปสิ้น แล้วเหลือบตามองคนตรงหน้าที่ผงะไปด้วยความอาฆาตเหลือคณา ก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าเตรียมจะบีบคอขาวเนียนของชายที่อยู่ตรงหน้าเต็มที่
“นาย...ทำฉัน...”
“มะ...ไม่ได้ตั้งใจ... T^T” เขาว่าพลางโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ใจมันประสงค์อยากจะลงทัณฑ์หมอนี่ให้ไปปรโลกยิ่งนัก ลืมไปหมดแล้ว บุญคงบุญคุณอะไร! ไม่มี้!
“นายทำฉัน...นาย...ทำ...ฉัน!”
พอฉันขึ้นเสียงใส่อย่างเหลืออด ตาหัวแดงนี่ก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันที ก่อนจะพนมมือไหว้ฉันปลกๆ
“ฮือๆ อยากได้อะไรจะทำบุญไปให้ อย่าจองเวรจองกรรมกันเลย TOT”
“หึ...” ฉันแสยะยิ้มออกมากับคำพูดวิงวอนที่น่าสมเพชของหมอนี่ สติสัมปชัญญะเลือนหายไปและไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าไปบีบลำคอขาวๆ ของเขา แต่อีตาหัวแดงกลับคืนสติได้ทัน เขาเอี้ยวตัวหลบฝ่ามืออรหันต์แล้วรีบดันตัวขึ้นยืนและ...
“บอกว่าจะทำบุญไปให้ไงเล่า!”
พลั่ก!
“อั้ก!”
...ยกขาถีบเข้าที่ท้องฉันอย่างสวยงาม
“ฮือๆ แล้วจะทำบุญไปให้นะ”
สิ้นเสียงก็เห็นหลังไวๆ ของหมอนั่นวิ่งหายไปกับสายลม
ฮึ่ย~ สาบานเลยว่าฉันจะไม่ยกโทษให้นายแน่ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะอีตาบ้า!
สรุปแล้วฉันต้องกลับมาหาพี่คริสเตียนที่กำลังทำบุญบริจาคโลงศพในสภาพดุจผีสาวอาฆาตวิญญาณหลอน ทำเอาคนทั้งวัดกรีดร้องอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่พี่คริสเตียนเองก็ยังผงะไป ก่อนจะรีบเข้ามาหาเมื่อตระหนักได้ว่านี่คือน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง -_-
“โอ๊ย พี่ตกใจหมด ไปทำอีท่าไหนล่ะเนี่ย เลือดกำเดาถึงได้พุ่งเป็นน้ำตกแบบนี้” พี่คริสเตียนถามหลังจากกลับมาถึงห้องพัก
“อยากรู้มากมะ...”
น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของฉันทำให้พี่คริสเตียนเลิกตอแยทันใด ก่อนจะสั่งโน่นนี่อีกชุดใหญ่
“เอ่อ...งั้นช่างเถอะ พี่ไปก่อนนะ ทีมงานมารอกันหมดแล้ว มีอะไรบอกป้ากิมได้เลยนะ ส่วนเรื่องโรงเรียนพี่จัดการให้แล้ว พรุ่งนี้ก็เริ่มไปเรียนได้เลย ดูแลตัวเองดีๆ ละกัน”
“...อือ”
พี่คริสเตียนโบกมือลาก่อนจะลากกระเป๋าออกไป โดยไม่ลืมกำชับป้ากิมซึ่งเป็นเจ้าของหอพักให้ดูแลเรื่องโรงเรียนให้ฉัน พูดง่ายๆ คือพี่คริสเตียนจ้างป้ากิมมาเป็นผู้ปกครองชั่วคราวของฉันน่ะ