“กรี๊ด!!” เธอกรีดร้องอย่างตกใจ ดิ้นอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหยุดดิ้นอัตโนมัติเมื่อเจอเสียงตวาดหนักๆ ของคนป่าเถื่อน
“หยุดแหกปากได้แล้ว” ไม่ได้สั่งเพียงอย่างเดียวแต่ยังรั้งร่างเล็กเข้าไปใกล้ ทำให้ธีรตาได้เห็นหน้าเขาชัดขึ้น ยิ่งเขาเสยผมที่เปียกลู่ไปด้านหลัง ยิ่งทำให้เห็นหน้าชัด จะว่าไอ้คนป่าเถื่อนคนนี้ก็หน้าตาดีทีเดียวหากไม่มีหนวดเครา
“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนป่าเถื่อน” เธอเอ่ยสั่งเสียงสั่นๆ พลางยกมือดันแผงอกกว้างเอาไว้เพื่อให้หน้าอกแข็งๆ เบียด อกนุ่มของเธอ
“แน่ใจว่าอยากให้ปล่อย”
“แน่สิ”
“ตอแหล!” เมคินทร์สวนกลับเสียงดังลั่น
“ไอ้ทุเรศ แกมาด่าฉันทำไม” ธีรตาปรี๊ดแตกเมื่ออยู่ๆ ก็โดนด่า
“ก็เห็นอยู่ว่าเธอตั้งใจแก้ผ้ามายั่วฉัน แล้วจะมาร้องให้ปล่อยทำไม ผู้หญิงนี่มารยาเยอะจริงๆ”
“ฉันไม่ได้ยั่ว” เพราะเธอตั้งใจมาอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น
“งั้นมาดูกันว่าเธอยั่วหรือไม่ยั่ว” บอกกล่าวจบแล้วนิ้วเรียวยาวก็เริ่มเคลื่อนเข้าหากุหลาบงาม ธีรตาดิ้นขัดขืนไม่ยอมให้เขาล่วงล้ำ เธอหนีบขาไว้แน่น แต่อีกคนก็มีวิธีทำให้เธออ้าขาเปิดทางให้ด้วยการกดปากจูบริมฝีปากอิ่ม ธีรตาอ้าปากจะทักท้วงแต่กลับเปิดโอกาสให้อีกคนแทรกลิ้นเข้าไปหาความหวานภายใน จูบหยอกเย้า หลอกล่อให้สาวเจ้าหลงมัวเมา และก็ได้ผลเมื่อสองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอหนา นิ้วเรียวยาวจึงเลื่อนเข้าหากุหลาบงาม กดนิ้วกรีดขึ้นลงตามรอยแยกของกลีบเนื้อ เขาทำซ้ำๆ จนได้ยินเสียงครางดังออกมา
“ร่าน” เสียงทุ้มพร่ากระซิบชิดใบหูนุ่ม ก่อนจะดันร่างเล็กออกห่าง ธีรตาได้สติรีบแหวกว่ายไปหลบหลังหิน อับอายอย่างที่สุดที่เผลอไผลไปกับสัมผัสจาบจ้วง
“ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมด” เสียงทุ้มที่ดังออกมานั่นทำให้ธีรตาเกิดความสงสัย คิดอยู่ว่าผู้ชายคนนี้มีปมอะไรในใจ แล้วมันเกี่ยวข้องกับเธอได้อย่างไร และสาบานเลยว่าเธอไม่เคยเห็นหน้าคนคนนี้
“แก...แกหมายความว่าไง” เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเตรียมกระโจนหนีทันทีหากคนป่าเถื่อนพุ่งมาหา
“อย่าจิกเรียกฉันแบบนี้อีก ถ้ายังไม่อยากตาย” ขู่เสียงเหี้ยม ก่อนจะกวักน้ำมาล้างหน้าตา แล้วพยุงตัวขึ้นไปยื่นบนโขดหิน ธีรตาแอบดีใจที่เขาจะกลับกระท่อม เพราะเธอยังอยากจะอาบน้ำต่อ แต่แล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเขาแก้ผ้าได้หน้าตาเฉย
“ไอ้คนทุเรศ” ธีรตาบ่นแต่บ่นดังไปหน่อยอีกคนก็เลยได้ยินเต็มสองหู
“ทีเธอยังแก้ผ้าได้เลย ที่ฉันแก้บ้างล่ะว่าทุเรศ ผู้หญิงบ้า!” ปากหยักเหยียด แล้วยกมือเท้าเอว อวดเรือนร่างให้ต้นไม้ป่าหญ้าได้ชม
“แก...”
“ฉันเตือนแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนี้” เสียงห้าวพูดแทรกขึ้นมา ตั้งท่าเหมือนจะโดดลงน้ำไปลากอีกคนมาทำโทษ
“นี่! อย่าโดดลงมานะ” ธีรตาร้องเรียกหน้าตาตื่น
“งั้นเธอก็ขึ้นมาได้แล้ว หรืออยากหนาวตายในน้ำนั่น” แต่อย่าฝัน ว่าเขาจะปล่อยให้ตายง่ายๆ หากเขายังไม่ได้แก้แค้น
“แก...เออ...คุณก็กลับไปก่อนสิ” เธอต่อรอง เพราะตอนนี้ตัวเธอมีเพียงกางเกงตัวน้อยปกปิดร่างกายเท่านั้น
“ยึกยักไม่ยอมขึ้นเพราะอายหรือไงที่ใส่แต่กางเกงในตัวเดียว แต่ก่อนจะลงน้ำฉันก็เห็นเธอถอดออกง่ายๆ นี่ แล้วทีนี่จะมาอายทำไม” ปากหยักแสะยิ้ม ด้านธีรตาก็ตาโตเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเห็นหมดว่าเธอทำอะไร ทั้งๆ ที่ก่อนจะถอดเธอก็มองหาแล้วว่าไม่มีนี่น่า
‘ไอ้โจรชีกอ ฉันขอแช่งให้แกตาบอดตาเน่า’ ธีรตาบ่นงึมงำ ก่อนจะมองไปที่คนตัวใหญ่กว่า ก็เห็นว่าเขายังยืนแก้ผ้าโชว์อยู่ที่เดิม
‘แล้วนี่เธอจะต้องขึ้นจากน้ำ ทั้งๆ ที่สวมแต่กางเกงชั้นในตัวเดียวจริงหรือนี่’ คิดแล้วผิวแก้มก็เห่อร้อน พลางหาทางขึ้นจากน้ำ แต่ก็มีอยู่ที่เดียวก็คือตรงคนป่าเถื่อนยืนอยู่
“ขึ้นมา!” เขาตวาดสั่ง
“ฉันรู้แล้ว” ธีรตาข่มความอายแล้วว่ายมาเกาะที่โขดหิน ก่อนพยุงตัวขึ้นมายืนได้ไม่กี่วินาทีเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ก็ลอยมาปะทะใบหน้า เธอจึงรีบคว้ามาสวมอย่างไม่คิดถามไถ่ให้เปลืองน้ำลาย ส่วนอีกคนก็ก้มลงไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบสะโพกแล้วหันมาจ้องเชลยสาว กำลังหยิบกางเกงเปียกชื้นมาสวม
“กรี๊ด!!” ธีรตาร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ อีกคนก็ยื่นมือมาดึงกางเกงเธอออก “ไอ้บ้า ไอ้ป่าเถื่อน จะทำอะไรฉันอีก”
“แล้วเธอคิดจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้นอนหรือไง หรืออยากเป็นปอดบวมตาย”
“ตายไปก็ดี ฉันจะได้หลุดพ้นจากคนชั่วๆ สักที” พูดไปก็ดึงชายเสื้อให้ปิดขาอ่อน
“เธอได้ตายแน่ แต่ต้องตายหลังจากฉันที่แก้แค้นจนสะใจซะก่อน”
“แก้แค้นอะไร!” ธีรตาร้องถามด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เคยมีความแค้นกับใคร วันๆ ก็มีแต่ช่วยแม่ซักผ้ารีดผ้าอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปพบปะกับใคร เพื่อนฝูงหรือก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละจังหวัด
“อยากรู้เหรอ” คนพูดหรี่ตามองคนตัวเล็กกว่าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“ใช่ ฉันอยากรู้มากว่าทำไมคุณต้องจับฉันมาทรมานอยู่กลางแบบนี้ด้วย ไม่กลัวโดนตำรวจจับหรือไง” เพราะถ้าเธอรอดไปได้เธอจะให้ตำรวจมาลากคอคนป่าเถื่อนเข้าคุก
“ถ้าฉันกลัว ฉันคงไม่ไปฉุดเธอมา” เมคินทร์ตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“คุณนี่มันบ้าได้โล่จริงๆ สักวันเถอะ จะโดนตำรวจลากเข้าคุก” พูดจบก็รีบก้าวถอยไปสองก้าวเมื่ออีกคนขยับตัว ด้านเมคินทร์ที่ขยับตัวหาใช่จะเข้าทำร้ายแต่เขาจะกลับกระท่อม เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่พอลงจากโขดหินไปแล้วอีกคนก็ยังคงยืนนิ่งไม่ยอมเดินตามเลยหันไปตะคอกใส่ “จะยืนอยู่บนนั่นทั้งคืนหรือไง”
“ก็...ก็หลีกทางไปสิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะเดินลงโขดหินอย่างระแวง เพราะกลัวจะโดนทำร้ายหรือไม่ก็โดนด่าว่าอะไรอีก เนื่องจากเธอรู้ซึ้งแล้วว่าผู้ชายคนนี้นอกจากหน้าตาเหมือนโจรแล้วยังปากร้ายได้โล่อีกต่างหาก
“เรื่องมาก!” พูดจบก็เดินนำไปก่อน ธีรตามองตามอย่างแค้นเคือง ใจก็นึกหวั่นไม่น้อยหากเธอกลับไปถึงกระท่อมแล้วคนป่าเถื่อนคนนั่นจะลงโทษอะไรเธออีก
กระทั่งมาเดินมาถึงกระท่อมเมคินทร์ก็เดินไปยังบ้านหลังที่ใช้เชลยสาวทำความสะอาด ส่วนธีรตาก็ชะเง้อมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นแสงไฟมาจากบ้านหลังนั่น แต่คนป่าเถื่อนก็ไม่ออกมา
‘หรือหมอนั่นจะนอนที่นั่น แต่ก็ดี เพราะฉันก็ไม่อยากเจอหน้าแกเหมือนกัน’ พึมพำจบแล้วก็ค่อยๆ เลื่อนประตูไม้ที่จะพังมิพังแหลปิดแล้วมานั่งบนแคร่ไม้สลับกับมองโซ่ที่เท้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ความผิดเลยว่าถูกจับมาด้วยข้อหาอะไร
‘แม่ขา พี่ธนา ช่วยรตาด้วย’ คร่ำครวญแล้วก็ล้มตัวลงนอน แม้พื้นจะแข็งแต่ก็ดีกว่าไปนอนบนพื้นดิน ทั้งๆ ที่ท้องก็ร้องหาอาหาร เพราะตั้งแต่เย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มๆ หลับประตูก็ถูกผลักเข้ามา
“กินซะ!” คนป่าเถื่อนนำชามบะหมี่พร้อมน้ำหนึ่งขวดมาวางไว้ให้แล้วก็จ้องหน้าเชลยสาวที่ท้องยังร้องหาอาหารอยู่ แต่ก็กลัวจะมีอะไรอยู่ในชามบะหมี่
“ไม่ต้องกลัวว่าจะมียาพิษ เพราะแบบนั้นเธอจะตายง่ายเกินไป แต่เอาไว้ให้ฉันได้เจอคนที่อยากเจอก่อน แล้วฉันจะใส่ยาพิษให้เธอกิน”
“เจอใคร”
“อย่าถามมาก กินๆ เข้าไป” พูดจบก็เดินจากไปทันที ส่วนธีรตาก็นั่งมองชามบะหมี่ครู่หนึ่งก่อนจะลงมือกินจนเกลี้ยง ตามด้วยน้ำเกือบหมดขวดแล้วเดินเอาชามบะหมี่ไปไว้ข้างนอกก่อนจะกลับมานั่งจมปุกอยู่บนแคร่ไม้ กระทั่งความง่วงเริ่มหาจึงค่อยๆ เอนตัวลงนอนและหลับไปในที่สุด