“เจ้าอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างเหยียนเอ๋อร์”
ฮูหยินเฉียวหรือท่านป้าเฉียวเจ้าของโรงแพทย์กล่าวถามไถ่สารทุกข์สุกดิบดรุณีน้อยที่นางนั้นดูแลมาตั้งแต่เกิดด้วยความรัก ซิงเหยียนไม่ใช่ลูกก็เหมือนใช่เพราะเช่นนี้ซิงเหยียนจึงได้มีเรือนของตนเองไม่แพ้พวกคุณหนูจวนอื่น ๆ เดิมทีตั้งใจจะให้นางอยู่ในจวนด้วยแต่ก็เกรงจะไม่เหมาะสมนักเนื่องจากบุตรชายของนางก็เป็นบุรุษ เพื่อรักษาเกียรติของซิงเหยียนจึงสร้างเรือนให้อยู่ติดกับโรงแพทย์ห่างกับจวนนางเพียงรั้วกั้นเท่านั้น
“สบายดีเจ้าค่ะ ท่านป้าอย่าได้ห่วงเลย”
เจ้าของเสียงหวานยิ้มประจบสตรีวัยชรา ทว่ายังดูงดงามไม่เปลี่ยนแปลง
“เฮ้อ ข้าไม่น่ายอมยกเจ้าให้คุณชายหมิงเลยจริง ๆ เรือนเจ้าข้าให้คนตกแต่งรอทุกวันนะ ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่ สามีเจ้าช่างน่าตายนัก จนป่านนี้ยังไม่เคยคิดจะตบแต่งเจ้าให้ถูกต้อง”
นึกแล้วก็ยังคงเสียดายไม่หาย เดิมทีคิดเพียงแค่รักษาชื่อเสียงของซิงเหยียน แต่พอไตร่ตรองให้ดีแล้วกลับเห็นแต่ข้อผิดพลาดมากมาย คุณชายผู้นั้นก็ช่างแล้งน้ำใจรับหลานสาวนางไปก็ไม่เคยคิดตบแต่งคิดแล้วน่าโมโห นางโวยวายบ่อยครั้งไปก็เกรงซิงเหยียนจะต้องอับอาย
“คิกคิก ท่านป้าข้าไม่ได้อยู่ไกลเสียหน่อยก็ยังมาหาท่านได้ทุกวัน ข้ารักท่านดุจมารดาจะทิ้งท่านได้อย่างไร”
นางหลบเลี่ยงจะไม่เอ่ยถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะตระหนักรู้ว่าไม่มีบุรุษใดอยากตบแต่งสตรีกำพร้าไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนางเป็นฮูหยินเอก ลำพังแค่จำใจรับนางเป็นฮูหยินแบบลับ ๆ ปิดข่าวเงียบเท่านี้ก็เป็นการแสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว
ทุกสิ่งนางล้วนเข้าใจดีเพียงแค่แสร้งลืมเลือนหน้าด้านหน้ามึนไปเท่านั้นเอง อย่างน้อย ๆ ก็ในระหว่างรอสตรีที่ฮ่าวหมิงนั้นรักจริง ๆ ตัวนางย่อมต้องล่าถอย
“ปากหวานนักเชียว ไม่เหมือนเจ้าลูกชายคนเดียวของข้าตั้งแต่เข้ารับราชการก็ไม่ติดกลับมาบ้านสักครั้ง ยังมีหน้าส่งจดหมายมาสั่งให้ข้ากลับไปอยู่จวนเฉย ๆ น่าโมโหนักเชียว!”
ฮูหยินระบายยิ้ม แม้จะรู้ว่าคนที่นางเลี้ยงมากับมือนั้นต้องการเบี่ยงเบนประเด็นแต่งงานเท่านั้นก็ตาม
“ท่านแม่ทัพอยู่สนามรบนะเจ้าคะ ท่านป้าอย่าน้อยใจไปเลย ท่านแม่ทัพคงห่วงท่านมาก”
หญิงงามออกโรงปกป้องโหวหยางท่านแม่ทัพหนุ่มบุตรชายของฮูหยินเฉียวอย่างเช่นทุกครั้งยามเขานั้นเอ่ยขัดใจมารดาด้วยรู้ว่าโหวหยางนั้นรักมารดากว่าสิ่งใด เพียงแค่ความคิดเห็นมารดากับความฝันของเขานั้นต่างกัน
“เจ้าไม่ต้องช่วยศิษย์พี่เจ้าหรอกนะ หมอนั่นเจ้าเล่ห์อย่างไรข้าไม่เคยลืม ชิ ไม่คิดถึงจิตใจคนแก่เช่นข้าบ้างเลยว่าจะห่วงใยมากเพียงใด”
ฮูหยินเฉียวนอกจากเป็นเจ้าของโรงแพทย์ยังเป็นภรรยาท่านหมอหลวงที่เก่งกาจ นางเองก็เก่งไม่แพ้สามีแต่เลือกจะเปิดโรงแพทย์ช่วยชาวบ้านมากกว่าเข้าวังจวบจนท่านหมอหลวงผู้เป็นสามีเสียชีวิตนางก็เริ่มขยายขายยาสมุนไพรไปด้วย ในใจคาดหวังให้บุตรชายคนเดียวดำเนินรอยตามตนเองกับสามี ส่งไปร่ำเรียนต่างแดนแต่กลับมาอีกทีกลับกลายเป็นว่าเจ้าบุตรชายนั้นเลือกไปเป็นทหารเสียอย่างนั้นแม้จะได้เป็นถึงท่านแม่ทัพแต่ก็ยังแง่งอนไม่หาย
“แต่ท่านป้าก็ดีใจไม่ใช่หรือเจ้าคะ ตอนนี้ท่านเป็นหญิงงามและร่ำรวยที่สุดเลย”
สตรีอ่อนวัยกว่าชื่นชม
“ฮ่าฮ่า เจ้าช่างเจรจาให้คนแก่ดีใจ”
วาจาฉอเลาะปลอบใจของหญิงงามทำให้นางหัวเราะออกมาอย่างเป็นสุข
“โอะ ข้าลืมเลยว่าจะออกไปเก็บสมุนไพร ต้องขอตัวแล้วนะเจ้าคะ”
นางกล่าวก่อนจะรีบวิ่งหายลับไปจนฮูหยินเฉียวแอบถอนหายใจกับกิริยาไม่งามของหลานสาว กลัวเหลือเกินว่าสหายรักของตนมาเห็นเข้าคงจะหัวใจวายกับกิริยานี้