ดังนั้นแล้วในช่วงสายของวันต่อผู้ที่สดชื่นแจ่มใสจึงมีเพียงชินหวางเฟยตัวน้อยหนึ่งเดียวเท่านั้นส่วนอีกสองชีวิตช่างมีสภาพใต้ดวงตาดำคล้ำจนชวนเห็นใจซึ่งหากคนนอกตำหนักคงคิดเอาว่าท่านอ๋องสิบแปดคงจะหนักมือกับค่ำคืนเข้าหอไปสักหน่อย แต่บุรุษใดก็คงจะเข้าใจก็ในเมื่อพระชายารองจางนั้นงดงามปานล่มเมืองจะถูกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากชายแดนรังแกมากไปสักหน่อยย่อมไม่ผิดหากแต่...
ความจริงที่ทุกผู้ในตำหนักรู้แจ้งก็คือ...ผู้ที่ลงมือและลงเท้าเหี้ยมโหดล้วนเป็นชินหวางเฟยตัวน้อยแก้มแดงนั่นเอง...ก็ตลอดทั้งราตรีพอนางกินอิ่มทิ้งกายดิ่งลงไปบนที่นอนซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นตรงกลางเตียงไม่ขาดไปจากคำสั่งไทเฮา ทุกหนึ่งเค่อนางก็ถีบสลับฝั่งระหว่างกายกำยำของสวามีที่นอนอยู่ด้านนอก
ถึงไม่อาจทำให้เขาตกเตียงแต่ก็เจ็บใช่น้อยทุกคราวที่มือบ้างเท้าบ้างพาดลงที่ใบหน้า...กลางลำตัว...สีข้าง...แต่ที่สาหัสที่สุดก็คงเพียงเท้าที่พาดโครมเข้าใส่ส่วนสงวนของบุรุษโดยไร้ปรานี เจ็บแทบขาดใจทว่าไม่ถึงตายเป็นเช่นไรสิบเก้าหนาวที่ผ่านมาหานไท่หมิงไม่เคยรู้แจ้งหากแต่เมื่อราตรีเข้าหอที่ผ่านมาไม่ใช่เพียงรู้ซึ้งคาดว่าตายไปอีกสามชาติก็ยากจะเลือนราตรีที่ผ่านมาได้ลงเสียเป็นแน่
...เวรกรรมอันใดเช่นนี้? ...นั่นนะสิเวรกรรมอันใดของเจ้าบ่าวเช่นเขากัน!...
ส่วนฟากฝั่งของพระชายารองจางหลานเย่เองนั้นนางก็มีหรือจะน้อยหน้าเพราะหลักฐานในยามสายหลังจากนางก้าวติดตามพระสวามีออกมาจากห้องหอมันฟ้องชัดเจนไม่ว่าจะเป็นปากอวบอิ่มนั้นมันอิ่มจนบวมปูดเพียงมุมซ้ายด้านเดียว
ส่วนที่เบ้าตาข้างเดียวกันก็มีสีเขียวปนม่วงแตะแต้มเห็นแล้วชวนตระหนกและขบขันไปในคราเดียวกันนั่นก็ด้วย คาดว่าสองบ่าวสาวทั้งสองชั่วชีวิตนี้พวกเขาก็คงยากจะลืมเลือนราตรีเข้าหออันหวานชื่นที่ผ่านมาไปได้โดยง่ายไม่แตกต่างกันอย่างแน่แท้
...หวานชื่นอันใด...นรกถามหาเกินไปทั้งนั้น...
จะมีก็แต่ชินหวางเฟยตัวน้อยที่ช่างดูสดใสดังแสงแรกของอรุณรุ่งมาเยือน เพราะกายน้อยๆ นั้นนางเดินบ้างกระโดดบ้างนำหน้าทั้งสองชายหญิงในอ้อมแขนมีตุ๊กตาผ้าตัวโปรดกอดเอาไว้แน่น ริมฝีปากน้อยๆ ก็ร้องเพลงประจำเผ่าซีเป่ยของมารดาอย่างเริงร่าเห็นแล้วหานไท่หมิงก็อยากจับนางไปโยนในกรงเสือเสียนัก!
“เฉินเกอเก่อ...”
ดวงตาสีทองเรืองรองสดใสแวววาวขึ้นทันใดที่นางพบกับพี่ชายใจดีหนึ่งเดียวในจงหยวนแห่งนี้ ซึ่งก็น่าแปลกเพราะคนที่ยากจะยิ้มหรือไม่เคยแสดงอารมณ์ใดก็ล้วนยากจะแยกได้สำหรับองครักษ์หลวงวัยสิบเจ็ดหนาวผู้นี้ ขนาดชินหวางเองเขาพบพานเจ้าคนหน้าทึ่มทื่อแข็งเสียยิ่งกว่าแผ่นศิลาในวิหารหลวงมาร่วมสามหนาว
สักครั้งหานไท่หมิงนั้นยังไม่เคยพบเห็นมันยิ้มให้ผู้ใดหากแต่วันนี้นอกจากจะยิ้มตอบ เด็กหญิงตัวน้อยร้ายกาจเช่นเด็กปีศาจน้ำแข็งเฉียวปิงเซียวแล้วมันยังตรงมาโค้งกายรอที่หน้าเรือนม่านเมฆของเขาอีกด้วย ก็รู้แจ้งว่ามันมีหน้าที่ปกป้องชินหวางเฟยทว่าหน้าที่มารอรับหน้าเรือนมิใช่ต้องเป็นนางกำนัลคนสนิทหรือซางเหนียงจือแม่นมที่พระมารดาของเขาประทานให้มาดูแลชินหวางเฟยตัวน้อยหรอกหรือ? ...
“เฉินเซินถวายพระพรชินหวาง ชินหวางเฟย พระยาชารองจางพ่ะย่ะค่ะ”
ยิ่งเรื่องมากมารยาทเช่นนี้เจ้าหมอนี่ล้วนไม่เคยกระทำบางครั้งเดินสวนทางกันมันก็เพียงก้มศีรษะจนปลายคางชิดหน้าอกเท่านั้นจะมองเขาโดยตรงหานไท่หมิงจดจำได้ว่าไม่เคยมีเลยสักครา
ยิ่งคิดชินหวางหนุ่มเขาก็ยิ่งจับจ้ององครักษ์เงาข้างกายไทเฮาตรงหน้านิ่งตามประสาแม่ทัพใหญ่และชินหวางข้างกายองค์จักรพรรดิที่ยากจะวางใจคนได้โดยง่ายต่อให้มันอยู่ข้างกายพระมารดาของตนเองมาหลายหนาวแล้วก็ตาม
แต่คาดว่าเขาคงอดนอนผสมกับโมโหพระชายาเด็กมากไปจึงสมองทึบอ่านสายตาของเจ้าองครักษ์ที่วัยคงน้อยกว่าเขาราวสองหนาวไม่ออกเลยสักนิด น่าแปลกอายุมันก็เท่านี้หากแต่สายตาดังกับคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยกว่าสามสิบหนาวเลยทีเดียว
“เปิ่นหวางจะไปห้องหนังสือ คนของเจ้าก็มารับไปดูแล เปิ่นหวางหาใช่พี่เลี้ยงเด็กอ่อนเช่นเจ้า...หลานเอ๋อร์เราไปรับสำรับอาหารมื้อเช้าที่เรือนริมบึงบัวของเจ้ากันเถิด”
กล่าวจบหานไท่หมิงเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินแยกไปอีกทางโดยมีจางหลานเย่ตามติดยิ่งกว่าเงาแสนน่ากลัว เด็กน้อยเองก็ไม่สนใจอยู่แล้วในเมื่อหน้าที่ซึ่งไทเฮากำชับต่อนางมีเพียงให้ไปนอนกลางเตียงเวลานี้พวกเขาไปห้องหนังสือไยนางจะต้องตามไป ในเมื่อ...ตำหนักชินหวางอันกว้างใหญ่มีที่ให้นางเล่นซนอีกตั้งมาก...
“เฉินเกอเก่อ...”
น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมนัยน์ตาแวววาวสีทองหวานซึ้งยิ่งมันถูกแสงแดดของปลายยามเฉินสาดส่องสีทองอร่ามนั้นกลับยิ่งงดงามจนกายสูงใหญ่ในอาภรณ์องครักษ์หลวงทรุดลงนั่งทับส้นเท้าตนเองเพื่อที่คนตัวเล็กนางจะไม่ต้องลำบากแหงนเงยเขาจนกายนั้นแทบหงายไปด้านหลังอยู่แล้ว
“ที่แห่งนี้มีสถานที่เล่นสนุกหรือไม่...วันนี้เสี่ยวปิงมีพลังเหลือเฟืออยากหาที่เล่นสนุกสักหน่อย”
นางเห็นเงาของแม่นมซางเหนียงจืออยู่ไม่ไกลจึงไม่กล้าส่งเสียงดัง ต้องแอบยื่นใบหน้ากลมเข้าไปกระซิบถามพี่ชายใจดีเท่านั้น เด็กน้อยย่อมไม่คิดสิ่งใดเพราะในหัวน้อยๆ นอกจากเล่นสนุกก็ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
แต่สำหรับเฉินเซินนั้นย่อมมีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุด ภายในความคิดของเฉียวปิงเซียวนั้นนางกำลังมองแสงของดวงอาทิตย์ก็พอจะคาดเดาได้ว่าที่แม่นมเร่งมุ่งหน้ามาทางนี้คงหนีไม่พ้นจะมารับนางไปฝึกวิชาการเรือนและกฎระเบียบของการเป็นคนในราชวงศ์อีกแล้วก็...เพียงเห็นปลายไม้เรียวในมือซางเหนียงจือนางย่อมไหวตัวทันอยู่แล้วเจอมาตลอดหนึ่งเดือนมีหรือจะลืมเลือนเวลาถูกไม้เรียวลงโทษ
“ย่อมมีพ่ะย่ะค่ะแต่...ชินหวางเฟยต้องตามแม่นมซางไปเรียนก่อน เมื่อเรียนเสร็จและกระหม่อมจะพาพระองค์ไปท่องเที่ยวเอง...เช่นนี้พอจะรับได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะชินหวางเฟย”
เด็กตัวกลมแก้มป่องทำท่าทางคิดหนัก จากนั้นจึงยิ้มหวาน แล้วส่งนิ้วก้อยสั้นป้อมไปตรงหน้า’ เฉินเกอเก่อ’ ทันทีบอกชัดเจนว่านางต้องการทำสัญญาก่อนที่จะถูกแม่นมมาหิ้วไปเสียก่อน
“ได้...เสี่ยวปิงสัญญาวันนี้จะเป็นเด็กดีไม่ลงมือกับแม่นมซางจนนางร่ำไห้อีก แต่พี่เฉินต้องสัญญาก่อนว่าจะพาเสี่ยวปิงไปท่องเที่ยวจริง”
เฉินเซินอดจะยิ้มตามนางเสียมิได้ก็แต่ละคราวที่นางยิ้มโลกสีดำของเขาก็สว่างไสวดังกับมีดวงอาทิตย์สักสองดวงส่องแสงเข้ามาในหัวใจอันเหน็บหนาวของเขาจนอบอุ่นในช่องอกทุกครั้งที่ได้พบเห็น คนผู้นั้นช่างมีดวงตาแต่ไร้แววเสียจริงมีอัญมณีล้ำค่ากลับไม่รักษาไม่ฝักใฝ่แต่กับงูพิษ!
“กระหม่อมสัญญา มิใช่เพียงวันนี้ทว่า จะเป็นทุกวันที่ชินหวางเฟยต้องการ”
ปลายนิ้วเรียวยาวขาวสะอาดส่งมาเกี่ยวก้อยร้อยรัดกับนิ้วแสนสั้นดุกดิกน่าเอ็นดูตรงหน้าแล้วจึงส่งยิ้มที่อบอุ่นให้นายน้อยคนใหม่ของตนอีกครั้ง...เพียงนางยังมีรอยยิ้มสดใสทุกวันเขาล้วนพึงใจเหลือเกิน...
“ชินหวางเฟยเพคะ”
ซางเหนียงจือเข้ามายืนโค้งกาย ด้านซ้ายมือให้แก่เด็กน้อยตัวกลมดุ๊กดิ๊กน่ารัก หากแต่ดวงตาของนางมองตรงไปที่องครักษ์หนุ่มรุ่นน้องด้วยสายตาตำหนิชัดเจน แต่คนตัวโตจะสนใจหรือหวั่นไหวหรือก็เปล่าเขายังคงยืนสงบนิ่งคล้ายเป็นเสาต้นที่สามกลางเรือนก็ไม่ปาน
ในขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองผู้หนึ่งใช้สายตาตำหนิชัดเจนส่วนอีกฝ่ายก็วางเฉยไร้ทุกอารมณ์ เด็กน้อยวัยเพียงหกหนาวมีหรือจะไปรู้แจ้งไปด้วย เฉียวปิงเซียวนางรู้เพียงสายแล้วท้องของนางอยากได้อาหารมาใส่ให้เต็ม พอนึกถึงของกินสหายทั้งหลายในท้องกลมๆ นั้นจึงตะโกนประท้วงเอ็ดอึงขึ้นทันที
…จ๊อก…
“อุ๊ย! ...แหะๆ”
คนตัวน้อยเขินจนสองแก้มแดงระเรื่อย ซางเหนียงจือต่อให้นางเป็นคนเข้มงวดอย่างยิ่งพอพบพานความเขินอายอย่างเป็นธรรมชาติไร้จริตปรุงแต่งเช่นเหล่าเชื้อพระวงศ์เด็กรุ่นเดียวกับพระชายาเอกในชินหวางก็อดใจไม่ไหวต้องทรุดกายลงนั่งให้ใบหน้าของนางอยู่ในระดับเดียวกับกายกลมป้อม
“หิวเช่นนี้ข้าวเช้าที่ทางห้องเครื่องจัดมาให้ไม่ถูกปากหรือเพคะชินหวางเฟย”
ก็อยู่ที่ตำหนักไทเฮามาหนึ่งเดือนนอกจากเสี่ยวเตี๋ยสาวใช้กึ่งพี่เลี้ยงที่ตามกันมาจากบ้านเดิมก็มีนางเท่านั้นที่คอยดูแลจัดหาอาหารให้แก่เด็กน้อยจากชายแดนที่ไม่ค่อยคุ้นลิ้นกับอาหารที่มีรสจืดและมันของชาวจงหยวน เพราะถึงเฉียวปิงเซียวจะมีวัยเพียงเท่านี้หากแต่เด็กน้อยกินรสจัดยิ่งกว่านางเสียอีก
“เหนียงจืออย่าได้กล่าวดังไปหากรู้ไปถึงหูพ่อครัวหรือแม่ครัวใหญ่ในห้องเครื่องพวกเขาจะเสียใจเอาได้ ดูจากอาหารทุกจานที่จัดมางดงามวิจิตรกว่าจะปรุงกว่าจะจัดตกแต่งเสี่ยวปิงคิดว่าท่านลุงท่านป้าทั้งหลายต้องทุ่มเททั้งกำลังกายและแรงใจไปไม่น้อย”
ฟังคำกล่าวของเด็กน้อยวัยก็เท่านี้ซางเหนียงจือนางหรือจะอดใจไหวกับความน่าเอ็นดูและความรู้จักรเป็นห่วงความรู้สึกข้ารองบาทจึงกดปลายจมูกหอมแก้มกลมนุ่มที่คล้ายกับผู้เป็นเจ้าของซ่อนซาลาเปาเอาไว้ที่แก้มทั้งสองไปข้างละหนึ่งครั้งจากนั้นจึงขยับกายลุกขึ้นแล้วจับจูงมือเล็กตรงไปยังศาลาด้านข้างเรือนม่านชิงหลัว ที่ใกล้ห้องเครื่องหวังจะไปปรุงโจ๊กลูกบัวที่คนตัวน้อยกินได้มากที่สุดนับตั้งแต่มาถึงจงหยวนแห่งนี้
เด็กน้อยก่อนจากไปก็ยังหันมาโบกมือโบกไม้ให้แก่คนที่นางวางใจให้เขาเป็นพี่ชายคนใหม่ในจงหยวน ซึ่งสุดท้ายซางเหนียงจือนางก็ได้คิดว่า เด็กน้อยที่นางจับจูงนี้ก็เพียงเด็กวัยหกหนาวผู้น่าสงสาร สิ้นมารดา ไม่พอบิดาก็ลืมเลือนญาติผู้ใหญ่ก็ไม่เอ็นดูเพราะรูปกายภายนอกนางไม่เหมือนลูกหลานคนอื่นๆ สุดท้ายยังต้องตกแต่งให้แก่บุรุษเช่นชินหวางมาอยู่ตรงกลางการแย่งชิงและริษยาของผู้ใหญ่ คงไม่ผิดหากจะมีสักคนมาเอ็นดูหนูน้อยเพิ่มอีกคน
หลังจากแยกตัวกลับเรือนหลันฮวาที่พระสวามีทรงสร้างเอาไว้เพื่อนาง จางหลานเย่นางก็เรียกหาสาวใช้คนสนิทเช่น ฟางลี่ทันที
"จงให้คนของเราคอยติดตามนังเด็กปีศาจปิงเซียวเอาไว้ ดูว่าในหนึ่งวันมันทำอันใด และไปที่ใด ภายในเจ็ดวันข้าจะต้องรู้แจ้งให้หมด"
นางออกคำสั่งออกไปทันที เพราะสำหรับนางแล้วเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่หวังช่วงชิงตำแหน่งชินหวางเฟยกับตนเองล้วนกำจัดมาจนสิ้นเช่นนี้เพียงเด็กน้อยวัยหกหนาวย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถึงในช่วงก่อนวันวิวาห์มิอาจแตะต้อง เฉียวปิงเซียวได้ เพราะนังเด็กปีศาจมันอยู่ใต้ปีกของไทเฮา ทว่าบัดนี้...มันมาอยู่ใกล้นางถึงเพียงนี้ นางก็จะช่วยสงเคราะห์มันให้ได้ไปอยู่กับมารดาเสียในเร็ววันนี้!