วันทั้งวันนางก็ทำหน้าที่ตรวจสมุดบัญชีของกิจการต่างๆ จนล่วงเข้ายามโหย่ว (17.00-18.59น.) จึงพากันเดินทางกลับจวนตระกูลเหยี่ยน
เมื่อเดินทางกลับมาถึงจวน ก็ต้องแปลกใจที่ฮูหยินเหยียนหรือมารดาของเหยียนเชี่ยหลง เรียกทั้งสองคนให้ไปพบโดยด่วน เมื่อเข้าไปถึงห้องโถง ก็ต้องแปลกใจที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าแม้กระทั่งหลี่ชิงชิง เมื่อพบหน้าทั้งสองคน ฮูหยินผู้เฒ่าเหยียนจึงไม่เสียเวลา เอ่ยถึงประเด็นที่ต้องการจะพบทั้งสองคนทันที
“หลงเอ๋อร์ย่าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ยอมให้ความเป็นธรรมกับอนุหลี่เช่นนั้นหรือ ไยเจ้าไม่ให้ความเป็นธรรมกับนางเล่า ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงแค่อนุภรรยา แต่การที่ฮูหยินเอกของเจ้า ถึงขนาดลงมือวางยาพิษนาง มันจะไม่เป็นเรื่องที่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือ บ้านมีกฎบ้านเมืองมีกฎเมือง เจ้าควรจะให้ความเป็นธรรมกับนางเสีย อีกอย่างรู้หรือไม่ว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเจ้าอยู่”
เหมือนดั่งสายฟ้าผ่าลงมาที่กลางศีรษะของเหยียนเชี่ยหลง
“ตั้งครรภ์” ฟ่านเหยาเหยาเองก็พึมพำคำนั้นออกมาอย่างเหม่อลอย
“ใช่แล้วคนที่เจ้าวางยานางกำลังตั้งครรภ์ ดีที่วันนี้นางเอาขนมมาให้ข้า และนางก็เป็นลมล้มไปต่อหน้าข้า ข้าถึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมด” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาด้วยความโกรธ
“หลานคนแรกของตระกูลเหยียนเกือบต้องมาจบชีวิตลง ก็เพราะความใจแคบของฮูหยินเอกเยี่ยงเจ้า มันใช้ได้ที่ไหน แต่ก่อนข้าทราบเรื่องว่าเจ้าชอบลงไม้ลงมือกับอนุหลี่ ข้าก็ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะคิดว่าเจ้าจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเองในสักวัน และยอมเข้าใจว่าสามีมีสามภรรยาสี่อนุจะเป็นเรื่องธรรมดาที่บุตรสาวเสนาบดีตระกูลใหญ่เช่นเจ้าจะเข้าใจ แต่ไฉนเลยทุกอย่างคือข้าคิดผิด เห็นทีวันนี้คงต้องลงโทษเจ้าตามกฎของตระกูลเสียแล้ว”
“ท่านย่าเรื่องวางยาพิษนั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่จะชี้ไปที่เหยาเอ๋อร์ แค่เพียงปิ่นที่ตกอยู่บนที่เกิดเหตุเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถเป็นหลักฐานได้” เหยียนเชี่ยหลงถึงกับกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ พอมองมาถึงตรงนี้คิดว่าความสามารถในการพูดจูงใจให้คนเชื่อของหลี่ชิงชิงจะมีความสามารถจริงๆ ที่ทำให้ท่านย่าที่รักเหยาเอ๋อร์ยิ่งกว่าอะไรจะสามารถกล่าวลงโทษนางได้
เขาไม่มีทางยอมโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่านางจะตั้งครรภ์บุตรของเขาอยู่ก็ตามที ในเวลานี้เขาทำได้เพียงชำเลืองมองใบหน้าของนาง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินเอกของเขาด้วยความเสียใจ หลี่ชิงชิงตั้งครรภ์เป็นนี้เขาจะให้นางย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังได้อย่างไร หรือว่าเขาต้องรอให้นางคลอดก่อน ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ปัญหาใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่นี้เขาจะจัดการเช่นไร ถ้าจะพูดว่าเขาไม่ต้องการมีบุตรกับนางก็ใช่ เพราะทุกครั้งที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางเขาจะกำชับให้นางดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้ง แต่เหตุใดนางถึงยังตั้งครรภ์ หรือว่านางไม่ปฏิบัติตามที่เขาสั่ง เขาต้องการมีบุตรคนแรกกับคนที่เขารักเท่านั้น มาถึงตอนนี้เมื่อมองเห็นใบหน้าของสตรีผู้เป็นที่รัก เขาทำได้แค่สำนึกผิดเท่านั้น
“แล้วเจ้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร เจ้าลองตอบย่ามาสิ”
ไม่รอให้เขาได้กล่าวอะไรฟ่านเหยาเหยาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ท่านย่า ในเมื่อทุกคนมองว่าหลานสะใภ้คนนี้เลว ทราม เป็นคนใจคอคับแคบไปแล้ว เหยาเอ๋อร์คงทำได้เพียงให้ท่านย่าลงโทษหลานในสถานหนักตามกฏของตระกูลด้วย”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษสถานหนักของกฎของตระกูลเหยี่ยนคืออะไร” ทั้งฮูหยินผู้เฒ่า เหยียนเชี่ยหลง และเหยียนจัวอี มารดาของเหยี่ยนเชี่ยหลงกล่าวออกมาพร้อมกัน
“ทราบเจ้าค่ะ”
“ทราบแล้วยังยืนยันที่จะให้ข้าลงโทษเจ้าตามกฎของตระกูลอีกหรือ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงโทษเจ้านะ ฟ่านเหยาเหยา”
"ท่านย่าโปรดระงับโทสะด้วย ฟังหลานสะใภ้กล่าวให้จบเสียก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ" นางคิดว่านี่คงถึงเวลาฉีกหน้ากากจอมปลอมของนางผู้หญิงจอมเสแสร้ง หลี่ชิงชิงผู้นี้เสียที
"หากพิสูจน์แล้วว่าใครเป็นผู้วางยาพิษอนุหลี่จริง ผู้นั้นย่อมต้องมีความผิดถูกขับออกจากตะกูลตามกฎ แต่ถ้าหากว่าคนผู้นั้นโกหกคอยยุแหย่ ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในตระกูล และยังใส่ร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน มีความอิจฉาริษยา โทษของคนผู้นั้นก็สมควรที่จะให้ได้รับโทษที่ร้ายแรงของตระกูลเช่นกันดีหรือไม่เจ้าคะ"
นางยอมถูกมองเป็นผู้หญิงร้ายกาจมานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องฉีกหน้ากาก ให้ผู้อื่นได้ทราบเสียที
นางจะพิสูจน์ให้ทุกคนในที่นี้ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วนางผู้หญิงแพศยาคนนี้ ไม่ได้ท้อง จะท้องได้ยังไงเล่า ในเมื่อท่านหมอประจำตระกูลมาตรวจอาการหลังจากที่นางต้องพิษไปแล้วเมื่อวาน ท่านหมอไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนางตั้งครรภ์เลยด้วยซ้ำ ผ่านมาแค่วันเดียวจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไปหลอกหมาข้างถนนแกเถอะ ใครจะเชื่อ!! แต่เอ๊ะลืมไปฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อ เฮ้อ!!! พอพูดถึงหลานขึ้นมาหน่อย ก็ไม่ใช้สมองคิดอะไรบ้างเลยนะเจ้าค่ะท่านย่า
"เจ้ากล่าวเช่นนี้เจ้ามีหลักฐานอะไร จะพูดขึ้นมาลอยๆ โดยไร้หลักฐานได้เยี่ยงไร"
"ในเมื่อหลานพูดเช่นนี้หลานย่อมต้องมีหลักฐาน" หลังพูดจบก็ไม่ลืมชำเลืองมองใบหน้าของหลี่ชิงชิงที่ ตอนนี้มีใบหน้าซีดเผือดอย่างหวาดกลัวความผิด เพราะหลี่ชิงชิงดูจากสายตาของฮูหยินเอกผู้นี้แล้ว นางเชื่อว่าสตรีผู้นี้จะต้องรู้ความจริงอย่างแน่นอนถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนั้นออกมา
"หลี่ชิงชิงไยเจ้าถึงหน้าซีดเผือดเช่นนั้นเล่า ไยพวกเจ้ายังไม่รีบประคองนางไปนั่งพักอีก นายของเจ้ากำลังตั้งครรภ์มิใช่รึ หรือไม่ใช่"
"พี่หญิงเอาอะไรมาพูดเจ้าค่ะ น้องแค่รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเท่านั้นเอง แค่นั่งพักสักครู่คงจะรู้สึกดีขึ้น"
"เจ้าควรจะเรียกข้าว่าฮูหยินถึงจะถูก เพราะตำแหน่งของข้ากับเจ้านั่นต่างกัน ข้าว่าจะบอกกับเจ้าหลายคราแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเสียที วันนี้ก็ถือโอกาสบอกกับเจ้าให้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรเสียทีก็แล้วกัน เมื่อวานนี้ตอนที่ท่านหมอเถียวมาตรวจ เขาก็ได้กำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มากๆ มิใช่หรือ แต่ข้ามิเห็นจำได้เลยว่าท่านหมอเถียวกล่าวว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เรื่องสำคัญขนาดนี้ท่านหมอเถียวกลับไม่กล่าวถึงช่างแปลกเสียจริง"
นางไม่วายหยิบยกประเด็นนี้เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเกิดความสงสัย และก็เป็นไปตามคาด ทุกคนในห้องโถงต่างคิดตามสิ่งที่นางพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ไม่ทราบว่าหมอที่มาตรวจอาการให้อนุหลี่วันนี้เป็นใครหรือ คงมิใช่ว่าเป็นหมอที่บ่าวรับใช้ของนางไปตามมาหรอกนะ" ฟ่านเหยาเหยาไม่พูดเปล่ายังชำเลืองไปที่หลี่ชิงชิงอย่างเยาะหยัน
เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าคนมีปัญญาพอจะคิดได้คงมองสถานการณ์ออก ไม่รอให้หลี่ชิงชิง ได้พูดสิ่งใดเพื่อเป็นการแก้ตัวอีก
"ไปเชิญตัวท่านหมอเถียวมาพบข้าเดี๋ยวนี้" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกไป และก็ไม่ลืมสังเกตอาการของหลี่ชิงชิงไปด้วย
เมื่อมองเห็นความร้อนรนในดวงตาของหลี่ชิงชิง และ ความสงบเยือกเย็นที่ฟ่านเหยาเหยา นางผู้ที่ซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อน ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดมีที่มาที่ไปเช่นไร เพราะความอยากได้หลานของนางแท้ๆ ทำให้นางเลอะเลือนไปชั่วขณะ
ไม่นานท่านหมอเถียวก็เดินทางมาถึงยังห้องโถงตระกูลเหยียน ที่มีผู้คนอยู่พร้อมหน้า ไม่รอให้เสียเวลาฮูหยินผู้เฒ่าก็เปิดประเด็นทัน ที
"ท่านหมอเถียวข้ารบกวนให้ท่านช่วยตรวจอาการให้กับอนุหลี่อีกสักรอบเนื่องจากวันนี้อยู่ดีๆ นางก็เป็นลมล้มพับไป ขณะที่นางนำขนมอบมาให้กับข้า ทำให้ข้าร้อนใจในอาการป่วยของนางยิ่งนัก"
เมื่อมาถึงตรงนี้หลี่ชิงชิงก็ไม่อาจขัดขืนได้ เนื่องด้วยว่าทุกสายตากำลังจดจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว นางจึงทำได้เพียงยอมรับ อย่างจำยอมในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่รอช้าท่านหมอเถียวก็ตรวจดูอาการของหลี่ชิงชิง โดยใช้มือแตะชีพจรนางสักครู่และจึงกล่าวว่า
"เรียนฮูหยินผู้เฒ่าอาการโดยทั่วไปของอนุหลี่นั้นก็ถือว่าปกติ ชีพจรคงที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาจจะเพราะพักผ่อนน้อยเกินไป เมื่อวานหลังจากข้ากลับไปได้กำชับท่านแม่ทัพเหยียนเอาไว้แล้ว ว่าให้นางพักผ่อนให้มากๆ อย่าให้ออกมาต้องลม สัก 2-3 วัน มิเช่นนั้นอาจจะทำให้นางล้มป่วยได้ง่ายๆ "
"แล้วอาการอย่างอื่นเล่าท่านหมอ คนกำลังตั้งครรภ์เวลาโดนพิษจะไม่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์หรือ"
หมอเถียวยกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ "เรียนฮูหยินผู้เฒ่าอนุหลี่หาได้ตั้งครรภ์แต่อย่างใด อาการทั่วไปแค่อ่อนเพลียธรรมดาขอรับ"
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตาลงแล้วกล่าวออกไปอีกครั้ง
"ท่านแน่ใจแล้วรึ ว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์"
"จากประสบการณ์การเป็นหมอของข้ามา 20 ปี ข้าแน่ใจ"
"เป็นเช่นนั้น ก็ขอขอบใจท่านหมอมาก" กล่าวจบฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้ส่งคนไปส่งท่านหมอกลับจวนทันที
หลังท่านหมอเถียวจากไป สายตาฮูหยินผู้เฒ่าก็ไปตกอยู่ที่หลี่ชิงชิง จนทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้อง หน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ใบหน้าก้มต่ำมองพื้น มือทั้งสองข้างถูกกำเอาไว้แน่น เหงื่อกาฬไหลเต็มกรอบหน้าด้วยความหวาดกลัว จากสายตากดดันที่จ้องมองมา
"เรียนท่านย่า ท่าน ..ท่านหมอที่บ่าวของข้าเชิญมา อาจจะมีประสบการณ์ไม่มากพอก็เป็นได้เจ้าค่ะ"
ท่าทีที่ตอบแบบตะกุกตะกักแถมยังแสดงอาการออกมาทางสีหน้าขนาดนั้น ทำให้ทุกคนพอจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว โดยที่ไม่ต้องอธิบายสิ่งใดให้มากความ
แต่ฟ่านเหยาเหยาคงไม่ยอมให้จบง่ายๆ เพียงเท่านี้เป็นแน่ ใบหน้าของนางยิ่งฉายแววของความน่ากลัวออกมาจนหลี่ชิงชิงถึงกับขนลุกขนชัน "ข้ายอมให้เจ้าทำให้ข้าเสียภาพลักษณ์มานานแล้ว เขาบอกตีงูต้องตีให้ตาย วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไม่เหลือทางรอดได้อีก"
"ท่านย่าข้าขอเชิญคนผู้หนึ่งเข้ามาที่นี่ได้หรือไม่"
หลี่ชิงชิงตกใจในการกระทำของฟ่านเหยาเหยาเป็นอย่างมาก นางจะเชิญใครเข้ามา ทำไมนางถึงรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรมิอาจทราบได้เช่นนี้
"เชิญแขกของข้าเข้ามาได้แล้ว เร็วเข้านี่ก็ช่วงปลายยามซวีแล้ว ข้าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว จะได้จบเรื่องนี้เสียที" นางพูดแบบไม่ทุกข์ร้อนอันใด
หลังจากที่เงียบอยู่นาน เหยียนเชี่ยหลงก็อดที่จะเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ "เหยาเอ๋อร์คนที่เจ้าพามานั้นคือผู้ใดหรือ"
"ในเมื่อท่านถามข้ามาก็ดีแล้ว ข้าจะตอบให้หายข้อข้องใจ คนผู้นี่คือเจ้าของร้านขายยาสมุนไพรเถาเป่ย ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง และอีกด้านหนึ่งที่น้อยคนนักจะทราบ ก็คือว่าร้านยาเถาเป่ยยังเป็นร้านขายสมุนไพรพิษในตลาดมืดอีกด้วย วันนี้ที่ข้าได้เชิญเขามาที่นี่เนื่องจากได้ทราบมาว่า เมื่อหลายวันก่อนมีคนในจวนตระกูลเหยียน ได้นัดแนะซื้อยาพิษกระเรียนแดงกับเถ้าแก่ร้านยา"
พูดเสร็จนางก็ส่งสายตา เป็นเชิงอนุญาตให้เถ้าแก่ร้านยาเถาเป่ย หรือก็คือเถ้าแก่ชิงชานได้แนะนำตนเอง
"ข้าน้อยเป็นเจ้าของร้านยาเถาเป่ยหรือฮูหยินจะเรียกข้าว่าเถ้าแก่ชิงชานก็ได้ ที่ข้ามาในวันนี่ก็เนื่องจากว่า ฮูหยินฟ่านเหยาเหยาได้เชิญข้าน้อยมา เพื่อไขความกระจ่าง เมื่อหลายวันก่อนมีคนมาซื้อพิษกระเรียนแดงจากข้าไปจริง"
"ใช่ฮูหยินฟ่านเหยาเหยาหรือไม่" ฮูหยินผู้เฒ่าถามออกไปแทบจะทันที
"ย่อมมิใช่ ฮูหยินฟ่านนางเป็นสหายกับข้ามานานแรมปี มิหนำซ้ำ ยังเป็นผู้มีพระคุณของข้า ในปีนั้นข้าถูกพิษร้ายแรงอาการเป็นตายเท่ากัน มิสามารถขยับตัวได้ขณะที่ออกเดินทางขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรหายากด้วยตัวเองแต่ยังดีที่ได้ฮูหยินฟ่าน และคุณชายใหญ่ตระกูลฟ่านช่วยเอาไว้ ถึงได้รอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นข้าน้อยก็ให้สำนึกบุญคุณในครั้งนั้นเรื่อยมา พอมาทราบข่าวว่าฮูหยินฟ่านถูกคนใส่ร้าย ข้าน้อยจึงมิอาจนิ่งนอนใจ ข้าน้อยจึงได้มาไขความกระจ่างให้พวกท่านได้ทราบในวันนี้"