01.2
ขอผัวทั้งที
หลังจากทริปขอผัวรอบเช้าของอีนุ่นจบลง พวกเราก็ตามร้านแนะนำมาหยุดอยู่ที่ร้านติ่มซำชื่อดังร้านนึง ซึ่งเดินวนหาจนน่องปูด ไม่ใช่เพราะว่าร้านลึกลับซับซ้อน แต่เพราะแมพกูลเกิ้ลมันพาพวกเราเดินวนอ้อมทุกตรอก เข้าทุกซอย จนปวดหัวไปหมด
“ไอ้ฉิบหาย พากูเดินจนน่องปูด” ไอ้เปา ผู้ชายคนเดียวในทริปโพล่งขึ้นมาเพราะอารมณ์เสีย มันทำหน้าบ่จอยมากๆ กับทริปนี้ มันบ่นไอ้นุ่นนิดหน่อยก่อนที่จะหันมาโฟกัสที่เมนูอาหาร
“เมนูแม่งเป็นภาษาจีนว่ะ มีแค่บางอันที่เป็นรูป มึงช่วยกูดูหน่อย” ฉันเปิดเมนูขึ้นมาแล้วปวดหัวตึ้บ คือฉันพอจะอ่านภาษาจีนได้นิดหน่อย และฟังรู้เรื่องแบบขี้หมูขี้หมามากๆ แม้สายเลือดทางฝั่งอากงอาม่าจะเคยหอบผ้าหอบผ่อนนั่งเรือใบมาปักหลักที่ไทย แต่ตอนนี้ความจีนของฉันมันหายไปกับกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว
“ไหน” ไอ้เปาว่าก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือทำให้หัวเราชนกันดังปั่ก! “โอ๊ย”
“โอ๊ย ไอ้ห่าราก หัวเหอแหกหมด” ฉันบ่นอุบแล้วกำหัวป้อยๆ “อย่ามาใกล้กูมาก เดี๋ยวคนอื่นเค้าคิดว่ามึงเป็นผัวกู”
“กูอยากได้มึงเป็นเมียมากมั้งเนี่ย”
“มึงไม่อยากได้ คนอื่นเค้าอยากได้ไง” ฉันจิ๊ปาก ถึงเห็นฉันแบบนี้ ฉันก็สวยและดีเถอะ! ดีทั้งหน้าทั้งปากเลยนะ จะบอกให้!
“ก็เห็นไม่มีผัวมาตลอดปีตลอดชาติ”
“ก็กูเสือกเกิดมาดีขนาดนี้ จะมีใครกล้าจีบกูวะ” ฉันพูดอย่างหน้าไม่อายพลางใช้มือข้างนึงเสยผมตัวเองไปทัดหู ขยับหน้าให้ถูกองศาแล้วจือปากให้มันรู้ว่าเพื่อนมันน่ะสวยและดีแค่ไหน ใครใครก็เข้าใจว่าฉันมีแฟนแล้ว มีคนเข้าหาเยอะมากแน่ๆ
ความจริงคือแชทเงียบยังกับป่าช้า
“รีบสั่งเหอะ พี่เค้ายืนหน้าหงิกรอจดเมนูจนจะแดกหัวมึงได้ละ” ฉันค้อนมันก่อนจะหันไปเห็นพี่พนักงานหน้าใสที่เป็นเจ้าของรอยยิ้มพระจันทร์เสี้ยว ไม่รู้ว่าคนประเทศนี้เขาทานอะไรเป็นอาหาร หรือได้รับส่วนกุศลผลบุญจากที่ไหน ผิวถึงได้เรียบเนียนจนฉันอดหมั่นไส้ไม่ได้
“เอาทุกอย่าง อย่างละหนึ่ง” ฉันเอ่ยแล้วหัวเราะคิกคัก ทำให้ไอ้เปาเบ้ปาก
“รวยมากเหรอมึงอ่ะ”
“กูหลอก! อ่า I want this… and this (ฉันอยากได้อันนี้ และอันนี้) เอาอะไรอีกดีวะ” ฉันชี้เมนูที่ดูจากภาพน่าจะกินได้ แล้วหันไปขอความเห็นจากไอ้เปา ส่วนไอ้นุ่นไม่สนใจอะไรสักอย่าง ยกเว้นนั่งแต่งรูปตัวเองที่เพิ่งถ่ายมา
“มา กูเลือกเอง”
ไอ้เปาคว้าเมนูไป ก่อนที่ฉันจะลอบมองพี่เด็กเสิร์ฟสุดหล่อแล้วคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ ไหนๆ ก็พาเพื่อนมาทริปขอผัวแล้ว สงสัยเราต้องลดภาระให้ท่านเทพเจ้าสักกะหน่อย
อีเปา อีหง่าว กวนประสาทฉันดีนัก มันต้องโดน!
“***(พี่ชาย)” ฉันโพล่งขึ้นมาเป็นภาษาจีนง่อยๆ ที่เรียนมาจากกูลเกิ้ล ความจริงแล้วฉันเตรียมพร้อมด้านภาษามาตั้งแต่ที่ไทย เพื่อหาเรื่องแกล้งอีสองตัวนี้สักทางใดสักทางหนึ่ง และตอนนี้แหละที่เป็นจังหวะอันดี!
พอเด็กเสิร์ฟที่ถูกเรียกหันมาสบตาฉัน ฉันก็เอามือป้องปากประหนึ่งเป็นความลับของคนสองคนแล้วพูดเสียงกระซิบกระซาบ เหล่ตาไปที่ไอ้เปาที ที่เขาที
“*****(เขาชอบคุณแน่ะ)”
“...Ah” พี่เด็กเสิร์ฟหัวเราะแล้วยิ้มหวานๆ ก่อนจะตอบกลับเป็นภาษาไทย“ขอบคุณครับ”
“พูดไทยได้ด้วยเหรอ?” ฉันหันไปมองเพราะค่อนข้างเซอร์ไพรส์ แต่พอเห็นหน้างงๆ กลับมา ฉันก็เดาว่าเขาพูดไม่ได้หรอก ก็แค่รู้ว่าพวกฉันเป็นคนไทย เลยฝึกคำนี้ไว้ตอบโต้นั่นแหละ
คนที่นี่เวลารู้ว่าเป็นคนไทยทีไร จะต้องมาพร้อมกับประโยค ‘ สวัสดีค่ะ’ ตลอด แถมใช้คำว่าค่ะ ทั้งชายและหญิง ยังกับเป็นประโยคซิมเปิ้ลที่ต้องพูดใส่คนไทย คงเหมือนกับเราเจอคนจีนแล้วทักทายว่า ‘หนีห่าว’ล่ะมั้ง
“ฮะ มึงพูดไรวะ ทำไมเค้าขอบคุณกู”
“กูบอกว่ามึงชมว่าอาหารอร่อย” ฉันโกหกหน้าด้านๆ
“อร่อยห่าไร ยังไม่ทันได้แดก อย่ามาตอแหล” และมันก็รู้ทันอีก!
“ทุกคน กูตุ๊งรูปเสร็จละ มึงดูดิ๊ เวิร์คปะ กูควรใช้โทนไหนดี” ไอ้นุ่นแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางดี๊ด๋าแล้วโชว์หน้าจอโทรศัพท์ให้พวกเราดู “สี Warm Light หรือโทนฟ้าทะเลดี”
“ใช้ๆ ไปเหอะ โทนไหนก็อ้วน” ไอ้เปาตอบได้ร้ายกาจจนฉันเกือบหลุดขำ
โอ๊ย! ไอ้เวร ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควรพูดไหมล่ะ หยาบคายมาก!
อีนุ่นเบ้ปากพลางเงยหน้าขึ้นมาจิกอีเปา ก่อนที่จะได้ทันอ้าปากด่าไอ้เปา สายตามันก็สบกับพี่เด็กเสิร์ฟหน้าใส คาดผ้าแดงอยู่ที่สะเอว ผิวขาวผุดผ่อง มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนสายตาจิกกัดเป็นตาหวานพริ้ม
ทันใดนั้นข้อศอกของเพื่อนก็กระทุ้งเข้าที่เอวฉันทันที
“จิ้ง ท่านเทพส่งผัวมาแล้ว”
“นุ่น วันๆ นึงท่านเทพมีคิวคนขอผัวยาวเป็นร้อย ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวพวกเรา มึงต้องพักก่อน” ฉันเรียกสติอีนุ่นทันทีที่มันทำตาวอนนาบีคนตรงหน้าจนเขารู้ตัว เขายิ้มหวานให้ในขณะที่ไอ้เปากำลังสั่งอาหารดะ โดยการยกมือถือขึ้นมากดกูลเกิ้ลทรานสเลท
“กูสั่งเสร็จละ พวกมึงนั่งรอแดกพอ แดกข้าวนะ ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ” ไอ้เปาปิดเมนูแล้วโบกมือให้พี่หล่อหน้าใสเดินไปทางอื่น ไอ้นุ่นเบ้ปากจิ๊จ๊ะ มองคนหล่อตาละห้อยแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“จิ้ง ช่วยเลือกรูปหน่อย กูอยากได้รูปลงในทินเดอร์”
ทินเดอร์ คือแอพหาคู่ที่ค่อนข้างมีคนใช้งานมากประมาณนึงในไทยและสากลโลก หากแต่ที่นี่ไม่ได้ฮอตฮิตกับแอพลิเคชั่นนี้เหมือนอย่างเรา แต่พวกเขานิยมใช้แอพลิเคชั่นหาคู่อื่น ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลนี้ฉันได้รับมาจากผองเพื่อนที่เคยอาศัยอยู่ในโซนจีน ฮ่องกงและไต้หวันมาก่อน
ฉันก็ไม่ได้อยากมีแฟนหรอกนะ ฉันแค่อยากหาคนพาเที่ยว หรือคนในท้องถิ่นมาช่วยแนะนำ บวกกับฝึกภาษาจีนไปในตัว
“ทำไรอ่ะ อีจิ้ง” เมื่อมันเห็นฉันไม่ตอบก็เริ่มหันมาสนใจสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่แทน ฉันเปิดเข้าไปในแอพลิเคชั่นหาคู่ของจีนเพื่อจะเอาให้ไอ้นุ่นดู ไหนๆ มันก็ซีเรียสกับการหาแฟนซะขนาดนี้ เพื่อนที่ดีก็คงต้องชี้ทางมันสักหน่อย
“เล่นแอพหาคู่ของจีนไง ไหนๆ ก็มาเหยียบในโซนจีน ฮ่องกงละ ช่วยบรรเทาภาระเทพเจ้าหน่อย” ฉันว่าแล้วเบี่ยงมือถือให้ไอ้นุ่นดูชื่อแอพลิเคชั่น “เพื่อนกูบอกว่าคนที่นี่ไม่ค่อยเล่นทินเดอร์ เค้าเล่นแอพอื่นกัน”
“จริงอ๋อ กูโหลดมั่งดิ” ไอ้นุ่นดูตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็น
“เออ แป๊ป นี่กูเปิดให้ดู งานดีทั้งนั้น” ฉันพยายามสปอยเพื่อให้มันตื่นเต้นกว่าเดิม อีนุ่นทำท่าคาดหวังก่อนที่ฉันจะเปิดหน้าแอพลิเคชั่นให้มันดู ลักษณะการใช้งานไม่ต่างจากทินเดอร์นัก คือมีรูปและโปรไฟล์ของผู้ชายขึ้นมา พร้อมกับเครื่องหมายหัวใจและกากบาท
ถ้าชอบกดหัวใจ ไม่ใช่กดกากบาท
ถ้าบังเอิญใจตรงกัน ก็ Match จ้า คุณได้ไปต่อ
คงเพราะแอพลิเคชั่นนี้มีคนชนชาติจีนเยอะมาก หน้าเลยออกสไตล์ตี๋ๆ ไปหมด อีนุ่นวี๊ดว้ายตอนที่ฉันเปิดให้มันดู และฉันก็สาธิตด้วยการกดหัวใจให้ผู้ชายหน้าตาตี๋ คิ้วเข้ม หล่อเหลาเอาการคนนึง
“มึง คนนี้หล่อออ”
“หล่อก็กดถูกใจ นี่แน่ะ” ฉันกดให้มันดูก่อนที่หน้าจอจะเด้งว่า Match!
“เชี่ย!!” ฉันกับไอ้นุ่นสะดุ้งพร้อมกันทำให้ไอ้เปาย่นคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ไม่ใช่เวลาที่จะอธิบายอะไรกับมัน เพราะไอ้คนที่เพิ่งจะผูกดวงรักกับฉัน รูปนางคือหล่อ และหล่อมาก หล่อจนฉันงงว่ามีเหตุผลอะไรในการเลือกฉัน
“อ้าว ได้เฉย หรือนี่จะเป็นเพราะท่านเทพเจ้าหยุคโหล่ว” อีนุ่นเลิ่กลั่กตาโต
วันนี้ฉันคงจะได้ยินคำว่าเทพเจ้าไปทั้งวันแน่ๆ
“กูว่าเพราะกูสวย” ฉันมโนเข้าข้างตัวเอง ไม่ออกอาการมากจนเกินไป
คนในโลกอินเตอร์เน็ต เชื่อใจได้ที่ไหน ใช้รูปจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันย่นคิ้วมองดูโลเกชั่น ไม่ได้อยู่ใกล้แถวนี้สักเท่าไหร่ แถมมีคำว่า VIP พ่วงท้ายชื่อของเขา ให้เดาเลยว่าอีตานี่เล่นแอพลิเคชั่นหาคู่นี้อย่างจริงจัง
“มึง นางเป็น VIP ด้วยนะ ถ้านางไม่โดนแม่บรีฟให้รีบหาเมีย ก็คงจะหาคู่นอนละ กูว่า” ฉันตั้งสมมติฐาน
“ยังไงก็ตาม มึงทักเค้าดิ๊ นางอาจจะเป็นผู้ชายที่ท่านเทพเจ้าหยุคโหล่วประทานมา”
“มึงหยุดพูดชื่อท่านเทพเจ้าอะไรของมึงก่อนได้ปะ”
“เอ้า มึง เค้าบอกว่าศักดิ์สิทธิ์นะเว้ย ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ มึงทักๆๆๆๆ” อีนุ่นดูตื่นเต้นกว่าฉันประมาณสิบเท่า มันดีดดิ้นและวอแวจนฉันต้องส่งข้อความไปหาผู้ชายที่เพิ่งจะดวงสมพงศ์กัน
Jing Jing: Hi
ฉันส่งสติ๊กเกอร์ทักทายไป ก่อนที่อีนุ่นจะแทรกหน้าเข้ามาเสือก จนแทบจะสิงมือถือฉันอยู่แล้ว
XiXi: Hi
XiXi: What’s your name? (เธอชื่ออะไร)
Jing Jing: Jing Jing, U? (จิงจิง , เธอล่ะ)
XiXi: **********ฉันกับไอ้นุ่นมองตาปริบๆ เพราะอ่านไม่ออก ตอนพิมพ์มาถามก็พิมพ์ภาษาอังกฤษมาแต่แนะนำตัวเป็นภาษาจีนซะงั้น แล้วฉันอ่านจีนเป็นที่ไหน แม้ฉันจะมีสายเลือดจีนวนเวียนอยู่ในตัวแต่ฉันเกิดและเติบโตที่ไทย!
ฉันใช้ภาษาไทยมาทั้งชีวิต ทุกคนรู้ เพื่อนรู้ ฉันใช้ภาษาไทยตลอด
“อ่านไม่ออกว่ะ มึงอ่านออกปะ” ฉันหันไปมองอีนุ่นที่ส่ายหัวรัวๆ
“เข้ากูลเกิ้ลแป๊ป” ฉันลงทุนก๊อบคำพูดของเขาไปแปลในโปรแกรมแปลภาษา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
XiXi: *********= คุณเรียกผมว่าสามีก็ได้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++