01.1 ขอผัวทั้งที

1842 คำ
01.1 ขอผัวทั้งที “เนี่ย ถ้าพวกมึงอยากมีผัวกันมากนะ กูเดินไปสะกิดผู้ชายที่มาไหว้พระแถวนี้ให้เอาไหม” อีเปามันโพล่งขึ้นมาแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องไหว้พระขอผัว ดังนั้นคนที่มาส่วนใหญ่ก็มีจุดประสงค์ต้องตรงกันทั้งนั้น แถมส่วนใหญ่... “เฮ้ย มึงมาทางนี้” ฉันได้ยินเสียงภาษาไทยเซ็งแซ่ ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองอยู่ที่ฮ่องกง เพราะคนไทยน่ะเยอะสุดๆ ทั้งคนที่มาเอง ทั้งที่มากับทัวร์ เดินถือธงกันให้ควั่ก “ไม่จำเป็นต้องให้มึงสะกิดหรอกเปา แค่กูยืนอยู่เฉยๆ อะนะ ผู้ชายเค้าก็มองกูกันแล้ว” ฉันไหวไหล่มั่นใจในหนังหน้าก่อนจะปรายสายตาไปมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วกระตุกยิ้มเพราะรู้ว่าบางสายตาก็แอบมองมาทางฉันอยู่ เนี่ย ไม่ต้องให้ท่านเทพเจ้าทำงานเหนื่อยเลย แค่ฉันตัดสินใจจะไปกับใครสักคนที่นี่ มันก็จบแล้ว บ้าเอ๊ย คนอะไรเกิดมาดีขนาดนี้ ฉันกลั้นยิ้มก่อนจะยืดหลัง เชิดหน้าให้คนเห็นว่าฉันหน้าตาดีแค่ไหน ถึงโลกนี้จะแย่แต่ก็มีหน้าฉันนี่แหละที่มันดีอยู่เสมอ เวลาฉันเครียดๆ ฉันก็แก้ปัญหาด้วยการส่องกระจก รู้สึกว่า อืม จะตายก็เสียดายหน้าตา อยู่ดีกว่าให้คนอิจฉาเล่นๆ “มองของแปลกน่ะสิ ทำมาเป็นยิ้มมั่นหน้า ถ้าสวยจริงมีผัวไปนานแล้ว” ไอ้เปามองฉันด้วยสายตาเอือมระอา “กูเลือกหรอก!” ฉันกระแทกเสียงเมื่อมันกวนประสาท “ฟังนะมึง ฟังแล้วมึงอาจจะถอนหายใจ” “งั้นไม่ต้องพูด” “กูจะพูด กูอะ หน้าตาดี คืออาจจะไม่ใช่ญาญ่าแต่ก็จัดว่าเดินผ่านแล้วคนมอง มึงนึกออกปะ?” พูดจบแล้วก็ใส่จริตด้วยการผายมือเข้าที่หน้าตัวเองแล้วเสยผมสวยๆ สักรอบเพื่อยืนยันว่าคำพูดฉันน่ะมันจริง “แถมบ้านกูอะก็ฐานะค่อนข้างไปทางดี บ้านกูก็มีแล้ว รถกูก็มีแล้ว แถมงานกูก็เงินเดือนเสือกดีอีก เอางี้ ถ้าผู้ชายมันไม่ได้ดีไปกว่ากูขนาดนั้น กูจะมีทำไมให้เป็นภาระ มึงเข้าใจกูปะ?” “จ้ะ” มันกระแทกเสียง สงสัยจะยังไม่เข้าใจ “เอาเป็นว่าเพื่อนมึงเพอร์เฟ็คอ่ะ เลยหาคนที่เหมาะสมยากหน่อย” “ควาย” “อะไรนะ” ฉันจิกสายตาเมื่อได้ยินไอ้เปาพูดคำไม่ไพเราะเสนาะหู ฟังดูไม่เข้ากับหนังหน้าฉัน มันยิ้มกวนตีนจนตาหยี “เปล่าจ้า บอกว่าถูกต้องแล้วจ้า มึงอ่ะสูงส่ง... ส่งไปที่คานเลยจ้า” “สวยก็งี้” ฉันไม่ยี่หระกับคำค่อนขอดอันอ่อนด้อยของมันแล้วสะบัดปลายผมด้วยจริตคนงามหันไปมองอีนุ่นยืนเคารพเทพเจ้าด้วยสายตาเลื่อมใส “อีนุ่น มึงจะเอาผัวกี่คนฮะ ขอนานเหลือเกิน” “แหม เสร็จแล้ว จะรีบอะไรนักหนา ของแบบนี้มันต้องงานประณีตหน่อยปะมึง มันต้องตั้งจิตอธิษฐาน” อีนุ่นหันมาจิ๊จ๊ะกับพวกฉันที่ดันไปขัดศรัทธาอยากมีผัวอันแรงกล้าของมัน “มึงเอาเวลาตั้งจิตไปตั้งใจเรียนแต่งหน้าดีไหมนุ่น หื้ม อย่าให้กูต้องสอน” ไอ้เปามองหน้าเพื่อนที่เครื่องสำอางเริ่มจะเอาไม่อยู่ทั้งควันธูป ทั้งเหงื่อ ทำให้หน้าไม่สามารถเป๊ะได้เหมือนตอนแรกที่ลงจากสนามบิน เพราะพวกเราจองไฟลท์บินเช้า ทำให้ยังไม่สามารถเช็คอินโรงแรมได้ กว่าจะเช็คได้ก็รอบ่ายสาม ไอ้นุ่นเลยลากพวกเรามาไหว้พระ โดยฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์อัจฉริยะ เพราะถ้าให้พวกเราลากไปลากมา ฉันไม่เอาด้วยแน่ๆ “มึงก็ว่ามัน ต่อให้ไม่มีเครื่องสำอาง เราก็สวยเนอะนุ่น” ฉันกระแซะข้อศอกเข้าที่เอวคนตัวเล็กกว่า ไอ้นุ่นเป็นคนไม่สูงมาก ราวๆ 158 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 50 ปลายๆ เกือบ 60 ได้ ทำให้มันอวบนิดหน่อย คิ้วเข้ม หน้าคม แต่แก้มป่อง มีเครื่องรางขอผัวเกือบทุกวัด แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน “มึงหยุดสร้างความมั่นใจผิดๆ ให้เพื่อนสักทีเถอะจิ้ง แค่ตัวมึงเองมันก็มากพอแล้ว” ไอ้เปาผู้เกิดมาเพื่อขัดแข้งขัดขามันโพล่งขึ้นมาอีกแล้ว มันเป็นผู้ชายหน้าตาจัดว่าดี สูงร้อยแปดสิบ น้ำหนักสมมาตรฐาน แถมยังมีกล้ามพอดิบพอดี เสียอย่างเดียว ปากหมาไปหน่อย ฉันเลยไปต่อกับเพื่อนคนนี้ไม่ไหว “อีเปามึงหัวร้อนไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเนี่ย” อีนุ่นย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดีเอาแต่ขัดขาไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ไปเดือดมาจากไหน คนถูกถามถอนหายใจเซ็งๆ “กูเหนื่อยไง กูต้องรีบปั่นงานมาเพื่อให้ทันทริปพวกมึง ยังไม่ได้นอน ขึ้นเครื่องก็นอนไม่ค่อยหลับ พอมาถึงนึกว่าจะได้พักบ้าง เสือกโดนลากมาไหว้พระขอผัวอีก กูคงแฮปปี้มากมั้งเนี่ย” “มันก็เช็คอินตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้วปะวะ มึงอยากพักจะนอนตรงนี้ก็ได้นะ ตามสบาย” ฉันสวนมันบ้าง คนห่าอะไรบ่นได้ทุกสามวินาที “จะนอนกับกูไหมล่ะ!” “ท่านเทพเจ้าคะ ด้วยลักษณะผู้ชายที่บอกกล่าวเมื่อกี้ ขอยกเว้นอีเปาไว้คนนะคะ ไม่เอาอีนี่ค่ะ ไม่เอา!” ฉันยกมือไหว้พระทันทีที่มันพูดจาชวนให้คิด อย่าให้ชีวิตฉันต้องมาพลิกผันได้กับมันเลย ฉันสยอง! รู้ไส้รู้พุงกันดีเกิน ขืนได้กันคงด่ากันทุกวันไม่มีวันสงบสุขหรอก “มึงไม่ต้องถึงกับไหว้เทพหรอก กูไม่เอามึงอยู่แล้วจ้ะ ให้มึงขอร้องกู กูก็ไม่เอาจ้า” “พวกมึงทะเลาะไรกันเนี่ย” อีนุ่นเดินมาแทรกกลางเพื่อเบรกพวกเราก่อนจะส่ายหัวเหนื่อยหน่าย “หาไรแดกเหอะ กูหิวละ” “กูเห็นด้วย” ฉันยอมสงบศึกเพราะตอนนี้ท้องเริ่มร้อง ตั้งแต่ลงจากเครื่อง เราก็ตรงมาไหว้พระขอผัวเลย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แถมตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วย สำหรับฉัน ผู้ชายน่ะเรื่องเล็ก เรื่องแดกเรื่องใหญ่ “เออ กูก็หิว ไปหาไรแดกกันเหอะ ไปย่านมงก๊กได้ปะ พอแดกเสร็จกูอยากดูรองเท้าหน่อย” ไอ้เปาเสนอความเห็น มันเป็นคนที่วางแพลนทริป ย่านมงก๊ก เป็นย่านที่รวบรวมศูนย์การค้าไว้เยอะมาก เรียกว่าใครมาช้อปปิ้งต้องไม่พลาดที่นี่ พวกเรารู้เพราะนั่งเปิดอ่านรีวิวตามเน็ตเยอะแยะและดอกจันหลายๆ ที่ที่อยากไป “เออ มันมีร้านนึงเพื่อนกูแนะนำมา เค้าบอกว่าติ่มซำอร่อย ร้าน J’dxx อยู่ย่านมงก๊กนั่นแหละ” อีนุ่นที่จู่ๆ ก็เหมือนจะมีประโยชน์เอ่ยขึ้นมาพร้อมเปิดพิกัดร้านให้พวกเราดู “เออ งั้นมึงรู้ใช่ไหมว่าร้านอยู่ไหน... นำเลย” ไอ้เปาเอ่ย ก่อนที่เราจะพบว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากๆ ที่ให้ไอ้นุ่นนำทางพวกเราไปยังร้านนั้น มันพาเรานั่งใต้ดินมาลงมงก๊ก แต่ด้วยความที่ตรอกซอกซอยที่นี่มันเชื่อมกันเกือบทั้งหมด และไม่รู้ว่าเกิดอาเพศอะไรขึ้น ไอ้เหี้ยนุ่นพาพวกเราเดินมาเจอกับช้อปแอดิดาสช้อปเดิมรอบที่สาม ทั้งที่ในมือถือโทรศัพท์ที่มีจีพีเอสนำทางแต่ก็ยังเสือกหลงได้ จากเที่ยงเริ่มบ่าย ไอ้เปาผู้หัวร้อนและเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าเริ่มจะทนไม่ไหว มันจิ๊จ๊ะก่อนจะบ่นเป็นคนแรก “นุ่น มึงมาถูกทางปะเนี่ย กูเห็นช็อปแอดิดาสสามรอบแล้วนะ สัส” “กูก็เดินตามจีพีเอสเนี่ย! ไม่ใช่ความผิดกูนะมึง มันพาวนเอง” ไอ้นุ่นโวยวายแล้วรีบยื่นมือถือมาให้พวกเราเพื่อแก้ตัวว่ามันไม่ผิดสักกะหน่อย ที่กวนตีนคือแมปในมือถือมันต่างหาก “หิวข้าวโว้ยยย” ฉันร้องพร้อมกับท้องที่เริ่มครวญคราง คนรอบตัวก็ดูจะแฮปปี้กับการเดินช็อปปิ้งเป็นคู่ๆ ได้ยิน ภาษาไทยบ้างเป็นระยะ “ไหน มึงเอามาดูดิ๊” ฉันเริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน คว้ามือถือไอ้นุ่นมาดู ก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆ ฉันไม่แน่ใจว่าจีพีเอสมันรวนแล้วพาพวกเราวน หรือเป็นไอ้เหี้ยนุ่นที่พาพวกเราเข้าผิดซอย เลยต้องวกกลับไปกลับมา “มึงส่งโลเกชั่นมาให้กู เดี๋ยวกูนำเอง” ฉันอาสา “แต่ถ้าหาไม่เจออ่ะ มึงก็เลือกแดกสักร้านเถอะ กูขอร้อง” “พวกมึงก็ใจเย็นๆ กันหน่อยสิ จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเพราะท่านเทพเจ้ายุคโหล่วก็ได้นะมึง” อีนุ่นว่าแล้วจู่ๆ ก็ยิ้มแบบไร้เหตุผล ทำตาพริ้มพรายอยากได้ผัวในพรหมลิขิตท่ามกลางคนหิวข้าวสองคน “ท่านอาจจะอยากให้ GPS รวนเพื่อให้เราไปผิดทางก็ได้นะเว้ย” “ท่านจะทำไปเพื่อ... อะไรล่ะจ้ะ” ไอ้เปากลอกตามองบนเริ่มจะทนความเพ้อของเพื่อนไม่ไหว “เอ้า ก็ถ้าเราไปอีกทาง ก็อาจจะได้เจอผัวที่เราขอก็ได้ไงมึง” มันยังไม่เลิกเพ้อ ฉันที่ยืนร้อน เจ็บเท้า เหนื่อย นอนไม่พอ โดนควันธูปเป่าใส่หน้ามาตั้งแต่เช้า หิวข้าวตาลายเสือกต้องมาได้ยินประโยคเพ้อๆ ของมันก็เริ่มถึงจุดเดือด ฉันไม่รู้หรอกนะว่าท่านจงใจ หรือแค่อีนุ่นมันกากเองเลยพาเราหลง ซึ่งน่าจะเป็นอย่างหลัง ฉันขยับเท้าไปยืนอยู่ตรงหน้าไอ้นุ่นที่กำลังทำท่าเพ้อๆ จับไหล่สองข้างของเพื่อนแล้วเขย่าแรงๆ เผื่อมันจะมีสติ!! “โอ๊ย มึงพอสักที ขอเจอตอนอื่นได้มั้ยล่ะท่าน ตอนนี้กูไม่อยากได้เนื้อคู่ กูอยากได้เนื้อย่างโว้ย กูหิว! กูหิว!! มึงเข้าใจมั้ย!!!” “โอ๊ย! กูเจ็บ! กูรู้แล้ว!” ไอ้นุ่นโอดโอยแล้วสะบัดแขนฉันออกเมื่อฉันแสดงอภินิหารใส่มัน เพราะฉันโคตรหิว ถ้าฉันไม่ได้กินตอนนี้ ฉันเป็นลมแน่ มันเบ้ปากแล้วกดส่งโลเกชั่นให้ฉันกับไอ้เปาพร้อมกวาดตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่แปลกใจกับมึงเลยนะจิ้ง” “อะไรอีก ไม่แปลกใจอะไรอีก” “ก็ไม่แปลกใจไงที่มึงไม่มีผัว ก็เป็นซะแบบนี้ท่านเทพไม่ช่วยมึงหรอก!” มึงจะย้ำกูอีกนานไหม ตอบ!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม