เมธาวีพาปวริทไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ซูเปอร์ใกล้คอนโด แม้ว่าเธออยากซื้อเสื้อผ้าให้เขาด้วย แต่ปวริทไม่ยอมให้เธอจ่ายเงิน
“แค่นี้เอง ฉันจ่ายก็ได้” เสียงหวานเอ่ยขณะมองคนตัวโตด้วยความสงสัย ว่าทำไมถึงได้ดึงดันขนาดนั้น
“ของใช้ของผมทั้งนั้น ผมก็ต้องจ่ายเองสิครับ แค่คุณเบลให้ผมพักอยู่ด้วย ก็ใจดีมากพอแล้ว” อีกอย่างเป็นเพราะความทะนงในศักดิ์ศรีของเขา ต่อให้เขารับจ้างเป็นสามีของเมธาวี แต่พวกของใช้ส่วนตัว จะให้อีกฝ่ายเป็นคนแลดูทั้งหมดได้ยังไง เขาไม่ใช่แมงดาสักหน่อย ส่วนเรื่องอาหาร เขาจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเอง เพราะเขาอยู่บ้านคนเดียวเป็นหลัก
“แต่คุณเป็นสามีของฉันนะ ฉันต้องดูแลคุณสิ อย่างน้อยก็ควรให้ฉันจ่ายค่าอาหาร” เมธาวีแย้ง นัยน์ตาคู่สวยขุ่นมัวอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าปวริทมองความปรารถนาดีของเธอเป็นอย่างอื่น กับแฟนเก่า พวกเขาก็ชอบให้เธอดูแลแบบนี้กันทั้งนั้น ทำไมปวริทถึงไม่ชอบ
ปวริทแค่นยิ้มขณะเก็บถุงสิ่งของไว้ที่หลังรถ รู้ว่าเมธาวีไม่ได้ดูถูกที่เขาจนกว่า แต่การที่เธอคุ้นชินกับการจ่ายเงินให้คนอื่นแบบนี้ มันไม่ดีเลย เพราะมันอาจทำให้คนอื่นมองเธอเป็นแค่ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่
“คุณก็เป็นภรรยาของผมเหมือนกันนะครับ สามีที่ไม่ดูแลภรรยา มันก็เป็นได้แค่แมงดาเท่านั้น”
เมธาวีสะอึก รู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดหน้า เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาหม่นหมอง ก็รู้สึกผิด
“บัน... ฉันไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้นเลยนะ”
ปวริทพยักหน้าเข้าใจ เขาเข้าใจดีว่าระดับฐานะของเขากับเมธาวีแตกต่างกันเกินไป เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมต่างกัน ตรรกะเหตุผล ก็ย่อมต่างกัน
“ผมรู้ครับ รู้ด้วยว่าคุณใจดีกับคนอื่นขนาดไหน” ชายหนุ่มคิดถึงเรื่องสมัยเด็ก สมัยที่เมธาวีแอบเอาข้าวมาให้เขากินบ่อย ๆ
เมธาวีจับมือของปวริทพลางช้อนสายตามองเว้าวอน
“คุณโกรธฉันเหรอ ฉันผิดไปแล้ว...”
ปวริทเห็นสีหน้าว้าวุ่นใจของหญิงสาวก็ยิ้มบาง โน้มศีรษะลงจูบแก้มนุ่มตรงหน้าเบา ๆ
“คุณเบลไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้โกรธด้วย”
เมธาวีหรี่ตามองอย่างรู้ทัน ถ้าไม่โกรธก็คงไม่เสียงแข็งกับเธอแบบนี้
คนตัวโตหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ได้โกรธจริง ๆ นะครับ แค่น้อยใจนิดหน่อยเอง”
หญิงสาวเอียงคอด้วยความสงสัย
“น้อยใจ? เรื่องอะไร...”
ปวริทเก็บของเสร็จแล้วก็ปิดประตูหลังรถ ก่อนจะหันมาสบตาคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู แค่ได้รับการใส่ใจแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว
“คุณเคยได้ยินคำว่าดอกฟ้ากับหมาวัดไหมครับ พอได้เจอกันอีกครั้ง ดอกฟ้าอย่างคุณก็ยังดูสูงส่งเหมือนเดิม ลูกหมาอย่างผมเลยอดน้อยใจไม่ได้”
ใบหน้าของเมธาวีร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงจนต้องเบือนหน้าหนี กลัวจับได้ว่าเธอกำลังเขินอาย เพราะตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงอย่างเธอน่ะเหรอเป็นดอกฟ้า บ้าไปแล้ว สมกับเป็นหนุ่มโฮสต์ คำพูดคำจา ถ้าผู้หญิงไม่เคลิ้มตามสิแปลก
เมธาวีตีไหล่กำยำของอีกฝ่ายเบา ๆ
“เลิกพูดอะไรเสี่ยว ๆ ได้แล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
ปวริทแอบเห็นใบหูเล็กแดงก่ำก็ลอบยิ้ม นึกว่าเมธาวีจะไม่หวั่นไหวกับการจีบแบบเสี่ยว ๆ พวกนี้เสียอีก คงต้องพูดให้ฟังบ่อย ๆ ซะแล้ว
“ครับเมีย” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ถึงจะถูกคนตัวเล็กมองค้อนก็ตาม
กลับมาถึงคอนโดแล้ว ทั้งสองก็ช่วยกันจัดแจงข้าวของที่ซื้อมา โดยปวริทได้จัดการแบ่งแยกวัตถุดิบธรรมดาแล้วใส่เข้าไปในตู้เย็นอันว่างเปล่าของหญิงสาวจนเต็ม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมธาวีเป็นพวกไม่ทำอาหารกินเองอย่างแน่นอน เพราะในตู้เย็นมีแค่น้ำกับเบียร์ ในตู้แช่แข็งก็มีแต่อาหารสำเร็จรูป เรียกได้ว่าการอยู่การกินของเธอแย่กว่าเขาเสียอีก ดูเหมือนเขาจะต้องรับหน้าที่พ่อครัวเพิ่มด้วย เพราะเขาจะไม่ยอมให้ภรรยาสุดที่รักต้องกินอาหารสำเร็จรูปประทังชีวิตต่อไปแน่นอน
ในขณะที่ปวริทวุ่นอยู่กับการจัดครัว เมธาวีที่เก็บเสื้อผ้าของปวริทเสร็จแล้ว มาก็นั่งมองชายหนุ่มในห้องครัวอย่างเพลินตา ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีวาสนาได้สามีเป็นหนุ่มหล่อเซ็กซี่ขนาดนี้ ตอนที่ทำกัน เธอไม่มีเวลาสำรวจรูปร่างของเขาเท่าไหร่ เพราะมัวแต่อาย ตอนนี้ได้เห็นเต็มตาแล้วก็ได้แต่ชื่นชมในใจ เพราะร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามจนรู้สึกสงสารเสื้อเชิ้ตแบบนี้ จะต้องผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมีความอดทนอดกลั้น... ขนาดนั้นได้ยังไง...
แค่คิดภาพตอนที่เขาโยกเย้าอยู่เหนือร่างด้วยสีหน้าหื่นกระหาย ก็รู้สึกร้อนผ่าวทั้งตัว
ยัยคนลามก น่าอายชะมัดเลย
หญิงสาวกอดเข่าฟุบหน้าลงอย่างละอายใจ
“คุณเบล ผมทำอาหารได้ไหมครับ”
เมธาวีเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม หญิงสาวหันไปมองแล้วพยักหน้า
“ได้สิ จะทำอะไรเหรอ” ร่างอรชรลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ด้วยความสนใจ
อาหารมื้อแรกของเธอกับสามี ไม่คิดเลยว่าจะมีวันแบบนี้ เหมือนในละครเลยแฮะ
ปวริทมองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนก้มลงจุ๊บกระหม่อมของอีกฝ่ายเบา ๆ แม้ว่าเมธาวีจะมองด้วยความสงสัย แต่ในสายตาของเขา เธอช่างน่ารักเหลือเกิน
“คิดว่าจะทำข้าวห่อไข่ สมัยเด็กคุณก็ทำให้ผมกินบ่อย ๆ จำได้ไหมครับ” ชายหนุ่มมองคนข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยน พลางหยิบไข่ไก่กับถ้วยมาเตรียมไว้
เมธาวียิ้มกว้างจนตาหยี
“จำได้สิ ถ้างั้นฉันหุงข้าวให้เอง ฉันหุงข้าวเก่งนะ”
“ได้เลยครับ” ปวริทสัมผัสได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นออกมา ทำให้เขาอยากรักษาเวลาแบบนี้เอาไว้นาน ๆ ถ้าได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็คงจะดี
เมธาวีมองรอยยิ้มตรงหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ เธอชอบจัง รอยยิ้มที่จริงใจและสดใสแบบนี้ นอกจากนาราก็ไม่เคยมีใครยิ้มให้เธอแบบนี้อีกแล้ว ต้องทำยังไงถึงจะได้ครอบครองรอยยิ้มนี้ตลอดไปได้
“จริงสิ เดี๋ยวฉันเอาผ้ากันเปื้อนมาให้นะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่ความรู้สึกจะถลำลึกไปมากกว่านี้
“ครับ” ปวริทมองตามด้วยสายตาเปี่ยมรัก
ไม่นานเมธาวีก็กลับมาพร้อมผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายกระต่ายสองผืน แต่ความที่มันเป็นผ้ากันเปื้อนไซส์ผู้หญิง เมื่อคนตัวโตอย่างปวริทสวมใส่ ก็ดูจะคับแน่นไปสักหน่อย... เธอเห็นผ้ากันเปื้อนตัวเล็กที่ไม่สามารถปิดส่วนหน้าอกล่ำสันของเขาได้ ก็หัวเราะเบา ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ เหมือนจะเล็กไปหน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับจากทำงาน ฉันจะซื้อตัวใหม่ให้แล้วกัน” เธอปาดน้ำตาออกจากหางตาเบา ๆ
ปวริทเห็นภรรยาอารมณ์ดีก็มันเขี้ยว บีบแก้มนุ่มของหญิงสาวเบา ๆ เป็นการแก้แค้น
“แกล้งผมแล้วยังจะหัวเราะอีก”
“คิก... ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
ปวริทหรี่ตามอง ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของคนตัวเล็กเบา ๆ ผละออกแล้วมองด้วยสายตาราวกับเสือรอขย้ำเหยื่อ
“เพราะคุณเบลสวยหรอกนะครับ ผมยอมให้ก็ได้”
“อืม...” เมธาวีกลืนน้ำลายลงคอ พลางคิดว่าไม่ควรหยอกเย้าไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเธอนี่แหละที่จะถูกขย้ำเสียเอง แค่คิดถึงคืนนี้ก็ร้อนวูบไปทั้งร่างแล้ว เธอนี่มันลามกจริง ๆ เลย