ชายหนุ่มมองหญิงสาวกินข้าวห่อไข่อย่างอารมณ์ดี เห็นอีกฝ่ายเจริญอาหารแบบนี้ก็อยากจะทำให้กินทุกวัน จะว่าไปแล้วเขาก็ว่างงานอยู่ ทำข้าวกล่องให้ทุกวันน่าจะดี พวกคนที่บริษัทจะได้รู้ด้วยว่าผู้หญิงคนนี้มีพ่อบ้านส่วนตัวแล้ว
ช่างเป็นแผนการที่แยบยลเสียจริง
“อร่อยไหมครับ” เสียงทุ้มถามพลางยื่นมือไปหยิบเศษข้าวที่มุมปากมากินอย่างไม่ถือสา
การกระทำชวนเขินของปวริททำเอาเมธาวีถึงกับชะงักนิ่ง อ่า... เขาเริ่มอีกแล้ว ไอ้ท่าทางแบบหนุ่มโฮสต์ที่ทำให้คนใจจะวาย
“ก็อร่อยดี...” หญิงสาวก้มหน้ามองจานแทนพลางตอบเสียงอุบอิบ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงด้วยสิ พรุ่งนี้ตอนเย็นมีนัดรวมญาติที่ร้าน Asen+ เดี๋ยวฉันส่งพิกัดให้นะคะ” เมธาวีวางช้อนส้อมแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งพิกัดร้านให้คนตรงหน้า
ปวริทกดดูข้อความแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ ร้านอาหารจีนที่มีแต่คนรวยเข้าไปใช้บริการแบบนี้ ช่างสมกับเป็นครอบครัวเจ้าสัวหมื่นล้านจริง ๆ การจะเข้าไปเป็นเขยของครอบครัวนี้ คนอย่างเขามันไม่คู่ควรจริง ๆ นั่นแหละ
เมธาวีเห็นสีหน้ากังวลของปวริทก็สงสัย
“ไม่ชอบอาหารจีนเหรอ ถ้าไม่ชอบไม่ต้องกินเยอะก็ได้ ใครบังคับคุณเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ปวริทยิ้มกว้างเมื่อได้รับการปลอบโยน บางครั้งเมธาวีก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงชนชั้นอันแตกต่าง เธอใช้ชีวิตอยู่บนหอคอย ส่วนเขาก็แค่คนที่ยืนอยู่พื้นดิน เธอถึงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ครับ”
หญิงสาวผลิยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกล่าวถึงแผนผังครอบครัวของเธอว่ามีใครบ้างให้เขารับฟัง แม้ว่าครอบครัวของเธอจะเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ก็คนที่ได้รับความสำคัญจากนิพนธ์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แค่ปวริทไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขแล้ว
“ครอบครัวคุณนี่ ดูรักใคร่กันดีนะครับ”
เมธาวีได้ยินแบบนั้นก็แทบสำลัก หญิงสาวยิ้มเจื่อน
“เหอะ ๆ เคยดูละครเรื่องเลืxดข้xคxจาxไหม เป็นแบบนั้นเลยต่างหาก ฉันน่ะคิดถูกจริง ๆ ที่ออกมาทำงานที่อื่น ไม่งั้นนะ เป็นประสาทตายแน่”
ปวริทพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเห็นแก้วน้ำของหญิงสาวใกล้หมดแล้ว จึงลุกไปเติมที่ตู้เย็น ก่อนเดินกลับมาพร้อมถาดขนม
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ อยู่กับผมดีกว่า เดี๋ยวผมทำให้คุณอารมณ์ดีเอง”
ดวงตาเป็นประกายของปวริททำให้เมธาวีรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คนคนนี้เก่งในเรื่องสร้างบรรยากาศจริง ๆ ไม่ว่าจะเล่าเรื่องเครียดเท่าไหร่ ก็ชอบพาให้เธอนึกถึงเรื่องบนเตียงทุกที
หญิงสาวมองค้อนเบา ๆ
“ก็อย่างนั้นแหละ เพราะงั้นอย่าให้ถูกจับได้ว่าเราเป็นคู่รักปลอม ๆ ก็พอ”
ปวริทคิ้วกระตุกหลังได้ยินคำพูดแสลงหู เขาไม่ได้อยากเป็นคู่รักปลอม ๆ สักหน่อย ทำกันขนาดนั้น ยังไม่ได้เป็นตัวจริงอีกอย่างนั้นเหรอ น่าน้อยใจชะมัด
ชายหนุ่มเท้าคางตอบกลับด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“คู่รักปลอม ๆ เหรอ ทั้งที่พวกเราทำกันถึงขั้นนั้นแล้วน่ะเหรอครับ”
เมธาวีชะงัก ใบหน้าแดงซ่านด้วยความอายเมื่อเขาตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลย
“ก็... นั่นเป็นเงื่อนไขของคุณนี่ คุณบอกว่าไม่รับค่าจ้าง แต่เปลี่ยนเป็น... แบบนั้นแทน”
ปวริทขมวดคิ้ว พอเมธาวีพูดแบบนี้ ก็เหมือนเขาเป็นพวกบ้ากามเลยแฮะ แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นพวกมีความต้องการสูง แค่เห็นเธอนั่งอยู่ตรงหน้าก็คิดไปถึงตอนที่ได้โยกอยู่บนร่างของเธอแล้ว ตอนนี้ก็ตั้งแล้วด้วย อยากจับกระแทกบนโต๊ะอาหารด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ เข้าใจว่าเพิ่งเริ่มต้น แต่เขามั่นใจว่าสักวันเธอจะต้องยอมรับเขาแน่นอน
“ก็ได้ครับ แล้วคุณอยากให้ผมแสดงเป็นคู่รักแบบไหนล่ะครับ คู่รักหวานแหวว คู่รักแบบเด็ก ๆ หรือคู่รักแบบผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกันมานาน ผมแสดงได้หมด”
เมธาวีครุ่นคิดหนัก เธอไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับครอบครัว ที่พลั้งปากไปว่ากำลังจะแต่งงาน ก็เพราะอยากเอาชนะนิพนธ์เท่านั้น แต่นิพนธ์ไม่ใช่คนโง่ เขาคงไม่เชื่อว่าเธอมีแฟนแล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำให้สุดเหวี่ยงไปเลย
“ขอแบบหวานแหววและเร่าร้อน ฉันเบื่อพวกสอดรู้สอดเห็น อยากรู้นักก็เอาให้อายกันไปข้าง จะได้เลิกยุ่งกับฉันสักที” เมธาวีกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อคิดถึงคำพูดถากถางจากทั้งพ่อและญาติของตัวเอง ขนาดเธอออกมาอยู่คอนโดคนเดียว ก็ยังถูกเหน็บแนมตลอด
ปวริทฟังแล้วก็ทั้งสงสารทั้งเอ็นดู ถึงเขาจะไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของเมธาวี แต่เขาก็สามารถเป็นกำลังสนับสนุนให้เธอได้ ขอแค่เธอเอ่ยปาก เขาจะทำตามอย่างยินดี
“ถ้าอย่างงั้นคุณคงต้องเปลี่ยนคำเรียกใหม่แล้วล่ะครับ เพื่อความสมจริง...” เสียงทุ้มกล่าวอย่างหมายมาด
“คำเรียกเหรอ” เมธาวีเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“ก็พวกเราจะเป็นคู่รักแสนเร่าร้อนกันนี่ครับ คงจะเรียกแบบปกติไม่ได้”
เมธาวีนึกถึงคำพูดที่ปวริทใช้เรียกเธอบนเตียงก็ร้อนไปทั้งหน้า
ปวริทเห็นใบหน้าเขินอายของหญิงสาวก็รู้สึกอยากแกล้งมากขึ้น จึงค่อย ๆ จับมือของหญิงสาวขึ้นมาแล้วลูบปลายนิ้วเบา ๆ
“ที่รัก... เมียจ๋า...”
เมธาวีเสียวแปลบจนตัวเกร็ง นั่งหนีบขาไปมาเมื่อรับรู้ถึงกระแสความใคร่จากสายตาของเขา
“ทะ ที่รักก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้” เมธาวีพยายามดึงมืออก แต่ปวริทกลับรั้งเอาไว้แล้วจูบข้อนิ้วเรียวสวยตรงหน้าเบา ๆ
“น่าเสียดายจัง แต่ที่รักก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นที่รัก...เราไป...”
“ฉะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ” เมธาวีลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที
ปวริทมองตามก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหัวเราะอารมณ์ดี ท่าทางเขินอายแบบนั้นก็น่ารักน่าขย้ำเหลือเกิน แล้วจะให้เขาอดใจไหวได้ยังไง
แล้วทำไมเขาต้องอดใจด้วยเล่า ในเมื่อเธอเองก็ยินยอมที่จะทำตามข้อเสนอนี่
เมธาวีใช้น้ำเย็นดับความฟุ้งซ่านในใจ เธอปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านศีรษะ ชโลมไปทั้งร่างกาย เพื่อหวังบรรเทาความร้อนรุ่มในกาย แต่ยิ่งบังคับจิตใจมากเท่าใด อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านมากกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะปวริทนั่นแหละ ที่เข้ามาจุดไฟราคะในห้วงลึกที่ดับมอดไปแล้ว
เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความสุขสมอย่างที่ไม่เคยสัมผัส ทำให้เธอหิวโหยอยากขย้ำเขาอยู่เรื่อย พอใกล้ชิดกันทีไร ก็เหมือนจะพ่ายแพ้ต่อความต้องการทุกที
“อื๊อ...” หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเมื่อถูสบู่แล้วสัมผัสโดนยอดอกของตัวเอง มันชูชันราวกับต้องการให้ใครสักคนดูดมันอย่างแรง แต่มันน่าอายเกินกว่าจะร้องขอ จึงทำได้แค่สัมผัสด้วยตัวเอง
นิ้วเรียวเคลื่อนลงด้านล่างแตะลงบนปุ่มกระสันที่ปริเปล่ง ก่อนจะส่งเสียงครางหวานหูออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว เธอค่อย ๆ ละเลงนิ้วเล่นกับร่างกายตัวเองอย่างเพลิดเพลิน ค่อย ๆ จมดิ่งลงสู่ห้วงกามารมณ์
“ทำแค่นั้น จะพอเหรอครับ”
เมธาวีชะงักด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงของปวริท เธอจึงค่อย ๆ หันกลับไปมองจากด้านหลัง ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นเขายืนยิ้มกริ่มในสภาพเปลือยเปล่า แล้วเจ้านั่นที่ถูกห่อด้วยถุงยางบาง ๆ ก็ชูชันกระตุกพองจนน่ากลัว