ตอนที่ 7 ย้ายบ้าน

1464 คำ
วันต่อมาปวริทได้แจ้งลาพักร้อนกับเจนภพทางโทรศัพท์ จากนั้นก็ทำการย้ายไปอาศัยกับเมธาวีแทน โดยเขาได้สารภาพกับหญิงสาวตามตรงว่ากำลังถูกสตอล์กเกอร์ เมธาวีรู้เรื่องก็บอกให้เขามาพักกับเธอ ถึงอย่างไรก็ต้องเล่นบทสามีภรรยากันถึงสามเดือน ให้พักที่บ้านเธอจะดีกว่า อีกอย่างเธอไม่ชอบค้างที่โรงแรมด้วย ไม่อยากเป็นหัวข้อให้พวกปากสว่างนินทาลับหลัง เมธาวีบอกให้ปวริทมาแต่ตัวก็พอ เพราะบ้านของเธอมีทุกอย่างแล้ว อีกอย่างถ้าหากย้อนกลับไปเก็บของที่บ้านเดิม อาจถูกสตอล์กเกอร์ตามมาถึงที่นี่ได้ ถึงแม้ว่าบริเวณโครงการของเธอจะมีระบบรักษาความปลอดภัย แต่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว ระหว่างที่เธอทำงานอยู่ข้างนอก จึงขอให้เขาอย่าออกไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ปวริทรับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากเมธาวีก็ซาบซึ้งใจ รู้สึกตกหลุมรักหญิงสาวเข้าอีกครั้ง ถึงจะน่าเบื่อที่ต้องอยู่บ้านตามลำพัง แต่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล เขาก็ยินดีจะทำตาม ชายหนุ่มขึ้นลิฟต์ด้วยความประหม่า เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเมธาวีเป็นสาวโสดที่ทั้งสวยและร่ำรวย เพราะเธอเป็นลูกสาวเจ้าสัวนิพนธ์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน นายทุนรายใหญ่ของประเทศ การที่หญิงสาวจะอาศัยอยู่ในคอนโดยูนิตราคาร้อยล้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทว่าความแตกต่างก็ทำให้เขารู้สึกกระจอกจนไม่เหลือศักดิ์ศรี อย่างกับพวกแมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน เข้าใจแล้วว่าทำไมเมธาวีถึงคิดจ้างโฮสต์มาสวมรอยเป็นสามี ทั้งที่ราคาค่าตัวต่อวันก็แพงไม่ใช่เล่น เพราะเธอไม่ได้ขัดสน ส่วนเขาที่ต่อให้เก็บเงินทั้งชีวิต ก็คงไม่มีวันซื้อบ้านหรือคอนโดราคาเท่านี้ได้แน่ ดอกฟ้าก็ยังเป็นดอกฟ้า ไอ้ลูกหมาอย่างเขายังกล้าคิดจะเชยชม หน้าไม่อายชะมัด เมธาวีเดินออกมาจากลิฟต์ก็ถึงประตูหน้าห้องตัวเอง หญิงสาวหันไปมองร่างสูงข้างหลัง เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเหม่อลอย จึงเรียกเบา ๆ “คุณบัน มานี่สิ” “อะ…ครับ” ปวริทได้ยินเสียงหวานเอ่ยเรียกก็หลุดออกจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปหาทันที เมธาวีเห็นท่าทางประหม่าของคนตัวโตก็เอ็นดู ก่อนหน้านี้ยังไล่ต้อนเธออย่างกับสัตว์ป่า แต่พอสัตว์ป่าเข้ามาอยู่ในเมืองปูนแล้ว กลับสงบเสงี่ยมจนน่าประหลาดใจ “มาเร็ว ฉันจะบอกรหัสค่ะ” เธอเรียกเขาอีกครั้ง ปวริทเอียงคอด้วยความสงสัยพลางเดินเข้าไปใกล้ “ให้ผมรู้รหัสจะดีเหรอครับ” หญิงสาวพยักหน้า ริมฝีปากยิ้มกว้าง “กับสามีน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” เธอช้อนสายตามองคนตัวสูง เขาทำให้เธอกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อย่างนั้นเธอก็จะพูดตามใจตัวเอง “แต่ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันก็คงไม่บอกใคร” ตึกตัก ๆ ๆ ๆ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังในอก ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวจนควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเพราะคำพูดของหญิงสาว ที่ทำให้เขาแทบหลอมละลาย ผู้หญิงคนนี้ อันตรายต่อใจเกินไปแล้ว “แล้วมีแค่ผมที่รู้รึเปล่าครับ” ปวริทถามพลางสบตากับอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง เมธาวีหัวเราะเบา ๆ รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องดับฝันของอีกฝ่าย “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่คุณหรอก” ชายหนุ่มหน้าตึงขึ้นทันที นัยน์ตาสีเข้มฉายความไม่พอใจ แต่เพราะไม่อยากให้เมธาวีลำบากใจ และการโมโหก็อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง เขาจึงเปลี่ยนวิธีเป็นออดอ้อนแทน “เพื่อนเหรอครับ ผมต้องทำความรู้จักกับเขาด้วยไหมครับ ถ้าเขาเข้ามาเห็นผม จะได้ไม่เข้าใจผิด…” ดวงตากลมโตมองคนเจ้าเล่ห์อย่างเอ็นดู คงอยากรู้ละสิว่าคนที่รู้รหัสเข้าบ้านของเธออีกคนเป็นใคร ทั้งที่บอกให้เธอพูดตรง ๆ แต่ตัวเองกลับอ้อมซะไกลเลย น่ารักจริง ๆ “อืม เพื่อนสนิทน่ะ” เสียงหวานตอบพลางกดรหัสเข้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกจึงเดินเข้าไปแล้วถอดรองเท้า มือบางเท้ามือบนตู้รองเท้าราวกับต้องการให้ปวริทสังเกตเห็นบางอย่าง ปวริทมองตามมือของหญิงสาว ก่อนสะดุดที่กรอบรูปเล็ก ๆ เป็นรูปของหญิงสาวสองคนในชุดนักศึกษากำลังนั่งกินไอศกรีมด้วยกัน จะว่าไปแล้วผู้หญิงอีกคนก็คุ้นหน้าไม่น้อย เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน เมธาวีหยิบสลิปเปอร์ออกมาวางให้คนตรงหน้าสวมใส่ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังสนใจรูปถ่ายก็เฉลยทันที “เธอคนนั้น เป็นอีกคนที่รู้รหัสค่ะ” “ครับ?” ปวริทหันมามองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นรอยยิ้มเย้าแหย่ของเมธาวีก็รู้ว่าโดนแกล้งเข้าแล้ว เมธาวีเห็นสีหน้าเลิ่กลั่กของปวริทก็หัวเราะอารมณ์ดี “คุณบันนี่ที่รัก ฉันจะให้รหัสผู้ชายเข้าบ้านได้ยังไงเล่า น่ากลัวจะตาย” ปวริทหรี่ตามองเจ้าของเสียงหัวเราะเล็ก ๆ อย่างมันเขี้ยว ถึงจะชอบใจเวลาเห็นเธออารมณ์ดีก็เถอะ “แต่ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ” เขาหยอกกลับด้วยการยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ ร่างกายของเมธาวีวูบไหวเล็กน้อยเมื่อถูกตอบโต้อย่างคนมากประสบการณ์ แต่เธอไม่ยอมแพ้เขาหรอก หญิงสาวยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วจุ๊บแก้มของเขาเบา ๆ ก่อนแลบลิ้นออกมาหน้าทะเล้น “ก็บอกแล้วว่ากับสามีน่ะ ไม่เป็นไร” เจ้ากระต่ายตัวโตหน้าแดงเพราะการกระทำคาดไม่ถึงของคนตัวเล็ก ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเขาของขึ้นง่ายขนาดไหน ยังจะยั่วกันอยู่ได้ เมื่อวานโดนเอาจนขาสั่น ยังไม่เข็ดอีก ชายหนุ่มใช้ปลายจมูกนัวเนียแก้มขาวแล้วจูบริมฝีปากอวบอิ่มเบา ๆ “คุณเบลอย่ายั่วกันให้มากสิ เดี๋ยวไม่มีแรงไปวันรวมญาติเอานะครับ” เมธาวีเหลือบมองริมฝีปากหยักที่เอาแต่จูบเธอไม่หยุด เธอแค่อ่อย แต่เขาต่างหากที่ยั่วไม่เลิก แล้วน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็เร้าอารมณ์ของเธอจริง ๆ ตอนที่เขาใกล้จะเสร็จแล้วร้องครวญครางอยู่ข้างหูเธอ มันทำให้เธอรู้สึกดีมาก เขาทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น ว่าเธอไม่ได้แปลกประหลาดอย่างที่แฟนเก่าชาติชั่วคนนั้นมันพูด ว่าแค่เห็นหน้าเธอ ดุ้นก็หด นั่นมันแค่ข้ออ้างของพวกกระจอกต่างหาก ในขณะที่ปวริท แค่สบตาก็แข็งจนไม่ยอมอ่อน จนทำให้เธอเหนื่อยแทบขาดใจ “จริงด้วย วันรวมญาติ ลืมเลยว่าต้องไปซื้อของฝาก ไม่งั้นโดนบ่นอีกแน่ เสียงพวกนั้นมันน่ารำคาญ” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ พลางกัดเล็บไปด้วยความกังวล ปวริทแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของเมธาวีเปลี่ยนไปเป็นวิตกกังวล และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พูดถึงครอบครัวของตัวเอง ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ เมื่อบรรยากาศเปลี่ยนไปและตึงเครียดมากขึ้น ชายหนุ่มไม่อยากให้หญิงสาวต้องคิดมาก จึงคิดช่วยหาทางออก “ยังไงวันนี้ก็ต้องออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวของผมอยู่แล้ว งั้นเราไปซื้อของขวัญให้ญาติ ๆ ของคุณด้วยเลยดีไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง” ปวริทเห็นหญิงสาวกัดเล็บก็กลัวว่าจะทำให้เล็บฉีก เขาไม่อยากให้นิ้วสวย ๆ พวกนี้ต้องมีแผล ยิ่งกว่านั้น เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายเป็นกังวลด้วย ดูเหมือนว่าวันรวมญาติ จะสำคัญยิ่งกว่าการแนะนำตัวของเขาอีก เมธาวีช้อนสายตามอง เห็นร่องรอยความห่วงใยในแววตาของปวริทก็วางใจ โชคดีเหลือเกินที่มีคนรู้จักเข้ามาเป็นคู่คิดในชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แปล๊บ… ความเสียวแปลบกลางอกมันคืออะไรกัน ทำไมถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้ เมธาวีกุมหน้าอกของตัวเองเบา ๆ ก่อนพยักหน้ายอมรับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย “ขอบใจที่ช่วยนะ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงลำบากมากจริง ๆ” เสียงหวานตอบพร้อมส่งยิ้มให้อย่างซาบซึ้งใจ ปวริทเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็รู้สึกเหมือนตกหลุมรักอีกรอบ อดใจไม่ไหว โน้มตัวลงไปจูบเพื่อปลอบโยนเบา ๆ “ก็ผมเป็นสามีของคุณนี่ครับ เป็นสามีของคุณคนเดียว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม