บทนำ[50%]
บทนำ
กายสูงใหญ่ราวกับว่าเขาคนนี้คือนายแบบชั้นนำระดับประเทศหรือพวกดาราชั้นนำ บวกกับผิวที่ขาวสะอาดจนคล้ายจะเรืองแสงได้ในยามที่ยืนอยู่กลางแจ้ง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนายาวกับจมูกโด่งตั้งตรงเป็นสัน ส่งให้รับกับริมฝีปากสีสดอิ่มเต็มนั้นก็แดงสดดังสีของผลเชอร์รี เมื่อมันรวมกันอยู่บนใบหน้าขาวสะอาดจึงยิ่งดูโดดเด่นอย่างยิ่ง เขาเดินผ่านไปทางไหนก็มีแต่สายตาของหญิงสาวมองตามจนเหลียวหลังกันคอแทบเคล็ด
เขาคือ ธาดา หย่งธรรมคุณ ชายหนุ่มในวัยยี่สิบสี่ปี เพิ่งสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท คณะเกษตรศาสตร์ เอกสาขาพืชไร่ และในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาววัยเดียวกัน 'แพรวารี ทวิพัฒน์' เลขาของ 'อัครภพ หย่งธรรมคุณ' C.E.O. ผู้เป็นบิดาของธาดา หนุ่มใหญ่ไฟแรงวัยห้าสิบสี่ปี โด่งดังในฐานะเจ้าของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง ‘หย่งธรรมคุณฟู้ดส์’ และยังมีกิจการในเครือหย่งธรรมคุณอีกหลายอย่างมากมาย
ส่วนเขา...ธาดาว่าที่อาจารย์อายุน้อยนั้น เป็นบุตรชายลำดับสาม ถือกำเนิดจากอดีตภรรยาคนหนึ่งในจำนวนหลายคนของหนุ่มใหญ่อัครภพ มารดาของธาดาจากไปตั้งแต่เขาอายุเพียงสิบเอ็ดขวบเท่านั้น ดังนั้นหลังจากอายุยี่สิบสี่เขาจึงเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจใด ๆ ของบิดาและคุณปู่ แต่เขาเลือกไปดูแลกิจการไร่ผสมผสานของคุณตากับคุณยายเท่านั้น ชายหนุ่มได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า หลังจากงานแต่งงานผ่านพ้นเขาจะย้ายตัวเองไปเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยด้านเกษตร ในจังหวัดบ้านเกิดของมารดาอย่างถาวรเสียที ไม่มาวุ่ยวายอะไรกับกิจการทางฝ่ายบิดาอีก
แต่วันนี้ช่างแปลกนัก ชายหนุ่มผู้อารมณ์ดีออกจะยิ้มได้บ่อย ถึงไม่ใช่คนยิ้มง่ายแต่เขาก็เป็นชายหนุ่มผู้มีอัธยาศัยดี เป็นนักศึกษารุ่นพี่ระดับปริญญาโทที่ใจดีคนหนึ่ง เป็นเพื่อนร่วมคลาสเรียนที่น่ารัก
วันนี้เขามาแจกการ์ดงานแต่งงานของตัวเองให้กับเพื่อนและเหล่าอาจารย์ที่คุ้นเคยสนิทสนมกัน แต่เขากลับดูเร่งรีบจนขนาดเพื่อนนักศึกษารุ่นน้องกล่าวสวัสดีทักทาย เขากลับเดินผ่านเลยเหมือนกับมองไม่เห็น!
ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ทุกคนเข้าใจถูกต้องที่สุด ในยามนี้เขากำลังสติไม่ครบสมบูรณ์ ทั้งที่คืนนี้เขามีนัดเลี้ยงสละโสดล่วงหน้ากับกลุ่มก๊วนเพื่อนสนิททั้งสามคนคือ 'พายัพ อิทธิพัฒน์' 'อาทิตย์ พงค์สวัสดิ์' และ 'แดนดนัย ฉัตรทรัพย์มากทอง' สี่หนุ่มสี่มุมที่คบหากันมายาวนานนับตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนมัธยมต้นนั่นเลยทีเดียว แต่กลับแทบลืมเลือนเพราะมีสิ่งรบกวนจิตใจอย่างรุนแรงเสียแล้วตอนนี้
"เฮ้...ไอ้ธามทางนี้โว้ยมึง...สลัด! เดินเป็นคนลืมวิญญาณเอาไว้ที่บ้านไอ้ห่า"
เพราะมัวแต่เดินใจลอยขนาดที่ผู้กองหนุ่ม 'แดนดนัย' นายตำรวจไฟแรงวัยยี่สิบสี่ปี หนึ่งในกลุ่มก๊วน สี่สหาย ยังต้องรีบเดินตามไปตบไหล่เพื่อนสนิทอย่างแรงเพื่อเรียกสติของมัน ซ้ำทั้งที่เขายืนอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับเดินเลยไปหน้าตาเฉยคล้ายเขาเป็นวิญญาณล่องหน!
"อ้าว ไอ้แดน มึงมายังไงวะ?"
เพราะเขานั้นก็เอารถมาแล้ว นี่ก็เพิ่งบ่ายสี่โมงเท่านั้น จึงอดสงสัยว่าไอ้ผู้กองแดนไยจึงมาโผล่ตรงหน้า ทั้งที่เวลานัดรวมตัวคือสองทุ่มกว่าโน่นเลย พอโผล่มาก่อนเวลาเขาจึงแปลกใจจนอดจะถามออกไปไม่ได้
"พอดีกูแวะเอาของมาให้เด็กว่ะแล้วจำรถมึงได้ จะขอติดรถไปด้วยกันเลย"
เป็นที่รู้กันว่านอกจากธาดาแล้ว ในอีกสามหนุ่มนั้นยังไร้วี่แววของ ‘ตัวจริง’ ดังนั้น ‘เด็ก’ ในที่นี้ก็เป็นอันรู้กันว่าหมายถึงใครอยู่ในตำแหน่งไหนสำหรับหนุ่มโฉดสันดานเพลย์บอยตัวพ่อทั้งสี่
"รอทำไม อย่าบอกว่ามึงถูกเด็กที่ว่าริบเอากุญแจรถคันหรูไปแล้วเลยจะมาอาศัยรถกูกลับ ชอบเปย์เกินกำลังตัวตลอดไอ้บ้าเอ๊ย"
นายตำรวจหนุ่มไฮโซเกาท้ายทอยคล้ายยอมรับอยู่ในที คนที่กำลังเครียดจึงทำเพียงกรอกดวงตาเบื่อหน่ายไม่ปิดบัง รถมันราคาไม่น้อยเรียกว่าหากใช้เงินเดือนอันน้อยนิดของข้าราชการสีกากีที่สะอาด คงต้องรวมเอาเงินเกษียณก็ยังซื้อได้เพียงซุ้มล้อกระมัง
"เซี่ย...จมูกดีกว่าตำรวจแบบกูอีกมึง...กูขอติดรถไปด้วย จะไปแจกการ์ดใช่ไหม เดี๋ยววันนี้กูทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวเต็มที่ช่วยมึงแจกการ์ดแทนเจ้าสาวมึงเอง"
ธาดาเพียงส่งเสียง "เออ" คำเดียวสั้น ๆ แล้วเดินนำไปยังรถที่คิดในใจว่าบางทีให้ไอ้ผู้กองแดนมันช่วยขับในขณะที่สติเขาไม่เต็มร้อยคงดีกว่า
"มึงขับ กูจะไปคอนโด...แถวทองหล่อ"
เขาส่งกุญแจรถของตนเองให้แดนดนัยหลังจากปลดเซ็นทรัลล็อกเรียบร้อย ผู้กองหนุ่มมองเพื่อนสนิทพลางนึกสงสัย ปกติมันหวงรถคันนี้ยิ่งกว่าเมีย หากอีกฝ่ายไม่เมาเยี่ยงสุนัขแล้วเขาไม่มีวาสนาได้ขับหรอก แล้ววันนี้ไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวในอีกร่วมสามอาทิตย์ข้างหน้ามันเป็นอะไรไปกันแน่ ซึ่งเขาก็ได้เพียงแค่สงสัยแต่ไม่ถาม กลับเลือกจะทำหน้าที่คนขับรถให้โดยดี คิดในใจว่านี่เป็นบริการอันดีเลิศของเพื่อนเจ้าบ่าวเสียก็เท่านั้น
"เอาดี ๆ นะไอ้เฮียธาม มึงเป็นอะไรกันแน่วะ...ไม่สบายหรือเปล่า หน้ามึงดูแย่ฉิบหาย"
ในที่สุดเมื่อผ่านมาสองไฟแดง แดนดนัยที่เห็นเพื่อนส่องมือถือสลับกับใบหน้าประเดี๋ยวเคร่งขรึมประเดี๋ยวก็เครียด สักพักก็ดูซีดเซียว จึงอดใจไม่ถามไม่ไหวอีกต่อไป
"กู..."
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเพื่อนสนิทกันแบบพวกเขาทั้งสี่สหาย ที่ไม่กล้าพูดสิ่งที่กำลังทรมานสติอันดีให้มันแทบจะขาดรอน ๆ กลายเป็นไอ้คลั่งคนหนึ่งอยู่เต็มทน กับคลิปลับที่ถูกทยอยส่งมาเป็นระยะ อาจจะเรียกว่าทุกสิบห้าถึงยี่สิบนาทีต่อคลิปเลยก็ว่าได้
มันจะใช่ไหม? มันจะจริงไหม? มันจะใช่หรือเปล่า?
คำถามที่เขาเริ่มกลัวคำตอบในทุกขณะ และทุกจำนวนคลิปที่ถูกส่งมาเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น
...นั่นก็พ่อ...นั่นก็ว่าที่เจ้าสาว...มันจะใช่ไหม? มันจะเป็นไปได้แน่หรือ?