EP 4. ผู้ชายหน้าเหมือนโจร
ปี่แก้วคิดไปไกลด้วยความหวาดหวั่น จึงไม่เห็นว่าคนตัวโตก้าวลงจากรถด้วยความหงุดหงิด เดินอ้อมไปทางด้านหลังเด็กสาว แล้วโน้มตัวมาเปิดประตูรถทำให้ปี่แก้วถึงกับตกใจจนตัวแข็ง เพราะใบหน้าและช่วงไหล่ของเขาก้มลงมาใกล้จนเกือบจะกุมกอด
และเขา....ตัวหอมมาก
คะ...คนเป็นโจรเขาต้องตัวหอมขนาดนี้เชียวหรือ
“ขึ้นรถสิ”
เสียงทุ้มที่กระซิบใกล้แทบชิดใบหูทำให้ปี่แก้วตัวอ่อนยวบ จู่ๆ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกหัวใจเต้นตึกตักเช่นนี้มาก่อนเลย
มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
จังหวะที่เด็กสาวกำลังงุนงงกับความรู้สึกของตนเองอยู่นั้น คนตัวโตก็แตะที่ไหล่แล้วดันร่างเล็กเข้าไปในรถราวกับจับวาง ซึ่งแน่นอนว่าปี่แก้วไม่กล้าแม้แต่จะร้องโวยวายขัดขืน
ความอึดอัดที่ต้องนั่งอยู่ในรถยนต์สองต่อสองกับชายแปลกหน้าสิ้นสุดลงเสียที ปี่แก้วรีบก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะ ที่กรุณามาส่งหนู”
ปรานต์ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน เขามองเข้าไปในบ้านราวกับกำลังสำรวจ ก่อนจะหันมาพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเธอยกมือไหว้ขอบคุณเขา
“เข้าบ้านสิ แล้วอย่าลืมล็อกกุญแจด้วย” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนอย่างลืมตัว ทว่าคราวนี้ปี่แก้วไม่ได้สะดุ้งตกใจไปกับน้ำเสียงมาเฟีย ราวกับว่าเธอเริ่มจะคุ้นชินกับเสียงวางอำนาจของเขาบ้างแล้ว
“ค่ะ”
เด็กสาวรีบไขกุญแจรั้วที่เต็มไปด้วยคราบสนิมแล้วก้าวเข้าไปในอาณาเขตบ้าน จัดการล็อกกุญแจรั้วราวกับกลัวว่าเขาจะก้าวตามเข้ามาเสียอย่างนั้น
เธอสาวเท้ายาวไปไขประตูบ้าน ไม่วายหันกลับมามองคนตัวโต พบว่าเขายังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วราวกับยักษ์ปักหลั่น เมื่อสบตากันเขาก็ขยับริมฝีปากช้าๆ จับใจความได้ว่า
“ล็อก! ประ! ตู! บ้าน!”
ปี่แก้วผงะด้วยความตกใจ รีบก้าวเข้าไปแล้วล็อกประตูบ้านทันที
“เฮ้อ...คนอะไรน่ากลัวชะมัดเลย” เด็กสาวบ่นอุบแล้วพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่ออยู่คนเดียวเพียงลำพัง เธอก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยความเหนื่อยล้า บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำของ ‘พ่อ’ ความรักและความอบอุ่นยังคงอบอวลไม่จางหาย ทว่าบ้านที่เปรียบดั่งกล่องความทรงจำกำลังจะถูกยึด
โดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย...
เด็กสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันช้าๆ ผุดลุกขึ้นยืนหมายจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม ทว่าหางตากลับเห็นว่ารถลัมโบกินียังคงจอดอยู่หน้าบ้านโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอจึงรีบสาวเท้าไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไป
ให้ตายเถอะ! เขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ ทั้งที่เวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยืนอยู่แบบนั้นไม่ถูกยุงกัดแย่หรอกหรือ
แต่คนท่าทางน่ากลัวอย่างเขา ยุงอาจกลัวจนไม่กล้ากัดก็เป็นได้!
จังหวะนั้นคนตัวโตก็สบตาเข้ากับคนตัวเล็ก และเขาขยับริมฝีปากหนาหยักได้รูปอีกครั้ง
“ล็อก! หน้า! ต่าง! เดี๋ยว! นี้!”
ปี่แก้วสะดุ้งโหยงรีบจัดการล็อกหน้าต่างทุกบาน จากนั้นจึงเดินมาแอบดูเขาหลังผ้าม่านหน้าต่าง พบว่าพ่อทูนหัวของเธอเดินตรวจตราไปรอบๆ บ้าน แล้วพยักหน้าราวกับพึงพอใจ ก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วขับจากไป
“อะไรกัน! คุณอาปรานต์ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งครึ่งชั่วโมง เพียงเพื่อจะบอกให้เราปิดหน้าต่างเหรอเนี่ย เป็นผู้ชายที่ดูน่ากลัว แต่...ก็น่ารักดีแฮะ”
ปี่แก้วเผลอยิ้มออกมาด้วยความขบขันกับท่าทางแข็งกร้าวที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนของเขา โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่านี่เป็น ‘รอยยิ้ม’ แรกที่ผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน นับจากบิดาได้จากเธอไปตลอดกาล...