EP 5. ชอบออกคำสั่ง
เจ้าของร่างบอบบางก้าวพ้นประตูรั้วโรงเรียนด้วยความรู้สึกหวิวโหวงในหัวใจ มือเล็กกำหูกระเป๋าหนังสีดำเอาไว้แน่น ริมฝีปากสีชาดสั่นน้อยๆ ก่อนจะเม้มสนิทเป็นเส้นตรง เธอกลอกดวงตากลมโตขึ้นมองบนท้องฟ้าราวกับกำลังบังคับหยาดน้ำใสไม่ให้หยาดหยด ก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองอาคารเรียนที่แสนคุ้นเคยอย่างอาลัยอาวรณ์
ปี่แก้วจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว นับตั้งแต่วันนี้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมาที่โรงเรียนแห่งนี้อีกต่อไป
เด็กสาวยกยิ้มอย่างเย้ยหยันในโชคชะตา พยายามกลืนก้อนแข็งที่แล่นมาจุกที่ลำคออย่างยากลำบาก การประคองตนเองให้ผ่านช่วงสอบเพื่อสำเร็จการศึกษาในขณะที่ต้องจัดงานศพของบิดาผู้เป็นที่รักนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สุดท้ายเธอก็ผ่านมันมาได้อย่างสะบักสะบอม
เพื่อพบว่าเธอยังคงหายใจและใช้ชีวิตอยู่บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้พร้อมหนี้สินอีกกว่าสิบล้านบาท ที่ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปดปีอย่างเธอจะหาเงินเหล่านั้นมาได้อย่างไร
จังหวะที่เด็กสาวยังคงยืนอยู่หน้าโรงเรียน รถลัมโบกินีก็แล่นเข้ามาจอดเทียบริมฟุตปาธ
“รถคันนี้!”
ปี่แก้วจ้องมองอย่างจำได้แม่น แล้วชั่วอึดใจต่อมาเจ้าของรถก็ก้าวลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เด็กนักเรียนและผู้ปกครองบริเวณนั้นต่างมองมาที่เขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่พากันถอยห่างและจ้องมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง
“สวัสดีค่ะคุณอาปรานต์” เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม นับจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย และคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบเขาอีกแล้ว จนกระทั่งเขามาปรากฏตัวอีกครั้งที่หน้าโรงเรียน
“ขึ้นรถสิ”
เขาออกคำสั่งโดยไม่อธิบายอะไรเลยราวกับเคยชิน ทว่าปี่แก้วกลับไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง อีกทั้งยังมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยและตกลงกับเธอ ขึ้นรถสิ!”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเด็กสาว เขาจึงอธิบายถึงเหตุผลในการมารับเธอ แต่ก็นั่นแหละ...ปรานต์อธิบายห้วนสั้นจนปี่แก้วไม่เข้าใจอยู่ดี
แล้วจู่ๆ อาจารย์ชายท่านหนึ่งก็ปราดเข้ามาประชิดปี่แก้ว โดยแทรกตัวมายืนขวางระหว่างนักเรียนกับชายสวมชุดดำท่าทางไม่น่าไว้วางใจ
ดูจากลักษณะท่าทางอาจเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กสาวไปขาย หรือไม่ก็พวกฆ่าชำแหละชิ้นส่วนมนุษย์ออกขายในตลาดมืด ยิ่งปี่แก้วเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย จึงมักตกเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพ
อาจารย์หนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนออกมา วันนี้ไม่ว่าเป็นตายร้ายดี ยังไงเขาก็ต้องปกป้องเด็กนักเรียนของเขาให้ปลอดภัย
“เกิดอะไรขึ้น จะให้อาจารย์โทรเรียกตำรวจเลยมั้ย”
อาจารย์หนุ่มจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘ตำรวจ’ หมายจะให้คนร้ายหวาดกลัวและหนีไป ทว่าชายสวมแว่นตาดำยังคงยืนนิ่งอีกทั้งยังหันหน้ามามองผู้เป็นเรือจ้างราวกับกำลังข่มขู่ก็ไม่ปาน
“อะ...เอ่อ” ปี่แก้วเพิ่งได้สติ จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
“คุณอาปรานต์เป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อปี่เองค่ะอาจารย์ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“อ้าว! งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท”
อาจารย์หนุ่มรีบยกมือไหว้ขอโทษชายหนุ่มหน้าโหดทันที นึกเสียใจที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว”
ปรานต์ตอบนิ่งๆ แต่กลับทำให้ปี่แก้วอมยิ้มจนแก้มป่อง อดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาคงใช้ชีวิตลำบากไม่น้อย ก็ในเมื่อรูปลักษณ์ของเขาดูเป็นภัยต่อสังคมและเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเสียเหลือเกิน
ผู้ชายที่ตัวสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ชอบใส่ชุดสีดำ แว่นตาดำ แถมยังมีหนวดเคราขึ้นรำไร และที่สำคัญที่สุด...ชอบยืนกอดอกทำหน้าบึ้งเหมือนกับว่าไปโกรธใครมา
อีกทั้งน้ำเสียงก็กรรโชกโฮกฮาก จนเธอเองยังเคยคิดว่าเขาเป็นพวกนักเลงหัวไม้รับทวงหนี้นอกระบบด้วยซ้ำไป
“หนูขอตัวก่อนนะคะอาจารย์”
ปี่แก้วตัดบทเพราะดูเหมือนว่าสองหนุ่มจะมีท่าทางอึดอัดกับเหตุการณ์เข้าใจผิดเมื่อสักครู่ไม่น้อย เธอยกมือไหว้แล้วรีบก้าวขึ้นรถไปกับชายชุดดำทันที
ภายในรถเงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของตนเอง ปี่แก้วเหลือบมองคนตัวโตเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรเธอจึงนั่งเกร็งด้วยความอึดอัด ภายในหัวสมองวิ่งวุ่นคิดเดาไปต่างๆ นานา
ซึ่งแน่นอนว่าล้วนคิดไปในทางร้ายทั้งสิ้น
ในขณะที่ปรานต์พยายามทำตัวง่ายๆ สบายๆ ด้วยการขับรถไปเรื่อยๆ ไม่พูดอะไรเพื่อเป็นการกดดันเด็ก ไม่ถามจู้จี้จุกจิกจนเด็กอึดอัด ทำตัวเงียบๆ เหมือนเป็นอากาศหวังจะให้เด็กสาวผ่อนคลายเมื่อต้องอยู่กับเขา
ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิด การที่เขานิ่งเงียบกลับยิ่งน่ากลัวจนเหมือนมีไอดำลอยอยู่รอบตัวเสียกระนั้น
พานทำให้เด็กสาวคิดไปว่าเขาอาจจะกำลังโกรธและไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่ก็เป็นได้
‘เฮ้อ! อึดอัดจังเลย’
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอียงหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง การกระทำเช่นนั้นทำให้คนตัวโตซึ่งลอบมองเธอจากหางตาถึงกับคิดหนัก ด้วยรู้ตัวดีว่าเป็นคนน่าเบื่อ นั่นเพราะเขาพูดไม่เก่ง ยิ้มไม่เก่ง เรียกได้ว่าการเข้าสังคมเป็นศูนย์ เขาเคยถูกล้อเลียนจากเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยว่า ‘มนุษย์ถ้ำ’ หรือไม่ก็ ‘คนเถื่อน’ เพราะมีนิสัยหยาบกระด้าง ไม่สนใจใครทั้งสิ้น