EP 3. ผู้ชายหน้าเหมือนโจร
ร่างสูงก้าวเข้ามาในศาลา ดวงตาจับจ้องไปยังรูปขาวดำที่ใส่กรอบตั้งไว้ทางฝั่งซ้ายมือของโลงศพที่ประดับประดาด้วยดอกซ่อนกลิ่นและดอกเบญจมาศมากมาย เขาค่อยทรุดกายลงคุกเข่าเบื้องหน้าอย่างช้าๆ
“ธูปค่ะคุณอา”
ปี่แก้วจุดธูปส่งให้พ่อทูนหัว เขารับมาถือไว้แล้วพนมขึ้นกลางอก อาจเพราะชายตัวใหญ่สวมแว่นตาดำซ่อนความรู้สึกเอาไว้ เด็กสาวจึงไม่อาจรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรต่อการจากไปของเพื่อนรุ่นพี่ จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นว่าปลายจมูกของเขาค่อยๆ เปลี่ยนสี จนกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
จึงได้รู้ว่าที่เขาใส่แว่นดำในเวลากลางคืน ก็เพราะต้องการเก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้นั่นเอง
‘พ่อกับอาปรานต์เป็นเพื่อนรักกัน เราเจอกันตอนทำงานพาร์ตไทม์ร้านอาหารไทยที่อเมริกา เขาเป็นคนหนุ่มที่มีความมุ่งมั่น ขยันขันแข็ง แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะอาปรานต์เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ส่วนพ่อ...พอมีหนูก็พาหนูกลับมาอยู่ที่เมืองไทย’
คำพูดของบิดาดังขึ้นในห้วงแห่งความคิด เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างพยายามกลั้นสะอื้น
‘คุณพ่อขา คุณอาปรานต์ที่คุณพ่อรักมาก มาหาคุณพ่อแล้วนะคะ คุณพ่อดีใจมั้ย’ เด็กสาวยิ้มเศร้ามองไปยังโลงศพสีขาวด้วยสายตาที่เต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
เมื่อเคารพศพเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมามองหน้าเด็กสาวอีกครั้ง การได้มองเธอใกล้ๆ ภายในศาลาที่เปิดไฟสว่างไสว ทำให้เขามีโอกาสได้พิศมองใบหน้าหวานเต็มตา
เป็นเด็กสาวที่สวยมาก ขนาดไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวยังสวยน่าชม ดูบอบบางราวกับตุ๊กตาแก้วเจียระไนก็ไม่ปาน อีกทั้งยังมีกิริยามารยาทเรียบร้อย พี่รักษ์คงทั้งรักทั้งหวงบุตรสาวคนเดียวมากแน่ๆ
“เธอชื่ออะไรนะ”
“หนูชื่อปี่แก้วค่ะ เรียกหนูสั้นๆ ว่า ‘ปี่’ ก็ได้ค่ะ”
ปรานต์เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ ราวกับคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะขยับตัวกำลังจะลุกขึ้นยืน ทว่าเด็กสาวกลับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“แล้วนี่จะกลับยังไง” เขาเหลียวมองไปโดยรอบ เวลานี้ย่างเวลาเข้าสองทุ่ม แขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว
“บ้านหนูอยู่สองซอยถัดไปไม่ไกล เดี๋ยวหนูเดินกลับค่ะ”
“ไม่ได้!”
คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งอีกครั้ง หน้าซีดเผือดด้วยไม่เข้าใจว่าเธอพูดหรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จู่ๆ เขาถึงได้ตะคอกห้วนขึ้นมาเสียดื้อๆ
ปรานต์นิ่วหน้าอีกรอบ เขาไม่ถนัดพูดคุยกับเด็ก และเขาไม่อาจควบคุมท่าทางให้ดูโอปป้าเกาหลีแสนเฟรนลี่ได้ หน้าตาของเขาเหมือนแก๊งมาเฟียทวงหนี้นอกระบบ แค่เดินเข้าไปใกล้เด็กเล็กๆ ก็พากันร้องไห้จ้า สะอึกสะอื้นราวกับเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ถือมีดกำลังจะเข้าไปจ้วงแทงเสียอย่างนั้น
ที่ร้ายที่สุด ผู้ปกครองเด็กก็ออกอาการ ‘กลัว’ รีบอุ้มลูกวิ่งหนีไปเสียดื้อๆ
ก็คนมันเกิดมาหน้าดุ จะให้ทำยังไงได้!
“ตามฉันมา...”
เขาคุมโทนเสียงให้ห้วนน้อยลงเพื่อไม่ให้เด็กสาวกลัวเขามากไปกว่านี้ กระนั้นในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยคำสั่งและการวางอำนาจอยู่ในที
ปี่แก้วกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เธอประสานมือเข้าหากันแล้วบีบแน่น เดินตามหลังผู้ชายตัวโตไปห่างๆ เวลานี้เธออดนึกแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างบิดา จึงได้มีเพื่อนสนิทที่ดูป่าเถื่อนก้าวร้าวเช่นนี้
เจ้าของร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างรถลัมโบกินี แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ โดยที่เด็กสาวยังคงยืนนิ่งจ้องมองรถหรูราคาแพงอย่างไม่เคยเห็นใกล้ๆ มาก่อน
“ขึ้นรถสิ”
เด็กสาวสะดุ้งอีกครั้ง หันไปมองพ่อทูนหัวสลับกับมองรถราวกับกำลังชั่งใจ ถ้าโชคร้ายเธอเดินกลับบ้านอาจถูกโจรโฉดดักฉุดไปรุมโทรม แต่โอกาสที่จะเจอโจรนั้นมีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ทว่าหากไปกับผู้ชายแปลกหน้าที่หน้าเหมือนโจร สัดส่วนที่จะได้รับอันตรายคือร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เธออาจตกเป็นเหยื่อ โดนลวงไปย่ำยี หรืออาจหนักกว่านั้นเขาอาจส่งเธอไปค้ากามตามซ่องชายแดน รถหรูคันนี้อาจได้มาจากคราบน้ำตาของผู้หญิงมากมายก็เป็นได้