EP 6. ชอบออกคำสั่ง
อยากทำอะไรก็ทำซึ่งทุกการกระทำของเขาไม่เคยนำความเดือดร้อนมาให้ใคร แต่อาจไม่เป็นที่ถูกใจของใครนัก พูดตรง พูดห้วนขวานผ่าซาก และมีใบหน้าที่ไม่รับแขกอยู่ตลอดเวลา
‘หรือว่าเราอาจจะไม่เหมาะในการทำหน้าที่พ่อทูนหัว...’
ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักอก แต่เขาได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย เขาก็อยากจะลองพยายามดูสักตั้ง
เพื่อที่ดวงวิญญาณของพี่รักษ์จะได้นอนหลับอย่างเป็นสุข เพราะ ‘ปี่แก้ว’ เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เป็นเพียงสิ่งเดียวบนโลกที่พี่รักษ์ฝากเอาไว้ และเขาจะต้องปกป้องดูแลเธอให้ดีที่สุด เท่าที่คนเถื่อนๆ อย่างเขาจะทำได้
ปรานต์เลี้ยวรถเข้าไปยังร้านขนมที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวชมพูน่ารัก เมื่อคืนเขาลองค้นหาข้อมูลร้านขนมในอินเทอร์เน็ตว่าร้านแบบไหนที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบ หวังจะซื้อใจเด็กสาวและทำความรู้จักคุ้นเคยกันให้มากขึ้น
‘หวังว่าเธอจะชอบนะปี่แก้ว’
เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดให้ปี่แก้วที่ยังคงนั่งเกร็งมาตลอดทาง
“ลงมาสิ”
‘ออกคำสั่งอีกแล้ว’
คนอะไรขยันสั่งโดยไม่เคยถามความต้องการหรือความเห็นของคนอื่นบ้างเลย ปี่แก้วแอบค่อนขอดในใจ กระนั้นก็เดินตามเขาเข้าไปในร้านขนมอย่างไม่กล้าอิดออด
ทันทีที่เด็กสาวมองไปรอบๆ ร้าน ดวงตากลมโตก็ค่อยๆ เบิกกว้างเป็นประกายวาวระยับด้วยความชอบ การตกแต่งร้านด้วยโทนสีพาสเทลราวกับอยู่ในเทพนิยาย อีกทั้งมีกลิ่นหอมหวานของแป้งและเนยอบอวลไปทั่วทั้งร้านทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
“สวยจังเลยค่ะ ปี่อยากมาร้านแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสมา”
ปรานต์ได้ยินดังนั้นก็หยักยิ้มที่มุมปากน้อยๆ แล้วยืดอกขึ้นอย่างพึงพอใจในผลงานของตน ‘สำเร็จ!’ คนเถื่อนอย่างเขาถ้าลองตั้งใจทำย่อมทำได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างกระหยิ่มใจ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเรียบขรึมดังเดิม
“สั่งสิ อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย”
ชายหนุ่มยื่นเมนูให้ พลางขยับตัวนั่งคล้ายอึดอัดเพราะในร้านมีแต่เด็กผู้หญิงและคู่รักที่นั่งเบียดชิดกะหนุงกะหนิง เมื่อเขาซึ่งเปรียบดั่งสิ่งมีชีวิตสีดำแปลกปลอมเข้ามาในร้าน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยาย
“ปี่สั่งเลยนะคะ” เด็กสาวกวาดสายตามองรายการขนมในเมนูด้วยความกระตือรือร้น
“ตามสบาย” ปรานต์ทอดแผ่นหลังลงพิงพนักโซฟาสีชมพูประดับคริสทัลแวววาว สองแขนกอดอก ขาข้างหนึ่งยกขึ้นไขว้ทับอีกข้างไว้
แน่นอนว่าเขาพยายามทำตัวสบายๆ เพื่อลดความตึงเครียด ทว่า...มันกลับเป็นท่าทางที่ดูก้าวร้าวและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
ราวกับมาเฟียโฉดกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ก็ไม่ปาน...
ปรานต์ดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลเพียงแก้วเดียว ขณะที่ปี่แก้วสั่งเครื่องดื่มโกโก้ปั่นใส่อะไรไม่รู้ตั้งมากมาย แล้วยังมีเค้กหน้าตาสวยงามอีกสองสามชิ้น เขาได้แต่นั่งขมวดคิ้วมองเด็กสาวตัวเล็กนิดเดียว แต่กลับยัดเค้กถึงสามชิ้นลงท้องจนหมดเกลี้ยง อีกนิดถ้าไม่เกรงใจเธออาจเลียครีมบนจานจนหมดก็เป็นได้
ผู้หญิงไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ล้วนชอบของหวานสินะ... ชายหนุ่มพยายามจดจำรายละเอียดต่างๆ ใส่ลงในสมองสีหม่นของเขาอย่างตั้งใจ
“คุณอาปรานต์มีเรื่องอะไรจะคุยกับปี่เหรอคะ” เมื่ออิ่มแล้วปี่แก้วจึงเงยหน้าขึ้นถามเพื่อนรุ่นน้องของบิดา
ทว่าเขากลับไม่พูดแต่ชี้มือไปที่มุมปากซ้ายของตนเอง
“ครีมติดปาก”
“อุ๊ย!”
เมื่อได้ยินดังนั้นปี่แก้วอุทานด้วยความตกใจแล้วยกมือขึ้นจับปากตนเองแต่คนละฝั่ง ปรานต์ยังไม่ละความพยายามยังคงพยายามชี้เพื่อให้เธอเช็ดครีมเค้กออกจากมุมปาก
“ตรงไหนคะ”
“ตรงนี้”
“ตรงนี้เหรอคะ”
“ไม่ใช่”
“ตะ...ตรงนี้”
“ไม่ใช่ตรงนี้ต่างหาก”
แล้วโดยที่ไม่มีใครตั้งตัวปรานต์ก็หยิบทิชชูแล้วยื่นไปเช็ดครีมสีขาวที่ริมฝีปากอิ่มของเด็กสาวโดยอัตโนมัติ
ปี่แก้วนิ่งอึ้งตกใจจนตัวแข็ง ขณะที่ปรานต์รีบชักมือกลับ ตกใจกับการกระทำของตนเองไม่น้อย
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ปี่แก้วก้มหน้างุด รู้สึกได้ว่าใบหน้าเห่อร้อนอย่างน่าประหลาด เช่นเดียวกับปรานต์... เวลานี้เขาตกใจกับความรู้สึกของตนเองไม่น้อย ทำไมจู่ๆ ต้องใจเต้นแรงด้วย ก็แค่ยื่นมือไปเช็ดครีม แล้วเด็กคนนี้ก็เป็นลูกสาวของพี่รักษ์ อายุห่างกันตั้งสิบเจ็ดปี เขาจะคิดบัดสีไม่ได้เด็ดขาด
ท่องไว้นะไอ้ปรานต์ แกห้ามคิดอะไรกับเด็กคนนี้เด็ดขาด!
ห้ามเด็ดขาด! เข้าใจมั้ยไอ้ปรานต์!
“คุณอาพูดธุระมาเถอะค่ะ เดี๋ยวปี่จะได้กลับบ้าน” ปี่แก้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย หมายจะทำให้ความอึดอัดที่ก่อตัวจางหาย
“ได้สิ”
ปรานต์พยักหน้าน้อยๆ แล้วขยับตัวนั่งจนแผ่นหลังเหยียดตรงอย่างเป็นการเป็นงาน เขาเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวอย่างประเมินก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ แล้วเริ่มพูดสิ่งที่เขาได้ตระเตรียมไว้
“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกแล้วนะ”
สิ้นสุดคำพูดของคนตัวโตกว่า เด็กสาวก็เบิกตากว้างตะลึงงัน ใบหน้าซีดเผือด ละล่ำละลักเอ่ยถามอีกครั้งราวกับอยากให้สิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่นั้นผิดเพี้ยนไปจากที่เข้าใจ