EP 9. คิดถึง...อยากเห็นหน้า
ในสักวันหนึ่ง...
“หนูปี่”
“ขา...”
เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์แห่งความคิดถึง ส่งเสียงขานรับพับหนังสือบนตักปิดลง แล้วหันไปยิ้มให้กับแม่บ้านสูงวัยอย่างคุ้นชิน
“คุณท่านเรียกหาค่ะ บ่นว่าใครอ่านหนังสือให้ฟังก็ไม่น่าฟังเท่าหนูปี่” ป้าศรียิ้มจนตาเล็กหยีมองเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
ปี่แก้วก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กในการปกครองของคุณปรานต์ก็จริง แต่เด็กสาวกลับไม่ได้ชูคอผยอง อีกทั้งยังอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ใช่เด็กขี้เกียจสันหลังยาว คอยช่วยหยิบจับงานบ้านงานเรือนทุกอย่าง
และที่สำคัญ ‘คุณท่าน’ บิดาของปรานต์ที่กำลังป่วยอยู่ เอ็นดูปี่แก้วราวกับลูกหลานแท้ๆ เด็กสาวอ่านหนังสือชัดถ้อยชัดคำ พูดจากับผู้ใหญ่อย่างมีสัมมาคารวะ อาการป่วยของคนวัยใกล้ฝั่งจึงดีวันดีคืน ราวกับได้รับยาใจชั้นดีจากเด็กสาวแสนสดใส
เพียงไม่นานปี่แก้วก็กลายเป็นที่รักของทุกไปเสียแล้ว เรียกได้ว่าคฤหาสน์ที่แสนแห้งแล้งเต็มไปด้วยความทุกข์ตรมได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ส่วนทางด้านคนตัวโตหน้าโหดนั้น...
‘ความคิดถึง’ ถาโถมเข้าซัดสาดราวกับบีบบังคับให้เขาต้องกลับมาที่คฤหาสน์ เพียงเพื่อจะได้เห็นใบหน้าหวานๆ ของเด็กสาวในอุปการะ
ช่างดูงี่เง่าจนเขารู้สึกอาย เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ในวัยหนุ่มเขาใช้เงินแลกความสัมพันธ์ทางกาย ฉาบฉวยชั่วคราวไม่เคยคิดลงหลักปักฐานกับใคร
ไม่เคยหัวใจเต้นผิดจังหวะกับผู้หญิงคนไหน
ไม่เคยคิดถึงอยากเห็นหน้าใครมาก่อน
แต่เขากลับรู้สึกกับเด็กสาวที่เพิ่งเห็นหน้ากันสองครั้ง จะว่าไปตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาตามติดทุกการเคลื่อนไหวของเธอผ่านป้าศรี ป้าศรีมักจะแอบถ่ายรูปปี่แก้วส่งไลน์มาให้เขาเสมอๆ เขาจึงได้รู้ว่าเธอปฏิบัติตัวยังไง ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร เวลาว่างชอบอ่านหนังสือประเภทไหน
เขายื่นข้อเสนอให้เธอเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ทว่าเด็กสาวกลับเลือกที่จะเรียนตัดเสื้อซึ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้นเพียงหกเดือนเท่านั้น
ปี่แก้วให้เหตุผลว่าเธออยากมีวิชาชีพติดตัวให้เร็วที่สุด อีกทั้งเธอรักการตัดเย็บเสื้อผ้า เธอฝันอยากเปิดร้านตัดเสื้อเล็กๆ และโพรโมทขายเสื้อผ้าที่เธอออกแบบตัดเย็บเองผ่านทางอินเทอร์เน็ต
เขาไม่ได้คัดค้านหรือเห็นด้วย แต่ปล่อยให้เธอได้มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตตามแบบที่เธอต้องการ เมื่อถึงวันที่นกน้อยมีปีกที่แข็งแรงและพร้อมจะโผบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็พร้อมจะปลดปล่อยเธอออกจากกรงทอง เพื่อคืนอิสรภาพให้แก่เธอ
และดูเหมือนว่าเธอจะไปได้ดีกับสิ่งที่เธอเลือก เพราะบางครั้งเขาก็แอบไปดูเธอที่โรงเรียนสอนตัดเสื้อ คอยมองว่าเธอเดินทางไปเรียนอย่างไร มีเพื่อนบ้างหรือเปล่า
ดะ...เดี๋ยวนะ!
แม่ม! รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสโตรกเกอร์!
ให้ตายสินี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่!
ปรานต์เฝ้าหาเหตุผลของความรู้สึก มันไม่ใช่ ‘ความรัก’ หรือที่ใครๆ พูดด้วยภาษาน้ำเน่าว่า ‘รักแรกพบ’ หรอก มันก็แค่ความ ‘สงสาร’ เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเจือปนในหัวใจสักนิด
แม้จะหลอกตัวเองเช่นนั้น แต่ลึกๆ ในใจนั้นเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ เพราะเขาเฝ้าคิดถึงเธอแทบตลอดเวลา จะกิน จะนอน จะทำอะไรก็คิดถึง เป็นห่วง คอยโทรถามข่าวคราวของเธอจากป้าศรีทุกเช้าเย็น
อาการหนัก!
เขากำลังอาการหนัก เป็นความรู้สึกที่ชวนให้หงุดหงิดและสมเพชตัวเองชะมัดยาดเลย!
เมื่อรู้ตัวอีกที...เจ้าของร่างสูงก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนั่งเล่น ซึ่งมีชานระเบียงกว้างทอดยาวเข้าไปในสวนสวย เวลานี้บิดาของเขานอนอยู่บนเก้าอี้ไม้โยก ขณะที่คนตัวเล็กที่ทำให้เขาไม่เป็นอันกินอันนอนกำลังนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ แล้วเปล่งเสียงไพเราะอ่านหนังสือได้อย่างน่าฟัง
เธอน่ารักขึ้นหรือเปล่านะ...
และดูเหมือนว่าเธอจะอวบขึ้น มีน้ำมีนวลอย่างเด็กสาวที่กำลังโตเป็นสาวเต็มตัว
ปรานต์ขมวดคิ้วมุ่นจ้องมองเด็กสาวเขม็งอย่างพิจารณา จังหวะนั้นป้าศรีเดินเข้ามาแล้วสะกิดที่ไหล่ของเจ้านายหนุ่มที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ
“จ้องหนูปี่เสียราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวเลยนะคะคุณปรานต์ หิวเหรอคะ...” ไม่วายสัพยอกตามประสาคนอาบน้ำร้อนมาก่อน
“ป้าศรี!”
ปรานต์แสร้งทำหน้าตึง เสียงดุ เอ่ยเรียกชื่อแม่บ้านคนสนิทด้วยน้ำเสียงห้วนคล้ายตำหนิ
ทว่าแม่บ้านสูงวัยกลับหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน “ไม่ต้องมาทำหน้าดุกับป้าหรอกค่ะคุณปรานต์ ป้าเลี้ยงคุณมา ทำไมป้าจะไม่รู้ว่าคุณปรานต์เป็นแมวไม่ใช่เสือ”
ปรานต์ยังคงทำหน้านิ่ง มีเพียงดวงตาที่ไหวเพียงนิดแสดงความขบขัน ก่อนจะเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสนใจในเวลานี้
“ปี่แก้วเป็นยังไงบ้างครับป้า”
“สวยค่ะ น่ารักน่าทะนุถนอม ฉลาด สอนง่าย เหมาะกับการเป็นนายผู้หญิงของคฤหาสน์หลังนี้ที่สุด” แม่บ้านพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ทว่าผู้เป็นนายกลับทำหน้าดุกว่าเดิม
“พูดอะไรแบบนั้นป้า ใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดีต่อตัวปี่แก้ว เธอเป็นเด็กในอุปการะของผม ผมเป็นพ่อทูนหัวของเธอ ผมจะทำให้เธอหมดความนับถือในตัวผมไม่ได้เด็ดขาด” คนพูดน้อยแต่กลับพูดยาวเพื่อปฏิเสธด้วยท่าทางร้อนรน
ป้าศรียกยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มตรงไปยังหน้าอกข้างซ้ายของชายหนุ่ม แล้วเอ่ยถามออกไปว่า