EP 8. เด็กในการปกครอง
“ไม่เป็นไร ถือเสียว่าฉันทำเพื่อพี่รักษ์”
พูดพลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ นึกสบายใจที่เด็กสาวไม่ได้ต่อต้านหรือคัดค้านการตัดสินใจของเขา เขาแอบหวั่นใจ ด้วยความที่เธอเป็นวัยรุ่น เธออาจจะอยากใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่าจะต้องมาอยู่ภายใต้กรอบการดูแลของเขา
“แล้วเอ่อ...หนูต้องเรียกคุณ...ว่า เอ่อ...” เด็กสาวอึกอักอย่างไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนกำลังจะถามนั้นเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าเขามองมาอย่างรอฟัง ในที่สุดเธอจึงกลั้นใจถามออกไป
“หนูต้องเรียกคุณ...ว่า ‘พ่อ’ มั้ยคะ”
พรวด!
กาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไปถึงกับพุ่งออกจากปาก ชายหนุ่มรีบคว้าทิชชูมาเช็ดก่อนจะไอแคกๆ เพราะสำลักกาแฟเข้าไปอย่างจัง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ชายหนุ่มโบกมือปฏิเสธแทนคำตอบ ก่อนจะหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม แล้วค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ หรี่มองคนตัวเล็กที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“เรียกอาปรานต์เหมือนเดิมเถอะ ฉันคงเป็นพ่อของเธอไม่ได้หรอก”
“ค่ะคุณอาปรานต์”
“เรียกแค่อาปรานต์เฉยๆ ก็ได้”
“ค่ะอาปรานต์” เด็กสาวรับคำด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วยิ้มกว้างจนตาเล็กหยี และนั่นทำให้คนที่เพิ่งสำลักกาแฟถึงกับหายใจสะดุด
ท่องไว้ไอ้ปรานต์ แกห้ามคิดอะไรกับเด็กคนนี้เด็ดขาด ปี่แก้วคือลูกสาวของพี่รักษ์ แกคือพ่อทูนหัวและเป็นที่พึ่งเดียวของเด็กคนนี้ แกจะทำลายความไว้ใจที่เด็กมีให้แกไม่ได้เด็ดขาด!
“ว่าแต่อิ่มหรือยัง อยากกินอะไรอีกก็สั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“สั่งอีกได้เหรอคะ”
ประกายตาของเด็กสาวแวววาวราวกับลูกสุนัขตัวน้อย เธอรีบคว้าเมนูขนมหวานมาเปิดดูอย่างมีความสุข ปรานต์เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะแผ่วในลำคอ
‘ยายลูกหมา’
ชายหนุ่มแอบให้นิยามเด็กสาวในใจ ความจริงใบหน้าเธอเหมือนแมว ทว่าดวงตาที่สื่ออารมณ์เศร้า เหงา และสดใสสลับไปมาได้ภายในไม่กี่วินาทีทำให้เขาสรุปได้ว่าเธอเหมือนลูกสุนัขมากกว่าลูกแมว
ขาดแค่หูที่กระดิกไปมา และหางที่สั่นแรงๆ บ่งบอกอารมณ์ เด็กสาวตรงหน้าก็จะเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“ปี่สั่งมาเผื่ออาปรานต์ด้วยนะคะ”
เด็กสาวยื่นจานบราวนี่ไปยังเบื้องหน้าอาหนุ่มที่เอาแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ภายในใจ
“ฉันไม่ชอบกินขนมหวาน”
แน่นอนว่าปรานต์ปฏิเสธห้วนอย่างไม่รักษาน้ำใจ เขาไม่ค่อยชอบอาหารรสหวาน ยิ่งอาหารรสเปรี้ยว รสเผ็ดยิ่งแล้วใหญ่ เขาชอบอาหารรสจืดและอาหารจำพวกปิ้งย่าง
“ค่ะ”
เมื่อถูกปฏิเสธเช่นนั้นเด็กสาวก็หน้าหงอยราวกับลูกสุนัขที่ถูกเจ้าของดุ ปรานต์ยกมือขึ้นบีบสันจมูกแรงๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“กินก็ได้”
“จริงเหรอคะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายดีใจแตกต่างจากเมื่อสักครู่ราวฟ้ากับเหว ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเกือบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ทว่าเมื่อตักบราวนี่เข้าปากเขากลับต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“ปี่เห็นทางร้านเขียนไว้ในเมนูว่าหวานน้อย ขมนิดๆ เลยคิดว่าอาปรานต์น่าจะชอบ”
หญิงสาวอธิบายอย่างเป็นคนช่างสังเกต เธออยากจะตอบแทนเขาด้วยการเลือกขนมจากลักษณะนิสัยของเขา เพื่อว่าช็อกโกแลตจะทำให้ผู้ชายตัวโตอารมณ์ดี เลิกทำหน้าบูดบึ้งได้บ้าง
“อร่อย”
ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ แล้วจัดการบราวนี่ชิ้นนั้นจนหมดภายในไม่กี่นาที ทำให้เด็กสาวถึงกับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
ปรานต์แสร้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ให้ตายเถอะ! เธอไม่ควรฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันทุกซี่แบบนั้น พะ...เพราะว่าเธอน่ารักมาก น่ารักเสียจนเขาอยากจะแหย่ขาเข้าคุกเข้าตารางอยู่แทบทุกวินาที
‘บ้าเอ้ย! ท่องไว้สิวะ! ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!’
เห็นทีว่าปรานต์คงต้องท่องคำว่า ‘ไม่ได้’ แทบทุกวินาทีเลยทีเดียว หึ หึ หึ...
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับกะพริบตาตื่นจากความฝันที่แสนโหดร้าย ความเศร้าเสียใจ ความหดหู่สิ้นหวัง ความท้อแท้หมดอาลัยตายอยากค่อยๆ จางหายลบเลือนไปกับวันและเวลาที่ผันผ่าน
เกือบสองเดือนแล้วสินะ...
นับจากวันที่อาปรานต์ไปรับเธอที่โรงเรียน แล้วพาเธอมาส่งที่คฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวตั้งอยู่ชานเมืองห่างไกลความวุ่นวายจากเมืองหลวง ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีแผ่กิ่งก้านสาขาจนแทบโน้มจดยอดหญ้า ความร่มเย็นนี้แผ่ปกคลุมเข้ามาถึงหัวใจดวงน้อยๆ ของปี่แก้ว ทำให้เธอรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง
อาปรานต์แนะนำให้เธอรู้จักกับป้าศรีหัวหน้าแม่บ้าน ผู้คอยดูแลทุกสิ่งอย่างภายในคฤหาสน์ แล้วนับจากนั้นเขาก็หายหน้าไป ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย กระนั้นเขากลับ ‘ออกคำสั่ง’ ผ่านทางป้าศรีมาถึงเธออยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะให้เธอตัดสินใจเรื่องศึกษาต่อ และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย
แปลก...ทำไมเธอถึงคิดถึงเขา
พ่อทูนหัวหน้ายักษ์ที่ไม่ยอมยิ้ม ผู้ชายตัวใหญ่ที่ถนัดแต่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงห้วน ทว่าคำสั่งของเขากลับตราตรึงอยู่ในหัวใจ นั่นเพราะเธอรับรู้ได้ว่าเขาเป็นห่วงและคอยดูแลเธอมาโดยตลอด
เป็นสองเดือนที่จะเรียกว่าห่างไกลก็เหมือนใกล้ชิด จะเรียกว่าใกล้ชิดก็เหมือนไกลห่าง มันเป็นความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่อาจบรรยายออกมา ได้แต่ตกตะกอนทับถมอยู่ในหัวใจ ราวกับเฝ้ารอ...รอวันที่ความรู้สึกค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจนล้นทะลักออกมา