“ฉันบอกแล้วไงว่าแล้วแต่คุณจะคิด”
“ฉันไม่อยากเสียเวลากับเธอมากนักหรอก รดาอยู่ไหน พาฉันไปหารดาเดี๋ยวนี้”
“งั้นก็ตามมา”
รดาเดินนำยุทธการไปที่ด้านหลังของผับที่อยู่ชั้นสอง โดยมีสายตาคมแกร่งคู่หนึ่งมองทั้งสองสนทนาอยู่ตลอดเวลา ดวงตาดุจเปลวเพลิงมองมายังร่างบางโดดเด่นในชุดราตรี ผู้มีสรีระดุจนาฬิกาทราย สวยงามทั้งผิวพรรณและหน้าตา รูปร่างของเธอเย้ายวนตา ชวนให้จับต้องลูบไล้ จินตนาการไปว่าเธอจะร้อนแรงขนาดไหนเมื่ออยู่บนเตียง ลีลาของเธอจะเร่าร้อนเหมือนท่าทางแสดงออกหรือไม่ เจ้าของดวงตาคู่นั้นไม่อยากคิดเลยว่าเธอคือแม่เล้าแห่งเมอร์รี่ผับ
รดาพายุทธการมาหยุดยืนที่หน้าห้องๆ หนึ่ง ที่เดินมาไม่ไกลจากประตู รดาแสร้งเป็นพยักหน้าให้เบิ้มไขกุญแจที่คล้องเอาไว้ เมื่อบานประตูถูกเปิดออก ร่างของรดากำมะลอนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้ผู้พบเห็นทั้งสี่นิ่งอึ้งด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน รดา เบิ้ม และอู๊ด อดทึ่งกับการแสดงที่เต็มร้อยของลดาลักษณ์ไม่ได้ ที่แสดงได้อย่างแนบเนียนและสมจริง ยุทธการวิ่งเข้าไปภายในห้อง โอบกอดร่างที่สั่นเทาของลดาลักษณ์ไว้ในอ้อมแขน
“พี่ต้อมมาช่วยรดาแล้วนะ ไม่ต้องกลัว พี่มาช่วยรดาแล้ว”
ยุทธการปลอบโยนร่างบางที่ร้องไห้ตัวโยน ส่วนคนที่ร้องไห้ฟูมฟายกลับซ่อนรอยยิ้มแห่งความสำเร็จไว้ โดยที่เขาไม่มีวันได้เห็น
“พี่ต้อมช่วยรดาด้วย...รดากลัว...รดากลัว” ลดาลักษณ์พูดพร่ำไม่หยุด
“ไม่ต้องกลัว พี่จะพารดาออกไปจากที่นี่เองนะ ไม่ต้องกลัว”
เขายังพูดปลอบโยนไม่หยุด รดายืนมองพี่ชายที่แสนดีกำลังถูกหลอกจากลดาลักษณ์ผู้หญิงที่มีความโลภเป็นที่หนึ่ง ความทะเยอทะยานเป็นที่สอง เห็นแก่ตัว ไม่สนใจความรู้สึกของใคร ขอแค่ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการเท่านั้นพอ รดาไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อที่ลดาลักษณ์ขุดหลุมหลอกล่อได้เลยสักคน เพราะถ้าเธอช่วย นั่นหมายความว่าเธอต้องตกเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียเอง
“คุณต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะได้รับเงินจำนวนเจ็ดล้าน ตามที่เราตกลงกันไว้”
รดาพูดแทรกเมื่อถึงบทบาทของตัวเอง อีกนิดเดียวรดาละครฉากนี้ก็จะจบลงแล้ว...อีกนิดเดียว หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า นี่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก ความเจ็บปวดยังรอเธออยู่อีกไม่นาน ซาตานที่ร้อนแรงดุจเพลิงกัลป์กำลังสยายกรงเล็บเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ
“ออกไปให้พ้นหน้าฉันเสียทีได้ไหม...ผู้หญิงใจทราม”
คนถูกต่อว่าถึงกับหน้าชา หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย อยากจะหนีออกไปจากตรงนี้ หากแต่สายตาที่ดุกร้าวของลดาลักษณ์ที่ส่งมาให้ ทำให้รดาจำใจสวมหน้ากากที่หนักอึ้งนี้อีกครั้ง
“ฉันไปแน่ไม่ต้องห่วง ประตูจะเปิดเมื่อถึงตอนเช้า...ในห้องนี้มีครบทุกอย่าง เชิญตามสบาย”
จบสิ้นกันเสียทีสำหรับละครฉากใหญ่ที่เธอเพิ่งแสดงไป ร่างบางรูดลงกับพื้น เมื่อประตูห้องปิดลง รดาถอดหน้ากากแม่เล้าออก กลับคืนสู่ความเป็นตัวเอง ความเสียใจอัดอั้นถูกระบายออกมาด้วยการร้องไห้ ปล่อยให้หยาดน้ำตาชำระล้างบาปที่เธอได้ร่วมกระทำครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่เธอเองไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และวันใด
“ทำใจนะรดา เธอไม่มีวันรอดพ้นจากน้ำมือของเจ๊ส้มได้หรอก ไปพักผ่อนได้แล้ว”
คำปลอบโยนของเบิ้มมีให้ได้เท่านี้ แม้รู้สึกสงสารรดามากแค่ไหน แต่พวกเขาที่นี่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรรดาได้เลยสักคน รู้ดีว่าพวกเขาจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือรดา ผู้หญิงที่ชื่อลดาลักษณ์ร้ายกว่าผู้หญิงคนไหนในโลกที่เขารู้จัก และได้สัมผัสมา ผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งหยิบยื่นความตายให้คนที่กล้าขัดคำสั่ง
สามชั่วโมงที่อัคคีนั่งมองไปที่ประตูที่ยุทธการเดินหายเข้าไปกับรดา หญิงสาวที่มาติดพันด้วย ไม่คาดคิดว่าเพื่อนรักจะสิ้นคิดมาติดพันกับแม่เล้า แม้ว่าความสวยของเธอจะสะดุดตาและสะดุดใจเขาก็ตาม เด็กผู้หญิงที่เขาเจอและข่มขู่เมื่อสิบสองปีก่อน โตขึ้นมากลายเป็นคนสวยและกร้านโลกอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังจำได้ไม่มีวันลืม เด็กคนนั้นตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาค่อนข้างมอมแมม สวมใส่เสื้อผ้าเก่าแต่สะอาด ครั้งสุดท้ายที่เจอ เธอนั่งกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่ใต้ต้นไม้ เพื่อรอยุทธการและวรวิชญ์ออกมาหา เมื่อเสร็จสิ้นการตัดเค้กวันเกิดของน้องสาวคนเล็ก เขาไม่รอให้ถึงตอนนั้น ร่างกายสูงใหญ่ในวัยยี่สิบปี เดินเข้าไปหารดา ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ดวงตา ลุกโชนไปด้วยความโกรธ
“ฉันบอกให้ออกไปไง...แล้วอย่าสะเออะมาที่นี่อีกนะ...ถ้าฉันเห็นล่ะก็ ฉันเอาเธอตายแน่”
เป็นประโยคสุดท้ายและครั้งสุดท้ายที่ได้พูดและเห็นหน้าของรดา เพราะหลังจากนั้นสองเดือนเขาได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ พอกลับมาอีกครั้งยายจีนได้เสียชีวิตแล้ว ส่วนเด็กหญิงรดาไม่มีใครทราบชะตาชีวิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือยุทธการไปเจอและสนิทสนมกับรดาตอนไหน ซึ่งเขาไม่น่าพลาดที่จะได้รับรู้ข่าวสาร
อัคคีมารู้อีกทีเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเดินไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อไปนั่งรับลมที่ศาลากลางน้ำ สถานที่พักผ่อนประจำของเขา ระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่ศาลา เสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนคุ้นหู ดังมาจากหลังพุ่มไม้พุ่มใหญ่ ที่ปลูกยาวตลอดทางเดิน
“ร้องไห้ทำไมฉัตร...ใครทำบอกพี่...ใครทำฉัตรร้องไห้บอกพี่ พี่จะไปฆ่ามัน”
พี่ชายถามน้องสาวคนรองนามว่าปาริฉัตรเร็วรัว เจ็บหนึบที่หัวใจ เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของน้องสาวอาบไปด้วยหยาดน้ำตา
“พี่คีย์” ปาริฉัตรโผซบแผ่นอกกว้างของพี่ชาย ที่อบอุ่น ปลอดภัย อ้อมกอดของผู้เป็นพี่กระชับมากยิ่งขึ้น เมื่อน้องสาวสุดที่รักยึดอกเขาเป็นที่พักพิง
“เป็นอะไรฉัตร...ใครทำ” อัคคีถามน้องสาวที่ร้องไห้ไม่หยุด
“ระ...รดา...รดากลับมา...พี่...พี่ต้อมกลับ...ไปหารดา...ฮือ”
คำพูดของน้องสาวทำให้สีหน้าของพี่ชายเต็มไปด้วยคำถาม รดาชื่อนี้คุ้นหูจังเลย เคยได้ยินที่ไหน อัคคีพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ใจเย็นๆ เล่าให้พี่ฟังสิว่าไอ้ต้อมมันทำอะไรฉัตร”
ปาริฉัตรสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับสูดน้ำมูกใสๆ ที่ไหลออกมาจากโพรงจมูก ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียด
เมื่อสองวันที่แล้วก่อนที่ปาริฉัตรจะมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย ยุทธการได้บังเอิญเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเรียบร้อย สวมใส่สร้อยที่ยุทธการสั่งทำเป็นพิเศษ มันจึงเป็นเส้นเดียวในโลกที่มี เขาจำได้ติดตาว่าเขาเป็นคนสวมให้รดาเด็กผู้หญิงเมื่อสิบสองปีก่อน ยุทธการจึงถามออกไปว่าใช่รดาหรือไม่ ผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้างงเล็กน้อย ยุทธการจึงสาธยายให้ฟังว่าเคยเจอที่ไหน อย่างไร จนในที่สุดผู้หญิงคนนั้นยอมรับว่าเป็นรดา และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ยุทธการห่างเหินกับเธอ ผิดนัดและปฏิเสธปาริฉัตรมาตลอด แม้รู้ดีว่ายุทธการไม่เคยคิดอะไรกับปาริฉัตรเกินคำว่าเพื่อนเลย เพราะทั้งสองเกิดวันเดียวกัน ปีเดียวกัน แตกต่างกันที่เวลาเท่านั้น ยุทธการเป็นเพื่อนสนิทของอัคคีผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างกันสองปี