“รัตน์ไม่สนหรอกว่าพี่วิชญ์จะมาที่นี่ด้วยวิธีไหน แค่มารัตน์ก็ดีใจแล้ว ไปค่ะ...เข้าไปข้างใน วันนี้รัตน์มีอะไรอร่อยๆ ไว้รอพี่วิชญ์ตั้งเยอะแน่ะ”
หญิงสาวรั้งร่างหนาให้เดินเข้าไปในห้องรับแขก เรียกสาวใช้ยกของว่างที่เตรียมไว้ให้ วรวิชญ์ทยอยนำเข้ามา โดยมีเธอจัดแจงป้อนอาหารให้กับชายหนุ่มอย่างมีความสุข ไม่รับรู้ความรู้สึกของวรวิชญ์ว่ากล้ำกลืนฝืนทนมากขนาดไหน
“พอแล้วพี่อิ่มแล้ว พี่จะกลับแล้วนะ” รวิชญ์พูดออกมาในที่สุด หลังจากทนกับความอึดอัดไม่ไหว
“พี่วิชญ์เพิ่งมาแป๊บเดียวเอง จะกลับแล้วเหรอคะ” นารีรัตน์ถามเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ
“พี่คีย์ให้พี่มาที่นี่ แต่ไม่ได้บอกว่าให้พี่อยู่ที่นี่กี่นาที กี่ชั่วโมง นี่พี่ก็มาร่วมสิบนาทีแล้วได้เวลากลับเสียที” วรวิชญ์พูดโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้ฟัง ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนกับคำพูดที่ไม่รักษาน้ำใจของเขา
“พี่วิชญ์อึดอัดมากหรือคะ ที่มาหารัตน์ที่บ้าน” เธอถามด้วยความน้อยใจและเสียใจ
“ถ้าให้พี่ตอบอย่างโกหก ก็คือไม่อึดอัด แต่ถ้าให้พี่ตอบจากใจจริงของพี่ คือพี่อึดอัดและรำคาญใจมากที่สุดที่มาหารัตน์”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเขม็ง เหมือนกับให้เธอรู้ว่า เขาไม่ต้องการมาหาเธอที่นี่เลยสักนิดเดียว
“แต่รัตน์ไม่สนใจหรอกว่าพี่วิชญ์จะยินดีหรือถูกบังคับให้มาที่นี่ ขอแค่พี่วิชญ์มาหารัตน์เท่านั้นก็พอ” นารีรัตน์พูดเหมือนไม่ต้องการรับรู้ความเป็นจริง และความรู้สึกของชายหนุ่มที่ตัวเองหมายปอง ว่าจะมีความรู้สึกอย่างไร ขอเพียงให้เขามาหาเธอ ได้คุยได้พบแค่นี้นารีรัตน์ก็สุขใจมากแล้ว
“งั้นรัตน์ก็จมอยู่กับมายาที่รัตน์บดบังความจริงต่อไปเถอะ เพราะคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือตัวรัตน์เอง” วรวิชญ์เดินออกไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้หญิงสาวนิ่งอึ้งกับคำพูดของเขา ก่อนจะเปล่งเสียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติออกมาดังลั่นบ้าน
“กรี๊ดดดดด”
เสียงที่ดังเหมือนเสียงลำโพงหลายสิบตัวของนารีรัตน์ ทำให้สาวใช้และลูกน้องของอัคคี ต่างตื่นตกใจรีบวิ่งไปที่ต้นเสียง เพื่อดูว่าใครที่บังอาจกล้าทำกับน้องสาวสุดรักสุดหวงของเจ้านายหนุ่ม มีเพียงเอกชัยเท่านั้นที่นั่งสวมใส่รองเท้าผ้าใบไม่ขยับกายไปหาต้นเสียง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวเอาแต่ใจ เพราะรู้ดีว่าทำไมนารีรัตน์ถึงแผดเสียงร้องดังลั่น
“เมื่อไหร่จะตาสว่าง...เลิกบ้าผู้ชายเสียทีวะ...สวยก็สวยไม่น่าเลย”
เอกชัยอดแปลกใจและรู้สึกเสียดายความสวยของเธอไม่ได้ รวมทั้งชาติตระกูลการศึกษาที่ดีเด่นไม่น้อยหน้ากับหญิงอื่น หากแต่ทำตัวไร้ค่า ไร้ราคา เพียงเพราะผู้ชายที่ไม่เคยเหลียวมองเลย
“พี่เอกไปไหน...ทำไมไม่มา”
นารีรัตน์ตะโกนถาม เมื่อกวาดสายตาไปไม่เจอเอกชัย ที่ต้องวิ่งมาหาเป็นคนแรก หากเธอกรีดร้อง
“เอ่อ...พี่เอก...พี่เอกกำลังออกไปข้างนอกค่ะคุณรัตน์” เฉลียวเอ่ยบอกเจ้านายสาว เพราะเอกชัยบอกกับเธอว่าจะออกไปข้างนอก
“ไปไหน...ไปได้ยังไง ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังทุกข์ใจน่ะ...กรี๊ดดด”
นารีรัตน์กรีดร้องออกมาอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเดินไปที่ด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เอกชัยมักมานั่งเล่นอยู่เสมอ ดวงตากลมโตมองเห็นเอกชัยชายหนุ่มที่มีหน้าที่ดูแลมาตั้งแต่เล็ก แต่งกายด้วยชุดลำลองแบบสบายๆ เขาสวมใส่เสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว รูปร่างของเขาสูงใหญ่พอๆ กับอัคคี แตกต่างกันตรงความบึกบึนที่อัคคีเหนือกว่ามาก
“จะไปไหน...พี่เอก”
เธอถามเสียงเขียว เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินไปที่รถยนต์ส่วนตัว ที่ซื้อหามาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง
“ไปหาเมีย” เขาตอบสั้นๆ แต่นั่นทำให้นารีรัตน์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง
“กรี๊ดดดด...ไม่ให้ไป รัตน์ไม่ให้ไป พี่เอกจะมีเมียไม่ได้นะ”
“ทำไมพี่จะมีไม่ได้ นี่ก็สามสิบแล้วนะ ได้เวลาหาเมียสักที หลังจากต้องทนดูแลคุณหนูเอาแต่ใจ ไม่มีสมองอย่างคุณรัตน์มานานหลายปี” เอกชัยไม่พูดเปล่ากลับเดินหนีหญิงสาวที่กระทืบเท้าอย่างขัดใจตรงหน้า เธอจึงวิ่งไปขวางร่างหนาเพื่อที่จะไม่ให้ไปไหน
“พี่เอกจะมีเมียไม่ได้ ถ้ารัตน์ไม่อนุญาต”
นารีรัตน์ตะโกนใส่หน้าเอกชัย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธ ที่เขาจะไปหาผู้หญิงมาเป็นคู่ครองในอนาคต
“ทำไมต้องขออนุญาตคุณรัตน์ด้วย คุณรัตน์เป็นเพียงนายจ้างพี่นะ ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตพี่จะมีเมียหรือไม่มี คุณรัตน์ไม่มีหน้าที่ต้องมายุ่ง”
ชายหนุ่มสวนกลับไปทันควัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ การงาน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องรายงานใครหรือขออนุญาตใคร
“ไม่รู้ล่ะ...ยังไงรัตน์ก็ไม่ให้พี่เอกมีเมีย” เธอยังยืนกรานเสียงแข็ง
“คงไม่ทันแล้วละ เพราะวันนี้พี่นัดแฟนพี่ จะไปพบพ่อแม่ของเขา พี่ไปก่อนนะ คุณรัตน์ไปวิ่งตามคุณวิชญ์เถอะ ส่วนพี่ก็จะไปหาแฟนพี่เหมือนกัน”
เอกชัยเป็นคนเดียวที่กล้าขัดใจเธอ และนี่เป็นอีกครั้งที่เขาขัดใจ ชายหนุ่มเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปบนรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ติดเครื่องยนต์ กำลังจะเข้าเกียร์เพื่อขับรถออกไป
“ขึ้นมาทำไมเนี่ย”
เอกชัยถามเสียงเข้ม มองหน้าเจ้านายสาวอย่างเอือมระอาเต็มแก่ เมื่อเห็นนารีรัตน์เปิดประตูรถยนต์ ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ และตามด้วยเสียงปิดประตูรถปังใหญ่
“ก็ไปดูหน้าว่าที่เมียของพี่เอก และว่าที่ลูกจ้างคนใหม่ของรัตน์น่ะสิ” นารีรัตน์ยกแขนขึ้นกอดอก ปรายตาพูดกับเอกชัยด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน
“จินเขาเป็นว่าที่เมียของพี่ แต่ไม่ได้เป็นว่าที่ลูกจ้างของคุณรัตน์นะ เพราะพี่ไม่บ้าพอจะให้เมียของพี่มารับใช้คุณหนูประสาทเสียอย่างคุณรัตน์หรอก” เอกชัยตอกกลับนารีรัตน์อย่าง เจ็บแสบ
“อ๋อ!...ชื่อจินเหรอ แหมชื่อเชยน่าดู สงสัยตัวจริงคงจะใส่แว่นหนาเตอะ ใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงเป็นแน่ ไม่งั้นคงไม่ตาถั่วมาเลือกพี่เอกเป็นว่าที่สามีหรอก”
นารีรัตน์พูดหยันชายหนุ่มอย่างแสบทรวงไม่แพ้กัน