...ตำหนักเหวินฮ่องเฮา...
เพียงพ้นต้นยามเฉินกลับมีเสียงร่ำไห้ดังลอดออกมาเป็นระยะผสานกับเสียงพูดคุยปลอบโยน ทว่าจะมีผู้ใดหาญกล้าเข้าไปดูชมภายในว่าเกิดอันใดขึ้นหรือก็เปล่าเพราะรู้เหวินฮ่องเฮาใช่จะเป็นแม่ผู้ใจดีงดงามดังใบหน้า
"พี่รองท่านต้องช่วยข้านะฮือ...ฮึก...ข้าไม่ยอมหรอก...ข้าไม่ยอม ข้าตกแต่งให้เขามา14หนาวกลับเป็นได้เพียงฮูหยินรอง แล้วดูเอาเถิดบัดนี้เขาคิดจะตกแต่งหลานของหลิวกุ้ยเฟย กลับบังอาจเอาตำแหน่งฮูหยินเอกให้แกฝ่ายหลิวกุ้ยเฟยคนเช่นข้าหายอมไม่...ข้าไม่ยอม! "
ผู้ซึ่งนั่งนิ่งมานับแต่ที่น้องสาวคนเล็กของตนเองมาขอเข้าเฝ้าแล้วแจ้งแก่นางว่าบัดนี้มู่หรงเยี่ยนจะตกแต่งภรรยาเอกเจ้าสาวก็คือบุตรีของแม่ทัพหลิวซ่งซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของหลิวหลานลี่ซึ่งก็คือหนามตำใจของนางมานับแต่วัยสาวจวบจนบัดนี้บุตรของนางและของหลิวหลานลี่ต่างเติบโตกันหมดแล้ว
แต่นางกลับไม่เคยชนะสตรีที่เป็นเพียงชนชั้นล่างเป็นแค่สามัญชนจะมีความชอบก็ตรงที่บิดาและพี่ชายสร้างคุณงามความดีให้แผ่นดินเทียนหนิงนางจึงได้ขยับจากไฉเหรินต่ำต้อยมาเป็นหลิวกุ้ยเฟย ต่อให้สุดท้ายบุตรของนางก็ได้ทุกสิ่ง แต่เหวินซานซานก็ไม่เคยได้ความรักเช่นที่หลิวหลานลี่ได้จากบุรุษเช่นฮ่องเต้ ดังนั้นนางจึงมีแต่ความริษยาฝังแน่น
วันนี้มารับรู้ว่าน้องสาวที่นางรักประดุจลูกสาวอีกคนมาถูกช่วงชิงสิ่งที่เหวินซานซานคิดว่ามันสมควรเป็นของเหวินเซียนเซียน กำลังจะตกไปอยู่ในมือของฝ่ายหลิวหลานลี่นางจึงบังเกิดความคับแค้นใจอย่างยิ่ง
"อี้หลานเจ้าพาฮูหยินรองกลับจวนไปก่อนทางนี้ให้เป็นธุระของข้าเอง"
หาใช่แต่เหวินเซียนเซียนที่ยากจะยอมรับนางเองก็ไม่ยอมเช่นกันเพราะหากว่าบุตรีของแม่ทัพหลิวตกแต่งไปเป็นฮูหยินเอกของท่านอัครมหาเสนาบดียามนี้อำนาจเขาอาจถูกลิดรอนทว่าในอีกไม่นานย่อมต้องได้คืน เช่นนั้นเจ้าหลี่หยวนเซินก็จะมีคนหนุนหลังที่สำคัญ นางจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
กว่านางจะผลักดัดให้หลี่โม่คังขึ้นเป็นองค์รัชทายาทนั้นมิได้ง่ายดายเช่นนี้นางจะพลาดได้เจ้าเด็กขี้อิจฉามามีอำนาจแข็งข้อกับลูกชายของนางได้อย่างไร
ในขณะที่สถานการณ์ฝ่ายฮ่องเฮาดูวุ่นวายตึงเครียด ตำหนักหลิวกุ้นเฟยวันนี้กลับมีเสียงคงโหวแผ่วพลิ้วฟังแล้วชวนผ่อนคลายสบายอุรา
องค์ฮ่องเต้หลี่ปิ่งเฉิงในยามนี้นั่งเอนกายเหยียดยาวอยู่บนกองหมอนอิงกว่า10ใบหน้าซึ่งยังหล่อเหลากว่าวัยจริงอยู่มากเพราะเช่นไรบุรุษผู้ซึ่งพริ้มตาหลับอยู่นั้นคงไม่น่าจะเกินกว่าวัย36ถึง37หนาวไปได้ทั้งที่ความจริงแล้วหลี่ปิ่งเฉิงนั้นเข้าวัย53หนาวแล้วโดยแท้
"หยวนเซินถวายพระพรเสด็จพ่อ...ถวายพระพรเสด็จแม่"
กายสูงสง่าที่ถอดแบบไปจากบิดาทว่าใบหน้างดงามล่มปฐพีกว่าสตรีในเทียนหนิงกลับถอดพิมพ์ของหลิวกุ้ยเฟยไปจนหมดคล้ายจะเป็นฝาแฝดของมารดาที่ยังสาวสดสวยมิสร่างซา
"หยวนเอ๋อร์มาแล้วหรือ...มานั่งตรงนี้เถิด...หายไปเสียหลายวันเป็นเช่นไรบ้างเล่าเจ้าลูกชาย การค้าของคุณชายหลิวหลางคงเจริญรุ่งเรืองเกินหน้าเกินตาของเสด็จพ่อแล้วกระมัง"
ยากนักจะได้ยินได้ฟังองค์ฮ่องเต้กล่าววาจาล้อเล่นอารมณ์ดีเพราะที่ทุกผู้คุ้นชินก็คือบุรุษผู้ห้าวหาญหลังบัลลังก์มังกรเพียงเท่านั้น
"เสด็จพ่อก็กล่าวล้อเล่นไปแล้ว"
ใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มเหมือนมู่มวลบุปผาทั้งหลายในโลกาจะพลันเหี่ยวเฉา เห็นแล้วหลี่ปิ่งเฉิงก็อดจะน้อยใจต่อสวรรค์เสียมิได้ที่ตนเองมีธิดากับสตรีอื่นได้ทว่ากับสตรียอดดวงใจเขากลับไร้น้ำยามีได้แต่เพียงบุตรชายเพียงหนึ่งเห็นสะพานสานความพันผูกระหว่างเขาและหลิวหลานลี่
"เปี๋ยวตี (*้) เจ้าลองชิมขนมหวานนี่สักคำเถิด"
(*1ลูกพี่ลูกน้องที่เด็กกว่าฝ่ายพ่อที่เป็นชาย)
หลี่หยวนเซิน หรือเขามักจะให้ทุกผู้รู้จักเขาแต่ในนามหลิวหลางรับเอาจานบรรจุขนมที่คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพหลิวซ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นเปี๋ยวเจี๋ย (ลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่าและเป็นหญิง) *ส่งผ่านนางกำนัลมาวางลงตรงหน้า
"นี่คือ? ..."
รูปทรงของขนมที่ว่าเป็นสีทองอร่ามถูกจับวางมาสวยงามอย่างยิ่ง
"เรียกว่าทองเอก (*3) ลองชิมดูเปี๋ยวเจี๋ยเห็นว่าเจ้าชื่นชอบขนมหวานๆ เห็นและลองชิมจึงนึกถึงเจ้านับแต่คำแรก"
หลิวซือเย่นั้นเป็นสตรีวัย21หนาวที่ได้ความงามมาจากผู้เป็นอาสาวไปเสีย8ส่วนในยามที่ทั้ง2นั่งเคียงใกล้เช่นนี้จึงคล้ายพี่สาวกับน้องสาวมากกว่าจะเป็นท่านอา กับหลานสาวไปได้ กิริยาเยือกเย็นนั่นก็อีกคล้ายหลิวหลานลี่ดังคัดลอกกันมามิผิดไป
"ข้าหาเคยได้ยินชื่อมาก่อนมันคือขนมอันใด"
นิ้วเรียวสวยจับพลิกดูดังจะค้นหาว่ามันแทรกยาพิษอยู่หรือไม่เห็นเช่นนั้นหลิวซือเย่นางก็ส่ายหน้า จากนั้นจึงหยิบขนมชื่อแปลกสีสันสดใสคล้ายคนขายแต่รสชาติหวานหอมติดลิ้นติดปาก ชิมแล้วนางจำต้องห้ามใจไม่ให้หยิบกินหลายชิ้นเกินไป
ด้วยว่าแม่ค้าตัวน้อยแสนน่ารักน่าเอ็นดูผู้ขายให้นางแนะนำเสียด้วยว่า'พี่สาวอย่าเผลอชิมเยอะเกินไปนะเจ้าค่ะเพราะมันหวานมากสตรีกินของหวานมากไม่ดีเดี๋ยวพี่สาวจะอ้วนแล้วไม่งามนะเจ้าค่ะ'พ่อคิดถึงแม่ค้าตัวน้อยคนที่กินขนมเลยอมยิ้มอ่อนหวานละมุนละไมไปด้วย
หลี่หยวนเซินถึงกับมองภาพตรงหน้ายังอึ้งไปเล็กน้อยเพราะคนที่ระวังกิริยาอย่างยิ่งเช่นคุณหนูหลิวกลับเผยมุมนี้ให้ได้เห็น จึงจับขนมชินที่วางไปเมื่อครู่ขึ้นมาพิจารณาอย่าเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง
"ชิมเถิดหยวนเซินเสด็จพ่อทดลองแล้วรสชาติดีอย่างยิ่งดีมากจนข้ายังอยากได้คนทำมาอยู่ประจำห้องเครื่องเลยทีเดียว"
หลี่ปิ่งเฉิงนั้นมิได้กล่าวเล่นแต่ทว่าหลานสาวของสนมรักของเขากลับบอกเพียงว่าผู้ทำนั้นนางไม่เคยพบ มีแต่หลานสาวตัวน้อยสองนางเท่านั้นที่ออกมาขาย สอบถามก็รู้เพียงท่านยายผู้นั้นแก่ชรามากแล้วไม่สะดวกจะเข้าวังจึงต้องยกเลิกความคิดไปเสีย
ดมกลิ่นก็หอมชื่นใจอย่างยิ่งสุดท้ายคนที่หลงใหลขนมรสหวานมานับแต่จำความได้จึงอดใจจะส่งเข้าปากไปไม่ได้
แล้วรสชาติหวานมิได้มากมายแต่กลมกล่อมกำลังดีผสานกับกลิ่นหอมชื่นใจที่เขาถึงกับเผลอยิ้มออกมามิได้ต่างจากเปี๋ยวเจี๋ยเมื่อครู่เลยทีเดียว
ทำเอาทุกผู้ในห้องที่จับจ้องลุ้นกันจนลืมหายใจถึงกับยิ้มตาม ก็ท่านอ๋อง5นับเป็นจอมปีศาจสำหรับคนในห้องเครื่องที่สุดผิดรสชาติที่เขาคุ้นชินเล็กน้อยก็อาจสิ้นใจโดยไม่ทันร้องขอชีวิตด้วยซ้ำ
"อู๋เหล่ย ข้าต้องเจอกับเจ้าของขนมนี้ภายในสามราตรีนี้"
และนั่นคือคำสั่งที่นับว่าไร้สาระอย่างยิ่งนับแต่อู๋เหล่ยรับใช้ท่านอ๋อง5มาเท่ากับอายุ22หนาวของเขา แต่จะไร้สาระเพียงใดผู้รู้จักแต่รับคำสั่งแล้วทำให้สำเร็จโดยไร้ข้อกังขา ก็ก้มหน้ารับทราบแล้วจากไป
ส่วนคนที่เป็นเจ้าของขนมชิ้นนั้นบัดนี้เพิ่งได้สติตื่นเต็มตัวหลังจากมีไข้สูงเพราะบาดแผลจากการถูกไม้โบยไปกว่า20ไม้
เด็กให้รู้สึกนับถือความถึกทนทานของตนเองอย่างยิ่งโดนไปถึงเพียงนั้นก็ยังรอดชีวิตต่อมาอยู่อีก
"เจินเอ๋อร์ตื่นแล้วหรือ มาเถิดท่านพ่อเพิ่งให้คนเตรียมโจ๊กลูกเดือยที่เจ้าชอบมาให้กำลังร้อนๆ ทีเดียว"
มู่หรงเยี่ยนขยับไปช่วยพยุงกายน้อยที่นอนยังเตียงหลังใหญ่ของเขานางแทบจมหายไปกับฟูกที่นอนยิ่งเห็นหัวใจของคนเป็นพ่อก็ยิ่งเจ็บปวด
"ระวังร้อนเจินเอ๋อร์มา...ท่านพ่อเป่าให้"
มู่หรงเจินจูนางถึงกับยิ้มหน้าบิดเบี้ยวเพราะอดีตนางก็ไม่สนิทกับบิดา พอยามนี้บิดาในชาติใหม่มาดูแลเอาใจ เช่นนี้เด็กสาวจึงวางตัวไม่ถูก แต่จะปฏิเสธนางก็เกรงว่าบิดาจะเสียหน้า จึงจำยอมอ้าปากรับโจ๊กที่บิดาป้อน คนลำบากใจกินยังไงก็คงไม่อร่อยยิ่งนางเพิ่งฟื้นไข้กินไป4คำก็กลืนแทบไม่ลงเสียแล้ว
"คุณหนูยามาแล้วเจ้าค่ะ"
...เฮ้อ! ...
ชีวิตนางไยจึงดูยุ่งวุ่นวายอยู่แต่กับยาขมเสียจริง เกลียดนั้นมากแต่ไม่กินก็ไม่หาย ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนจึงย้อนกลับมาอีกครั้ง
...อ้วก...
เจ็บหลังก็มากยังต้องมาอาเจียนอีกนางถึงขนาดสาปแช่งไปทั่วสวรรค์9ชั้นฟ้าเลยทีเดียว ก็นางถูกกลั่นแกล้งจากท่านเทพชะตาจนทรมานแทบบ้าจะให้สวดอวยพรหรือไรกันเล่า
ผ่านไปจวบจน9วันคำสั่งอันไร้สาระที่สุดที่อู๋เหล่ยได้รับกลับไร้ผลสำเร็จ ใบหน้างดงามล่มปฐพีเลยมีแต่ดำมืดลงเรื่อยๆ
"ของหวานพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
ดวงตาเรียวสวยเหลือบมองไปยังจานขนมที่เสิ่นจั๋วรับหน้าที่เสี่ยงชีวิตนำมาส่งให้แทนนางกำนัลและขันทีทั้งหลายในตำหนักอ๋อง5แห่งนี้
"วันนี้เป็นฝีมือของหลิวกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ"
เพราะหลายวันก่อนหลิวกุ้ยเฟยกักตัวสวดมนต์ยังหอพระโดยมีคุณหนูหลิวติดตามไปด้วยส่วนอีกสตรีที่ท่านอ๋อง5ชื่นชอบติดรสมือก็คือแม่นมฉีก็มาป่วยไข้ห้องเครื่องทั้งวังหลวงและตำหนักอ๋อง5จึงเดือดร้อนยิ่งกว่าถูกวางเพลิง
ปกติแล้วท่านอ๋อง5นั้นหากเขาอารมณ์ดีเขาไม่เคยเรียกหา'ของหวาน'แต่หลานวันมานี้เขากำลังเคร่งเครียดกับฮ่องเฮาที่พยายามอย่างยิ่งที่ขัดขวางแผนยึดเอาอำนาจฝ่ายตระกูลมู่หรงมาเป็นพวกของท่านอ๋อง5เขาจึงดูฉุนเฉียวง่ายเรียกหาแต่ของหวานจนทุกคนจะเสียสติกันเต็มทน
นับว่าสวรรค์ยังเมตตาพวกเขาอยู่บ้างที่สุดท้ายก็เป็นหลิวกุ้ยก็ออกจากหอพระแล้วทราบความจึงทำขนมดอกกุ้ยฮวาส่งมาช่วยชีวิตได้ทันการ
"อู๋เหล่ยนั้นตายไปแล้วกระมัง"
...นั่นอย่างไร...
หากท่านอ๋อง5ฉุนเฉียวแมลงบินผ่านเขาก็หาเรื่องได้เสิ่นจั๋วนั้นคุ้นชินเสียแล้วจึงวางเฉยกับคอยระวังตนเองไม่ให้ไปสร้างเรื่องก่อกวนอารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มให้แก่ท่านอ๋อง5ก็เท่านั้น
"เจ้าลืมนำปากกับมาจากตำหนักกุ้ยเฟยหรือไรเสิ่นจั๋ว"
...เขาหายในแรงไปกระมังท่านอ๋อง5จึงมาลงกับเขาอีกแล้ว...
"อู๋เหล่ยแจ้งมาว่าหลายวันนี้แม่ค้าขนมสองพี่น้องไม่ได้ออกมาตั้งแผงยังหน้าร้านสมุนไพรจินหรานร่วม10วันแล้วส่วนพวกนางเป็นลูกหลานบ้านใดนั้นพ่อกับแม่ค้าแถวนั้นรวมไปถึงป้าเจียงเถ้าแก่เนี้ยร้านสมุนไพรที่แบ่งหน้าร้านให้สองพี่น้องแซ่จางตั้งแผงขายขนมก็บอกตรงกันสองพี่น้องเป็นบุตรสาวของมือปราบจางพ่ะย่ะค่ะ"
ขนมชิ้นสุดท้ายถูกส่งเข้าปากเรียวสวยสีสดภายในใจหลี่หยวนเซินนั้นก็กำลังนึกอยู่ว่าคนแซ่จางนี้เขาเคยได้ยินมาจากที่ใด
"เป็นมือปราบกับลูกสาวสองคนที่ท่านอ๋องเคยช่วยเหลือเอาไว้เมื่อ10วันก่อนพ่ะย่ะค่ะ"
เสิ่นจั๋วเฉลยให้ผู้เป็นนายไม่ต้องคิดนาน
"สามพ่อลูกผู้นั้น? ...ก็มิใช่ข้าสั่งความอู๋เหล่ยไปสืบความจริงมาหรอกหรือ"
ความว่าหลี่หยวนเซินที่ชวงนี้วางแผนช่วงชิงอำนาจมากไปจึงหลงลืมเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมที่เคยสั่งการคนสนิทไปเสียสิ้น
"พ่ะย่ะค่ะ...เด็กที่ท่านอ๋องติดใจสงสัยมิผิด"
หลี่หยวนเซินตวัดดวงตาแสนหวานทว่าเซี่ยเสิ่นจั๋วกลับไม่รู้สึกอันใดมากไปกว่าความสยองขวัญกับสายตาของผู้เป็นนายก็เร่งรายงานปากคอสั่น
"แม่นางน้อยวันนั้นนามว่ามู่หรงเจินจูนางก็คือคุณหนูใหญ่ของท่านอัครมหาเสนาบดีมู่หรงเยี่ยนกับฮูหยินเอกท่านหญิงฉวนจินหรงแห่งราชวงศ์ฉวนพ่ะย่ะค่ะ"
ใบหน้างดงามถึงกับหันขวับไปจับจ้องคนสนิทนิ่งเซี่ยเสิ่นจั๋วถึงกับแข้งขาสั่นเหงื่อกาฬหรือก็แตกซ่านจนเครื่องแบบองครักษ์หลวงของตนเริ่มชื้น
"ไยเจ้าจึงเพิ่มมีปากมารายงานข้าเอาวันนี้...ไปเตรียมรถม้า...ข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านพ่อตาสักหน่อย"
"ห๊า! "
ดวงตาเรียวรีของเสิ่นจั๋วเบิกโพลงชวนขำขันทว่ามิมีผู้ใดร่วมขบขันด้วยกล่าวจบท่านอ๋อง5ก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที
...ท่านพ่อตา...
'่ท่านอ๋อง5...ท่านก็คิดไปได้แม่นางน้อยผู้นั้นปักปิ่นหรือก็ยังท่านจะตกแต่งชายาที่มิทันปักปิ่นมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ'
เซี่ยเสิ่นจั๋วนั้นเขาเองก็มีน้องสาววัยก็อาจจะเท่ากันกับคุณหนูใหญ่มู่หรงนางนั้นเพียงคิดว่าบุรุษใดมาคิดไม่ซื่อกับน้องสาวดาบในมือเขาก็สั่นแล้ว
เช่นนี้ท่านอ๋อง5คิดจะไปควักดวงใจท่านอัครมหาเสนาบดีมู่หรงเยี่ยนต่อให้เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นก็ใช่ว่าจะไร้วรยุทธเสียเมื่อใด
"ท่านอ๋อง..."
อยากจะพูดก็พูดไม่ได้เลยจำใจต้องทำตามคำสั่งอย่างสงบ คิดเอาว่าหากคราวนี้นายของเขาก้าวเท้าผิด จากที่หวังจะดึงสกุลมู่หรงมาสนับสนุนฝ่ายตนไม่ได้แล้วบางทีอาจจะได้แผลติดตัวและศีรษะมาคนละแผลสองแผลก็ในวันนี้นี่แหละ...
เซี่ยเสิ่นจั๋วคิดอย่างเพลียใจ