Chapter 6
อย่าทำให้หวั่นไหว (2)
บรรยากาศยามค่ำคืนบริเวณบาร์ด้านหน้าโรงแรมเริ่มคึกคัก บนโต๊ะเล็กๆ ที่มีน้ำองุ่นผสมโซดาวางอยู่ มันเป็นของมินตราเพราะไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ หล่อนมองไปยังค็อกเทลในมือแพรวา ในใจนั้นไม่อยากให้เพื่อนดื่มของมึนเมาสักเท่าไหร่ เพราะถ้าอีกฝ่ายเมาก็จะเดือดร้อนพี่ชายตนที่ต้องมานั่งดูแลเช่นเคย
เสียงแก้วกระทบกันเบาๆ มันมาจากแพรวาและพี่ชายตน หล่อนนั่งนิ่งไม่หยิบแก้วขึ้นมาชน เหตุเพราะสายตาเอาแต่จับจ้องมองคนที่อยู่บนเวที
"อยากขึ้นไปร้องเพลงมั้ยล่ะครับ เดี๋ยวบอกคุณพี่ภามเขาให้ว่าน้องอัยย์ขอร้องด้วยสักเพลง"
ภัทรนันท์โน้มใบหน้าเข้ามาถามคนที่นั่งเคลิ้มไปกับท่วง ทำนองเพลง ท่ามกลางเสียงเพลงดังกลบเสียงพูดคุย มาจากวงดนตรีที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาเล่นในทุกค่ำคืน หนึ่งในนั้นคือวงที่เป็นเพื่อนๆ ของภัทรนนท์ วันไหนว่างๆ เขาก็จะชอบมาเล่นดนตรีกับเพื่อนในตำแหน่งนักร้องนำประจำวง
"ไม่ไปค่ะ นั่งฟังเฉยๆ ดีกว่า"
ความที่ยังโกรธภัทรนนท์ในเรื่องตั้งแต่คืนนั้นทำให้มินตราตีสีหน้าปั้นปึงขึ้นมาทันที ทั้งที่คนบนเวทีไม่รู้อะไรด้วยเลย...หล่อนมองไปบนเวทีนั่งฟังเขาพูดคุยแซวเล่นอยู่กับแขกที่มานั่งฟังเพลงดื่มกินบรรยากาศ ภัทรนนท์ในมุมเฟรนด์ลี่ที่ตนไม่คุ้นเคย เพราะต่อหน้าตนเขาเงียบขรึมและชอบดุเสียจนเกิดช่องว่างเล็กๆ ระหว่างความสนิทสนมขึ้นมา ภาพในวันนั้นย้อนกลับมาทิ่มแทงใจอีกครั้ง...เขามีอะไรกับพี่สะใภ้ตนหรือไม่ นั่นคือคำถามที่ก่อกวนอยู่ในใจแต่ไม่อาจเปิดเผยบอกใครได้เลย
ดวงตากลมโตเหลือบมองไปทางภัทรนันท์ เมื่อลึกๆ แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขารู้ในความผิดปกตินั้นหรือไม่ ถ้ารู้แล้วเขาคิดเช่นไร ในใจคนที่กุมความลับเช่นหล่อนเอาไว้นั้นแสนอึดอัด คล้ายเขาจะรู้ว่ากำลังถูกจับจ้อง สายตาคมกล้าสบกลับอย่างแฝงเอาไว้ซึ่งคำถามว่าหล่อนเป็นอะไร วันนี้ถึงดูไม่สนุกเอาเสียเลย
มินตรารีบหลุบตาหนีพลางหยิบน้ำองุ่นขึ้นจิบเพื่อปกปิดความผิดปกติในแววตา เชื่อว่าลึกๆ แล้วภัทรนนท์ยังคงรักสิตางคุ์ไม่อาจตัดใจจากอีกฝ่ายได้ เป็นความรักผ่านความสนิทสนมในฐานะเพื่อน ในตอนนั้นเขาอาจไม่รู้ตัวว่านั่นคือความรัก หากเขาไม่รักแล้วจะแสดงออกแบบวันนั้นได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มใจจนอยากที่จะกลับบ้านขึ้นมาทันที
"พี่ภีม กลับกันหรือยังคะ อัยย์รู้สึกปวดท้องยังไงก็ไม่รู้ค่ะ"
"อ้าว ปวดแบบไหนครับ แล้วต้องแวะโรงพยาบาลหรือเปล่า"
อีกฝ่ายบอกปวดท้องแต่ฝ่ามือแกร่งกลับยื่นมาอังที่หน้าผากขาวเนียน ความห่วงใยที่ไม่จำเป็นต้องปกปิดเพราะคิดว่ามันไม่ผิดถ้าเขาคิดจะห่วงใยใครสักคนที่มาจากความรู้สึกส่วนลึกข้างใน แววตาอาทรที่สื่อออกมาพร้อมการกระทำกระแทกใจคนร่วมโต๊ะจนต้องยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบ ภัทรนันท์ไม่รู้หรอกว่าการแสดงออกของเขานั้นทิ่มแทงสายตาคนบนเวที จนแทบอยากจะทิ้งไมค์แล้วเดินลงไปร่วม
โต๊ะ ลากน้องสาวตัวดีกลับบ้านแล้วพี่ชายตนจะไปต่อกับใครเชิญ
"ไม่ต้องแวะหรอกค่ะพี่ภีม แค่เสียดๆ อยากนอนพักเฉยๆ"
"หรือจะเป็นโรคกระเพาะ ปวดบ่อยๆ ก็ต้องตรวจนะครับเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องปกตินะพี่ว่า"
"พาอัยย์กลับบ้านที เบื่อ ไม่อยากอยู่ต่อแล้วค่ะ นะคะพี่ภีม กลับบ้านกันเถอะ"
หญิงสาวทำหน้าออดอ้อน เรียกความหมั่นไส้ให้เกิดขึ้นในใจแพรวาขึ้นมาทันที
"เซ็งเลยนะอัยย์ แกจะมาปวดท้องอะไรวันนี้"
"แล้วมันห้ามได้เหรอว่าต้องปวดวันไหนน่ะ แกอยากดื่มต่อก็ดื่มไปสิ"
"แล้วฉันจะกลับยังไงล่ะ นี่ก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ขืนอยู่ต่อรถไม่มีกันพอดี"
นั่นหมายถึงถ้ากลับพร้อมกันตอนนี้พี่ชายตนก็ต้องวนรถไปส่งอยู่ดี...ตอนแรกบอกจะต่อรถกลับ แต่ไปๆ มาๆ ก็ตามติดมานั่งฟังเพลงด้วยกันซะอย่างนั้น มินตราคิดในใจเมื่อเริ่มจะอึดอัดใจในพฤติกรรมของเพื่อนเต็มที
ยังไม่ทันจะพูดอะไร คนที่กำลังเดินตรงมาทำให้มินตราถึงกับนั่งนิ่ง เขาลากเก้าอี้ออกมาเพื่อนั่งร่วมโต๊ะ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องมองมาทางคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ พี่ชายตน
"สวัสดีค่ะพี่ภาม"
แพรวาทักทาย หล่อนได้เพียงรอยยิ้มเล็กๆตอบรับกลับคืนมา
"อัยย์ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
มินตราลุกพรวดขึ้น ท่าทีผิดปกตินั้นไม่อาจหลอกสายตาของภัทรนนท์ได้ เขาลุกตามไปเพราะอยากที่จะคุยให้เคลียร์ ไม่รู้หล่อนเป็นอะไรไม่พูดกับเขามาหลายวันแล้ว พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น และเขาเองก็ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลาถามไถ่คุยกันให้เข้าใจ
หญิงสาวเร่งจังหวะการก้าวเดินเมื่อรู้ว่าเขาตามมา ยังไม่ทันจะถึงห้องน้ำเสียงนั้นก็ดังมาก่อนตัว
"น้องอัยย์ หยุดก่อน"
ภัทรนนท์เร่งจังหวะตามไปจนทัน เขาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วกระชากร่างของอีกฝ่ายเข้าหาตัว
"ปล่อยค่ะ อย่ามาถูกตัวอัยย์"
หล่อนขัดขืนเขายิ่งออกแรงบีบกระชับ ดันร่างเล็กไปจนชิดผนังริมทางเดินไปห้องน้ำ กักเอาไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรง
"เป็นอะไรฮึเราน่ะ อยู่ดีๆ ก็ไม่พูดกับพี่มาหลายวันแล้ว"
หญิงสาวนิ่งเงียบ หล่อนไม่ตอบเพราะถ้าบอกว่าไม่มีอะไรเขาก็จับโกหกได้อยู่ดี
"โกรธอะไรไหนบอกสิครับ ถ้าไม่พูดแล้วใครจะรู้ตัว"
"พี่ภามทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมต้องให้บอกด้วยคะ"
ภัทรนนท์ยิ่งงงหนัก สายตาคู่คมสบกับแววตาคู่สวยราวต้องการค้นหาคำตอบ เพราะเขามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรที่นอกลู่นอกทางแน่นอน
หรือเธอจะรู้เรื่องที่เขาใช้เงินซื้อความสุขจากผู้หญิงไซด์ไลน์ เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ยังคงมีความต้องการไม่ได้ตายด้าน แต่นั่นก็แค่ความสัมพันธ์ที่ไร้ซึ่งความรักและผูกพันใดๆ เมื่อจ่ายเงินและงานจบต่างฝ่ายต่างแยกย้ายทางใครทางมัน เขาไม่เหมือนภัทรนันท์ที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว พอเบื่อพวกหล่อนแล้วก็เททิ้งอย่างไม่ใยดี
"ถ้าไม่บอกพี่ก็คงไม่รู้ จะบอกได้หรือยังว่าเป็นอะไร"
ถ้าไม่รักก็อย่ามาทำให้หวั่นไหว คิดพลางหลุบตาหนีสายตาชวนให้ใจสั่นเพราะเขากับเธอใกล้ชิดกันเกินไปแล้ว ความใกล้ชิดประกอบกับใจที่คิดลึกทำให้ความหวงแหนทบเท่าทวีคูณ หึงหวงเขาจนความรู้สึกข้างในเผยออกมาให้เขาจับได้ ผ่านการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาที่ซ่อนเร้นเอาไว้ไม่มิด...ภัทรนนท์จำต้องขยับกายถอยห่าง เมื่อตั้งสติได้ว่าไม่ควรที่จะแสดงอะไรแบบนี้ออกมา เขาจำต้องเว้นระยะห่างของสัมพันธ์เอาไว้แค่พี่ชายและน้องสาว ห้ามคิดลึกอะไรกับเธอเหมือนกับที่เขารู้ว่าเธอคิดไม่ซื่อกับตน