ภาพตรงหน้าทำให้ขจีเนตรแทบจะเป็นลมล้มพับ แต่ยังพอมีสติจึงรีบเข้าไปดูมารดาที่นั่งร้องไห้กอดร่างไร้วิญญาณของสามีด้วยความเสียใจ คาดไม่ถึงว่าคู่ชีวิตเลือกที่จะปลิดชีพตัวเองแบบนี้
หลังจากไม่มีหัวหน้าครอบครัว ชีวิตของสองแม่ลูกย่ำแย่ไม่น้อย ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงิน แต่ยังดีที่ในบัญชีเงินฝากของคุณสายสมรยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง บวกกับลูกสาวตัดสินใจเอาของมีค่าต่าง ๆ ไปขายทำให้ไม่ลำบากมากนัก
สองแม่ลูกย้ายไปอยู่ห้องเช่าเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อในวันหนึ่งคุณสายสมรเป็นลมหมดสติในห้องน้ำและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ขจีเนตรต้องเอาเงินทั้งหมดมารักษามารดา เมื่อเงินเริ่มไม่มีอดีตคุณหนูตกสวรรค์ก็ต้องหางานทำ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้เธอหางานทำได้ยากมาก แม้จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐอันดับหนึ่งของประเทศก็ใช่ว่าจะมีบริษัทไหนอ้าแขนรับ
เธอลองติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในกลุ่มที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลยามที่ยังร่ำรวย กลับพบว่าทุกคนล้วนไม่จริงใจไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมกับคนไม่มีเงิน บางคนถึงกับบล็อกเบอร์โทรศัพท์
หญิงสาวรู้สึกมืดแปดด้านพลันน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ นอนร้องไห้อยู่ในห้องแคบ ๆ หลายชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นปาดน้ำตา แล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล
“เซลีน”
เอวารินเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ทั้งที่ข้างในกำลังยิ้มสะใจกับความหม่นหมองของขจีเนตรที่แสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา บัดนี้ไม่มีอีกแล้วยายคุณหนูอวดดีที่ชอบมองคนอื่นต่ำต้อยด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
“เอวา เธอมาทำอะไรที่นี่” ขจีเนตรเงยหน้ามองเอวารินที่กำลังยิ้มหวาน ในมือถือกระเช้าผลไม้เพื่อเยี่ยมคนไข้ นับตั้งแต่แม่ป่วยยังไม่มีใครมาเยี่ยมเลยสักคน แต่ไม่มาก็ดีเพราะเธอขี้เกียจต้อนรับแขก
“เอวามาเยี่ยมคุณป้า” หากแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของเอวารินคือมาดูความย่อยยับล้มไม่เป็นท่าของขจีเนตรมากกว่า
เธอได้ข่าวว่าเพื่อน(ชัง)คนนี้เที่ยวหางานทำแต่ยังไม่มีที่ไหนรับ ก็เนอะสมัยนี้งานหาง่ายเสียที่ไหนถ้าไม่มีเส้นสายก็ลำบากหน่อย
“เข้าไปคุยในห้องเถอะ”
ขจีเนตรไม่อยากให้บทสนทนาของตนเองไปรบกวนคนป่วยห้องอื่นจึงชวนเอวารินเข้าไปคุยในห้องที่มารดากำลังรักษาตัว
ตั้งแต่ล้มป่วยจนถึงวันนี้ท่านก็ยังไม่ฟื้นเลย หมอไม่สามารถบอกได้ว่าคุณสายสมรจะตื่นขึ้นมาตอนไหนต้องดูอาการวันต่อวัน
“คุณป้ายังไม่รู้สึกตัวเหรอ”
เอวารินวางของไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนของคุณสายสมรที่มีแต่สายระโยงระยาง
เธอแอบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนป่วยแล้วส่งให้มารดาที่เกลียดคุณสายสมรไม่ต่างกันดู สองคนนี้เป็นญาติทางแม่ หากลำดับญาติกันจริงค่อนข้างจะซับซ้อน ผู้ใหญ่จึงบอกว่าเป็นญาติห่าง ๆ
“อืม อาการยังทรงแต่ก็ดีกว่าเก่า” ลูกสาวมองมารดาน้ำตาคลอ เธอเสียพ่อไปแล้วหนึ่งคน ไม่อยากเสียแม่ไปอีก
หากแม่จากไปเธอจะอยู่อย่างไร ถึงจะมีนิสัยร้ายกาจกับคนอื่นแต่กับพ่อแม่เธอเป็นลูกที่น่ารักเสมอ
“เอวาเสียใจด้วยนะที่ช่วยอะไรเซลีนไม่ได้เลย” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตอแหล ช่วยเหรอต่อให้มีปัญญาตนเองก็ไม่ช่วยหรอก นับวันรอเห็นขจีเนตรล้มมากี่ปี เรื่องอะไรที่จะไม่ซ้ำเติม
“ขอบใจที่มาเยี่ยม เธอได้งานทำแล้วใช่ไหม”
“ใช่ บริษัทใหญ่แถวสุขุมวิท สัมภาษณ์เสร็จเขาก็รับเลย”
“ดีจัง ไม่เหมือนฉัน ไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับ”
“เซลีนสนใจอยากทำงานเหรอ”
เธอเลิกคิ้วถามเริ่มมองเห็นหนทางเอาคืนยายคุณหนูจองหอง แผนการชั่วร้ายเริ่มผุดขึ้นมาในหัว อยากทำงานก็ดีนะสิเดี๋ยวเธอจะช่วยสงเคราะห์เอง
“สนใจสิ ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน ถ้าไม่ทำงานจะเอาอะไรกิน”
“เหมือนเพื่อนของเอวากำลังอยากหาคนทำงานอยู่นะ”
“จริงเหรอ งานอะไร ฉันทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ได้เงิน”
“เดี๋ยวถามเพื่อนก่อนนะ แล้วจะส่งข่าวมาบอก”
เอวารินแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจก่อนจะขอตัวกลับหลังจากนั่งฟังเรื่องราวชีวิตของขจีเนตร ในช่วงที่กลายเป็นนางร้ายปีกหัก บอกได้คำเดียวโคตรสะใจ แต่เท่านี้มันยังไม่พอ คนอย่างคุณหนู
ขจีเนตรต้องโดนสั่งสอนมากกว่านี้
หญิงสาวเดินมาตามทางพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย ไม่คิดว่าสวรรค์จะลงโทษยายคุณหนูนิสัยเอาแต่ใจได้รวดเร็วยิ่งกว่าจรวด ในเมื่อขจีเนตรเดือดร้อนเธอในฐานะเพื่อน(ชัง)ขอทำหน้าที่หางานให้เอง รับรองขจีเนตรต้องจดจำไปจนวันตาย
หลังจากเข้ามานั่งบนรถเรียบร้อยเอวารินก็ไม่รอช้าต่อสายหาเพื่อนอีกคนหนึ่งทันที ซึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบขจีเนตรเหมือนกัน
คุยไปคุยมาทางนั้นก็ตอบตกลงจะหางานให้ยายคุณหนูจองหองทำ งานที่ได้เงินดีจะมีสักกี่งานกันเชียว ทั้งสองคนวางสายได้ไม่เกินห้านาที ทางโน้นก็ส่งข้อมูลเข้ามาให้เอวารินทางแชต
คนหน้าซื่อใจคดยิ้มพอใจก่อนจะกดโทรศัพท์หาขจีเนตร
“ฮัลโหลเซลีน เอวามีเรื่องงานมาอัปเดต”
“เร็วจัง แล้วงานอะไร เงินดีไหม”
“ดีสิ ดีมากด้วย เพื่อนของเอวากำลังหาคนเป็นเด็กนั่งดริงก์”
“เด็กนั่งดริงก์! เธอจะบ้าเหรอเอวา ฉันไม่ทำงานแบบนั้นหรอก เสียศักดิ์ศรี”
“แต่ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นะเซลีน อย่าลืมสิคุณป้าต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เซลีนจะเอาเงินที่ไหนมารักษา ไหนจะค่าใช้จ่ายอีก อ้อ แค่เด็กนั่งดริงก์เองไม่ได้ขายตัวซะหน่อย แต่เอวาว่านะต่อให้ต้องขายตัวจริงเซลีนก็ควรทำเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เซลีนมีเงิน”
“แต่ฉัน ฉัน ฉันขอคิดดูก่อน”
เกิดความลังเลในใจของขจีเนตร เอวารินพูดถูกตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการรักษามารดา แต่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์จะไปทำเรื่องพวกนั้นได้เหรอ อีกอย่างเธออยากมีครั้งแรกกับผู้ชายที่มีสถานะแฟนไม่ใช่ผู้ซื้อเรือนร่าง
เอวารินจึงเป่าหูต่อเพื่อให้ขจีเนตรตอบตกลง ดูจากน้ำเสียงเธอคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ขจีเนตรจะไม่ปฏิเสธ
ตีเหล็กต้องตีช่วงที่มันร้อน แววตาของเอวารินแข็งกร้าวด้วยความชิงชัง ตราบใดที่ยังไม่เห็นยายคุณหนูตกอับชีวิตพังพินาศ เธอจะไม่หยุดเด็ดขาดให้สาสมกับตลอดเวลาที่ผ่านมา
“อย่าคิดนานสิเซลีน เพราะคนอยากทำงานนี้เยอะมากกอไก่ ล้านตัวเลย เซลีนได้เปรียบกว่าคนอื่นเพราะหน้าตาดี แค่ไปนั่งเอาอกเอาใจลูกค้าผู้ชายเอง แป๊บเดียวก็มีเงิน เผลอ ๆ เซลีนอาจจะกลับมาเป็นคนรวยเหมือนเดิมก็ได้”
“งั้นเธอส่งรายละเอียดมาให้ทางไลน์หน่อย ฉันอยากรู้รายละเอียดก่อน”
“ได้สิ เอวาเป็นกำลังใจให้เซลีนเสมอ ตอนนี้มีงานอะไรเข้ามาก็ทำไปเถอะ”
“ขอบใจนะเอวา ขอบใจเธอมากที่ไม่ทิ้งฉัน”
ขจีเนตรซาบซึ้งในน้ำใจของเอวารินจากก้นบึ้งของหัวใจถึงกับน้ำตาซึม
ในขณะที่เอวารินกำลังยิ้มสะใจ ยายคุณหนูตกอับหลอกง่ายเหลือเกิน นอกจากเธอจะไม่ทิ้งขจีเนตรแล้วยังจะส่งเพื่อน(ชัง)คนนี้ลงนรกด้วยน้ำมือของตัวเธอเอง
เด็กนั่งดริงก์มันก็แค่ฉากบังหน้าแต่เบื้องหลังโสมมกว่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งค้ามนุษย์ดี ๆ นี่แหละ บางคนยินยอมและเต็มใจ แต่บางคนโดนหลอกทำให้ต้องติดอยู่ในวงอโคจรนี้ไปจนตาย