บทที่ 4 ชนวนเหตุของการ แก้แค้น (1)

1443 คำ
ภาพตรงหน้าทำให้ขจีเนตรแทบจะเป็นลมล้มพับ แต่ยังพอมีสติจึงรีบเข้าไปดูมารดาที่นั่งร้องไห้กอดร่างไร้วิญญาณของสามีด้วยความเสียใจ คาดไม่ถึงว่าคู่ชีวิตเลือกที่จะปลิดชีพตัวเองแบบนี้ หลังจากไม่มีหัวหน้าครอบครัว ชีวิตของสองแม่ลูกย่ำแย่ไม่น้อย ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงิน แต่ยังดีที่ในบัญชีเงินฝากของคุณสายสมรยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง บวกกับลูกสาวตัดสินใจเอาของมีค่าต่าง ๆ ไปขายทำให้ไม่ลำบากมากนัก สองแม่ลูกย้ายไปอยู่ห้องเช่าเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อในวันหนึ่งคุณสายสมรเป็นลมหมดสติในห้องน้ำและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ขจีเนตรต้องเอาเงินทั้งหมดมารักษามารดา เมื่อเงินเริ่มไม่มีอดีตคุณหนูตกสวรรค์ก็ต้องหางานทำ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้เธอหางานทำได้ยากมาก แม้จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐอันดับหนึ่งของประเทศก็ใช่ว่าจะมีบริษัทไหนอ้าแขนรับ เธอลองติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในกลุ่มที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลยามที่ยังร่ำรวย กลับพบว่าทุกคนล้วนไม่จริงใจไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมกับคนไม่มีเงิน บางคนถึงกับบล็อกเบอร์โทรศัพท์ หญิงสาวรู้สึกมืดแปดด้านพลันน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ นอนร้องไห้อยู่ในห้องแคบ ๆ หลายชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นปาดน้ำตา แล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล “เซลีน” เอวารินเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ทั้งที่ข้างในกำลังยิ้มสะใจกับความหม่นหมองของขจีเนตรที่แสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา บัดนี้ไม่มีอีกแล้วยายคุณหนูอวดดีที่ชอบมองคนอื่นต่ำต้อยด้วยสายตาดูถูกดูแคลน “เอวา เธอมาทำอะไรที่นี่” ขจีเนตรเงยหน้ามองเอวารินที่กำลังยิ้มหวาน ในมือถือกระเช้าผลไม้เพื่อเยี่ยมคนไข้ นับตั้งแต่แม่ป่วยยังไม่มีใครมาเยี่ยมเลยสักคน แต่ไม่มาก็ดีเพราะเธอขี้เกียจต้อนรับแขก “เอวามาเยี่ยมคุณป้า” หากแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของเอวารินคือมาดูความย่อยยับล้มไม่เป็นท่าของขจีเนตรมากกว่า เธอได้ข่าวว่าเพื่อน(ชัง)คนนี้เที่ยวหางานทำแต่ยังไม่มีที่ไหนรับ ก็เนอะสมัยนี้งานหาง่ายเสียที่ไหนถ้าไม่มีเส้นสายก็ลำบากหน่อย “เข้าไปคุยในห้องเถอะ” ขจีเนตรไม่อยากให้บทสนทนาของตนเองไปรบกวนคนป่วยห้องอื่นจึงชวนเอวารินเข้าไปคุยในห้องที่มารดากำลังรักษาตัว ตั้งแต่ล้มป่วยจนถึงวันนี้ท่านก็ยังไม่ฟื้นเลย หมอไม่สามารถบอกได้ว่าคุณสายสมรจะตื่นขึ้นมาตอนไหนต้องดูอาการวันต่อวัน “คุณป้ายังไม่รู้สึกตัวเหรอ” เอวารินวางของไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนของคุณสายสมรที่มีแต่สายระโยงระยาง เธอแอบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนป่วยแล้วส่งให้มารดาที่เกลียดคุณสายสมรไม่ต่างกันดู สองคนนี้เป็นญาติทางแม่ หากลำดับญาติกันจริงค่อนข้างจะซับซ้อน ผู้ใหญ่จึงบอกว่าเป็นญาติห่าง ๆ “อืม อาการยังทรงแต่ก็ดีกว่าเก่า” ลูกสาวมองมารดาน้ำตาคลอ เธอเสียพ่อไปแล้วหนึ่งคน ไม่อยากเสียแม่ไปอีก หากแม่จากไปเธอจะอยู่อย่างไร ถึงจะมีนิสัยร้ายกาจกับคนอื่นแต่กับพ่อแม่เธอเป็นลูกที่น่ารักเสมอ “เอวาเสียใจด้วยนะที่ช่วยอะไรเซลีนไม่ได้เลย” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตอแหล ช่วยเหรอต่อให้มีปัญญาตนเองก็ไม่ช่วยหรอก นับวันรอเห็นขจีเนตรล้มมากี่ปี เรื่องอะไรที่จะไม่ซ้ำเติม “ขอบใจที่มาเยี่ยม เธอได้งานทำแล้วใช่ไหม” “ใช่ บริษัทใหญ่แถวสุขุมวิท สัมภาษณ์เสร็จเขาก็รับเลย” “ดีจัง ไม่เหมือนฉัน ไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับ” “เซลีนสนใจอยากทำงานเหรอ” เธอเลิกคิ้วถามเริ่มมองเห็นหนทางเอาคืนยายคุณหนูจองหอง แผนการชั่วร้ายเริ่มผุดขึ้นมาในหัว อยากทำงานก็ดีนะสิเดี๋ยวเธอจะช่วยสงเคราะห์เอง “สนใจสิ ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน ถ้าไม่ทำงานจะเอาอะไรกิน” “เหมือนเพื่อนของเอวากำลังอยากหาคนทำงานอยู่นะ” “จริงเหรอ งานอะไร ฉันทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ได้เงิน” “เดี๋ยวถามเพื่อนก่อนนะ แล้วจะส่งข่าวมาบอก” เอวารินแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจก่อนจะขอตัวกลับหลังจากนั่งฟังเรื่องราวชีวิตของขจีเนตร ในช่วงที่กลายเป็นนางร้ายปีกหัก บอกได้คำเดียวโคตรสะใจ แต่เท่านี้มันยังไม่พอ คนอย่างคุณหนู ขจีเนตรต้องโดนสั่งสอนมากกว่านี้ หญิงสาวเดินมาตามทางพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย ไม่คิดว่าสวรรค์จะลงโทษยายคุณหนูนิสัยเอาแต่ใจได้รวดเร็วยิ่งกว่าจรวด ในเมื่อขจีเนตรเดือดร้อนเธอในฐานะเพื่อน(ชัง)ขอทำหน้าที่หางานให้เอง รับรองขจีเนตรต้องจดจำไปจนวันตาย หลังจากเข้ามานั่งบนรถเรียบร้อยเอวารินก็ไม่รอช้าต่อสายหาเพื่อนอีกคนหนึ่งทันที ซึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบขจีเนตรเหมือนกัน คุยไปคุยมาทางนั้นก็ตอบตกลงจะหางานให้ยายคุณหนูจองหองทำ งานที่ได้เงินดีจะมีสักกี่งานกันเชียว ทั้งสองคนวางสายได้ไม่เกินห้านาที ทางโน้นก็ส่งข้อมูลเข้ามาให้เอวารินทางแชต คนหน้าซื่อใจคดยิ้มพอใจก่อนจะกดโทรศัพท์หาขจีเนตร “ฮัลโหลเซลีน เอวามีเรื่องงานมาอัปเดต” “เร็วจัง แล้วงานอะไร เงินดีไหม” “ดีสิ ดีมากด้วย เพื่อนของเอวากำลังหาคนเป็นเด็กนั่งดริงก์” “เด็กนั่งดริงก์! เธอจะบ้าเหรอเอวา ฉันไม่ทำงานแบบนั้นหรอก เสียศักดิ์ศรี” “แต่ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นะเซลีน อย่าลืมสิคุณป้าต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เซลีนจะเอาเงินที่ไหนมารักษา ไหนจะค่าใช้จ่ายอีก อ้อ แค่เด็กนั่งดริงก์เองไม่ได้ขายตัวซะหน่อย แต่เอวาว่านะต่อให้ต้องขายตัวจริงเซลีนก็ควรทำเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เซลีนมีเงิน” “แต่ฉัน ฉัน ฉันขอคิดดูก่อน” เกิดความลังเลในใจของขจีเนตร เอวารินพูดถูกตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการรักษามารดา แต่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์จะไปทำเรื่องพวกนั้นได้เหรอ อีกอย่างเธออยากมีครั้งแรกกับผู้ชายที่มีสถานะแฟนไม่ใช่ผู้ซื้อเรือนร่าง เอวารินจึงเป่าหูต่อเพื่อให้ขจีเนตรตอบตกลง ดูจากน้ำเสียงเธอคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ขจีเนตรจะไม่ปฏิเสธ ตีเหล็กต้องตีช่วงที่มันร้อน แววตาของเอวารินแข็งกร้าวด้วยความชิงชัง ตราบใดที่ยังไม่เห็นยายคุณหนูตกอับชีวิตพังพินาศ เธอจะไม่หยุดเด็ดขาดให้สาสมกับตลอดเวลาที่ผ่านมา “อย่าคิดนานสิเซลีน เพราะคนอยากทำงานนี้เยอะมากกอไก่ ล้านตัวเลย เซลีนได้เปรียบกว่าคนอื่นเพราะหน้าตาดี แค่ไปนั่งเอาอกเอาใจลูกค้าผู้ชายเอง แป๊บเดียวก็มีเงิน เผลอ ๆ เซลีนอาจจะกลับมาเป็นคนรวยเหมือนเดิมก็ได้” “งั้นเธอส่งรายละเอียดมาให้ทางไลน์หน่อย ฉันอยากรู้รายละเอียดก่อน” “ได้สิ เอวาเป็นกำลังใจให้เซลีนเสมอ ตอนนี้มีงานอะไรเข้ามาก็ทำไปเถอะ” “ขอบใจนะเอวา ขอบใจเธอมากที่ไม่ทิ้งฉัน” ขจีเนตรซาบซึ้งในน้ำใจของเอวารินจากก้นบึ้งของหัวใจถึงกับน้ำตาซึม ในขณะที่เอวารินกำลังยิ้มสะใจ ยายคุณหนูตกอับหลอกง่ายเหลือเกิน นอกจากเธอจะไม่ทิ้งขจีเนตรแล้วยังจะส่งเพื่อน(ชัง)คนนี้ลงนรกด้วยน้ำมือของตัวเธอเอง เด็กนั่งดริงก์มันก็แค่ฉากบังหน้าแต่เบื้องหลังโสมมกว่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งค้ามนุษย์ดี ๆ นี่แหละ บางคนยินยอมและเต็มใจ แต่บางคนโดนหลอกทำให้ต้องติดอยู่ในวงอโคจรนี้ไปจนตาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม