บทที่ 7

1953 คำ
เพล้ง! เสียงแก้วไวน์กระทบกันพร้อมกับเจ้าของแก้วไวน์ยกขึ้นจิบดื่ม “ไวน์นี้เพื่อนของดารัณเอามาฝากค่ะ พี่เจตน์ชอบไหมคะ” เธอถามคนตัวโตตรงหน้า “ก็พอไหว” เขาพูดพร้อมกับมองน้ำสีอำพันในแก้วไวน์พร้อมแกว่งไปมา “พรุ่งนี้พี่เจตน์ว่างไหมคะ?” “ไม่ว่างครับ” เขาตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องใช้ความคิดและนั่นทำให้ดารัณเผลอชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขา แต่เจตน์ก็ทำเมินไม่สนใจ เขาชอบผู้หญิงสวยๆ ก็จริง แต่กับดารัณไม่รู้ทำไมเวลาอยู่ด้วยถึงทำให้เขารู้สึกอึดอัด “พี่เจตน์ไม่เคยมีเวลาว่างให้ดารัณสักครั้งเลย ครั้งที่แล้วก็ไม่ว่าง ครั้งนี้ก็อีกแล้ว ดารัณน้อยใจแล้วนะคะ เหมือนว่าพี่เจตน์ไม่อยากคุยกับดารัณเลยค่ะ” “ดารัณก็รู้ตัวนี่ว่าพี่ไม่อยากคุยด้วย” เขาตอบกลับโดยไม่คิดรักษาน้ำใจของหญิงสาว “พะ...พี่เจตน์พูดเล่นใช่ไหมคะ” เธอขำแห้ง “พี่ไม่เคยพูดเล่น พี่ขอตัวนะ เนี่ยก็ดึกแล้ว ถ้าดารัณยังไม่อยากกลับก็กลับเข้าไปคุยกับคุณหญิงแม่และเจ้าสัวในบ้านเถอะ” แล้วเขาก็เดินจากไปทันทีพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ ดารัณกำแก้วไวน์ในมือแน่น อีกมือก็กำแน่นเข้าหากันด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่เม้มปากแน่นมองตามแผ่นหลังหนาที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ พร้อมพึมพำกับตัวเองว่า “ยังไงพี่เจตน์ก็ต้องเป็นของดารัณ” จากที่คุยโทรศัพท์วันนั้นจนผ่านมาเกือบอาทิตย์ เจ้าของคอนโดก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จนหทัยกานต์ที่อยู่ห้องเฉยๆ รู้สึกเบื่อกับชีวิตตอนนี้ เธออยากกลับบ้านไปหาน้องชายและพ่อ แต่ก็ไม่กล้ากลับไปตอนนี้ เพราะยังไงก็ต้องขออนุญาตเจตน์ก่อน “วันนี้เขาคงไม่มาเหมือนเดิมแหละหมิง” เธอพึมพำกับตัวเองเมื่อมองดูเวลาที่ผนังห้องเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เธอจึงลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวที่ใช้รับแขกของห้อง แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน ประตูห้องก็ถูกเปิดผลักเข้ามาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้อง แม้จะเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่เธอก็จำได้ดีไม่ลืมว่าเขาสง่างามแค่ไหน “คุณเจตน์” เธอเรียกเจ้าของห้องไม่ขยับตัวไปไหน “หิวจัง มีอะไรให้ฉันกินไหม” เจตน์เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ถามเธอพร้อมกับเดินมาถอดเสื้อสูทวางพาดไว้ที่พนักโซฟาแล้วเดินไปยังตู้เย็นเปิดแล้วก็หยิบขวดน้ำออกมาเปิดดื่มจนหมดขวดแล้วทิ้งขวดในถังขยะเหมือนที่เคยทำ “คือฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา เลยไม่ได้ทำอะไรเผื่อค่ะ” เธอบอกเขา “แล้วทำให้ฉันกินไม่ได้รึไง” เขาถามกลับเสียงดังจนเธอตกใจตอบกลับเสียงสั่น “ดะ...ได้ค่ะ” “ก็มาทำ ฉันหิว อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมด” เขาบอกเธอแล้วเดินไปยังห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว ส่วนหทัยกานต์ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดแนบสนิทก็รีบเดินไปยังครัวขนาดเล็กเพื่อทำมื้อเย็นให้ชายหนุ่มทันที เมื่อเขาบอกว่าอะไรก็ได้ เธอจึงเลือกจะต้มบะหมี่ให้เขา แต่ก็ใส่ผัก เนื้อ ไข่ ที่มีติดตู้เย็นไปด้วย เวลาผ่านไปไม่นานเจตน์ก็เดินใส่กางเกงนอนขาสั้นตัวบางออกมาจากห้องนอน ส่วนคนที่เพิ่งต้มบะหมี่ทรงเครื่องเสร็จพอมองเห็นแผงอกกำยำของบุรุษแปลกหน้า ใช่...จะว่าแปลกหน้าก็ใช่ เพราะเธอและเขาไม่ได้สนิทกัน หทัยกานต์ก้มมองชามบะหมี่ทรงเครื่องของตัวเอง ไม่กล้ามองคนที่เดินตรงมาหา “เสร็จแล้วเหรอ หอมเชียว” เขาเดินมายื่นหน้าส่องชามบะหมี่ทรงเครื่องตรงหน้าหญิงสาว “คะ...ค่ะ เสร็จแล้ว คุณเจตน์ทานเลยไหมคะ” เธอถามเขาทั้งๆ ที่ยังก้มหน้ามองชามบะหมี่อยู่ “ทานสิ หิวจะตายอยู่แล้ว” แล้วเขาก็ดึงลากเก้าอี้มานั่งแล้วยกชามบะหมี่มาวางตรงหน้าตัวเองแล้วก็เริ่มลงมือทานมื้อเย็นทันที พอประชุมเสร็จเขาก็ตรงดิ่งกลับมาคอนโดเลย หลายวันเขาติดงานสำคัญนอนค้างที่บริษัท “คุณเจตน์กินอิ่มแล้วเรียกฉันนะคะ เดี๋ยวจะมาเก็บค่ะ” เธอบอกเขาแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะกลางโซฟาแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน ส่วนเจตน์ก็มองชามบะหมี่ที่ตัวเองกำลังทานตรงหน้า เขาเพิ่งจะเคยกินบะหมี่ที่อร่อยก็วันนี้แหละ หลังจากทานอิ่ม เขาก็แปรงฟัน บ้วนปากเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นหทัยกานต์กำลังปูผ้าห่มที่พื้นข้างเตียงนอนของตนเองก็พอจะรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร “จะนอนใต้เตียง?” “ค่ะ” “เดี๋ยวนะ นอนใต้เตียง เธอโง่รึเปล่าหมิง ฉันจ้างเธอมาทำงาน เธอไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่หมิง” เขากระชากดึงผ้าห่มในมือเธอโยนทิ้งแล้วก็ผลักเธอล้มลงไปบนเตียงอย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กตั้งตัวไม่ทัน ตุ้บ! เสียงแผ่นหลังเล็กกระแทกกับเตียงนอนนุ่มพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของบุรุษเคลื่อนไหวรวดเร็วมาคร่อมทับกักร่างเธอไว้กับเตียงไม่ให้ขยับหนีจากเตียง “คะ...คุณเจตน์ คะ...คือฉันยังไม่พร้อม” “แล้วฉันต้องสนใจด้วยเหรอ หน้าที่ของเธอคือตอบสนองฉันไม่ใช่ฉันต้องรอให้เธอพร้อมถึงจะมี ‘เซ็กซ์’ กันได้เข้าใจไหม หลายวันที่อยู่ที่นี่ฉันคิดว่าเธอคงจะปรับตัวและยอมรับได้แล้วนะว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม” คนเผด็จการเอ่ยสวนกลับไป หลายวันมานี้เธอไม่รู้หรอกว่าเขาทรมานมากแค่ไหน และไม่รู้หรอกว่าเขาเฝ้าคอยวันที่จะได้แนบอิงชิดใกล้หล่อน และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นกายของเธอช่างยั่วยวนเหลือเกิน มันหอมอ่อนๆ ต่างจากผู้หญิงที่เคยสัมผัส มันทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก “งั้นก็เชิญคุณเจตน์ตามสบายค่ะ” “ดี! ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ทำงานเร็วเท่าไหร่ เงินรักษาน้องชายกับเงินใช้หนี้ของพ่อเธอจะได้เร็วขึ้นเท่านั้นว่าไหม” มือสากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนพร้อมกับก้มใบหน้าเข้าไปชิดแก้มนวลเนียนจนปลายจมูกสัมผัสกับแก้มนุ่มนิ่ม “ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะพร้อมใจไปกับฉันไหม ฉันรู้แต่ว่าฉัน ‘ต้องการ’ เธอตอนนี้หมิง” พูดจบเขาก็เริ่มซุกไซ้ปลายจมูกโด่งคมสันไปกับแก้มนุ่มนิ่มเคลื่อนไล้มายังลำคอระหง หทัยกานต์ก็ได้แต่กำสองมือแน่นเกร็งข้างลำตัวนิ่งไม่กล้าขยับไหวติงทั้งๆ ที่ตอนนี้รู้สึกขยะแขยงสัมผัสวาบหวามของบุรุษที่คร่อมทับตัวเองเหนือร่าง แต่ในความขยะแขยงก็ยังมีความรู้สึกปั่นป่วนก่อตัวขึ้นในท้องน้อยจนต้องเผลอร้องครางกระเส่าออกมา “อะ...อื้อ” เสียงร้องครางหลุดจากปากอวบอิ่มจนเขาผละหน้าที่ซุกไซ้ซอกคอระหงหอมกรุ่นมาทาบทับกลืนกินเสียงครางของสาวน้อย หทัยกานต์ไร้เดียงสาเหลือเกิน เจตน์รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ มือหนาทั้งสองข้างเคลื่อนมาสอดประสานมือน้อยที่กำเกร็งแน่นให้ผ่อนคลาย “อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง แม้ว่าสาวน้อยจะไร้เดียงสาเพิ่งจะเคยมีจูบแรก แต่เขาก็รู้ว่าเธอฉลาดหัวไว เขาจะสอนให้เธอเก่งและช่ำชองไปพร้อมกับเขา “อ่า...อื้อ” เสียงครางยังคงเล็ดลอดออกจากปากของทั้งคู่ แม้สาวเจ้าจะเงอะงะไม่เป็นงาน แต่เขาก็ชอบความไร้เดียงสาที่เธอตอบสนองกลับมา มือใหญ่ลูบไล้เรือนร่างของเธอผ่านเสื้อผ้า แล้วก็ใช้ความชำนาญช่ำชองของตัวเองจัดการกับเสื้อผ้าของหทัยกานต์ออก เพียงเวลาไม่นานสาวเจ้าก็เปลือยบิดส่ายอยู่ใต้ร่าง “สวยมากหมิง” เจตน์ผละปากหนาออกมาเอ่ยชมคนใต้ร่างที่ตัวเองเปลื้องผ้าเสร็จ “คะ...คุณเจตน์...” “ฉันเจตน์ และอีกไม่นานก็จะเป็น ‘ผัว’ เธอ” มือหนาสากกร้านลูบกรีดนิ้วผ่านร่องอกอวบอูมของสาวน้อยไร้เดียงสาที่นอนบิดครางกระเส่าเสียว เขารู้ดีว่าตอนนี้หทัยกานต์รู้สึกอย่างไร หล่อนกำลังปรารถนาในกายของเขาเช่นกัน ปากอวบอิ่มที่ถูกบดจูบจนบวมเจ่อกำลังสั่นซ่านพร้อมเสียงลมหายใจหอบเหนื่อย “ถึงเธอจะไม่เต็มใจ เธอก็ต้องทน เธอเป็นของฉันตั้งแต่วันที่เธอเดินตามฉันออกมาที่หน้าผับแล้ว” น้ำเสียงทุ้มพร่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากสีเข้มจากการดูดบุหรี่สะสมมานานแล้วก็ก้มหน้าลงจูบเนินอกอวบอูมขนาดพอดีมือ สองมือใหญ่ก็รวบมือน้อยทั้งสองรั้งไว้เหนือหัวแล้วเริ่มซุกไซ้ปลายจมูกโด่งไปกับเนินอกอวบไซ้เลื้อยขึ้นมายังซอกคอระหง “อะ...อื้อ คะ...คุณเจตน์...” แม้จะขยะแขยงสัมผัสของคนเหนือร่าง แต่ก็ปฏิเสธและผลักไสไม่ได้ เมื่อตัวเองเดินเข้ามาในเกมนี้เอง เธอมองเจตน์ที่กำลังลากลิ้นสากผ่านร่องอกของเธอลงไปยังหน้าท้องแบนราบ และนั่นทำให้เธอหายใจติดขัดและเขินคนตัวโต “อ่า...สวยมากหมิง เธอทำให้ฉันอยากได้จนไม่เป็นอันทำการทำงาน” เขาจรดริมฝีปากหนากับหน้าท้องแบนราบที่กำลังยุบขึ้นยุบลงตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่าง ร่างน้อยของหทัยกานต์สวยงามน่าสัมผัสคลอเคลีย ตอนนี้ยิ่งมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นยิ่งเซ็กซี่น่าค้นหา “แต่คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า อะ...อื้อ” เธอบอกเขาตามที่คิดแล้วก็ต้องสะดุ้งยกเอวเล็กขึ้นหาใบหน้าหล่อร้ายของบุรุษที่ก้มกัดเม้มหน้าท้องของตัวเองจนรู้สึกสยิวลำไส้ “ฉันไม่ได้บังคับให้เธอทำสักหน่อย ฉันก็แค่ยื่นข้อเสนอ เธอตอบรับของเธอเอง” แล้วเจตน์ก็ลากลิ้นสากผ่านหน้าท้องแบนราบมาหยุดที่ความเป็นสาวอวบอูมที่เต็มไปด้วยเส้นไหมสีดำตามเนินโหนกนูนสำราญของหล่อน “ชะ...ใช่ ฉันขายศักดิ์ศรีของตัวเองเอง คุณไม่ผิด เป็นฉันเองที่เลือกทางนี้เอง อะ...อุ๊ย!” แล้วเธอก็สะดุ้งเกร็งร่างเมื่อปากหนากัดงับเส้นขนที่เนินสำราญของตัวเอง “ใช่ เป็นเธอเองที่เดินเข้ามา ฉันก็แค่ชี้ทาง” แล้วเจตน์ก็จูบที่เนินสำราญของสาวน้อย ก่อนจะเคลื่อนมาคร่อมทับเต็มตัวพร้อมกับจัดการกางเกงนอนตัวเองออกเพื่อจะได้แนบชิดบดเบียดกายแกร่งหลอมรวมกับหทัยกานต์ ตอนนี้แทบจะไม่อยากรอเวลาที่ภายในของเจ้าหล่อนตอดรัดคลึงสวาทตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม