คำว่า ‘รอเดี๋ยว’ ที่ดังมาตามสายซึ่งเลขาหนุ่มคุยแบบเปิดลำโพงเมื่อครู่ใหญ่ทำให้จอมพลเอนตัวราบไปกับโซฟาอีกครา แล้วหลับตาสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “นายหัวครับผมว่ามันไม่เดี๋ยวแล้วนะครับ นายหญิงคงไม่ลงมาแล้ว เราไปโรง’บาลกันเถอะครับ” คนเป็นลูกน้องเอ่ยอย่างร้อนรน และเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ปิยฉัตรยังไม่โผล่มา ส่วนคนเจ็บก็เหงื่อท่วมตัว หน้าซีด ปากสั่น แต่ไม่มีเสียงแห่งความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาสักแอะ “รอก่อน…” คำสั่งสั้นๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผาก ขณะที่เจ้าตัวเปิดเปลือกตาหนักอึ้งขึ้น แล้วทอดมองไปยังลิฟต์ ครั้นเห็นว่ายังไร้เงาหญิงสาวเขาก็กระแทกลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วหลับตาลงอีกครา “แต่ว่า…” “เขาบอกให้รอก็รอสิวะ หรือมึงมีปัญญาแบกกูไปโรง’บาลคนเดียว อย่าลืมนะว่ามึงเองก็เจ็บไม่น้อย แถมรถยังพังยับทั้งคันอีก” จอมพลเค้นเสียงลอดไรฟัน คราวนี้คนที่โดนไล่ยิงตั้งแ