ตอนที่ 4 ความลับ

1299 คำ
“ข่าวนี้คือฝีมือคนไหน?”เสียงแหลมปรี๊ดแสบแก้วหนูดังไปทั่วห้องโถงใหญ่บนตึกสูงเกือบ 90ชั้น สายตาเฉียวคมจับตามองใบหน้าเรียบนิ่งของทั้ง 4 บุรุษที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ นายหญิงของตระกูลใหญ่ถึงกับควันออกหู เพราะข่าวใหญ่ที่ออกเมื่อตอนเช้านี้มีกลิ่นตุๆ ว่าต้องเกี่ยวกับใครสักคนหนึ่งในห้องนี้แน่นอน “จะบอกฉันไหม!”เธอกดเสียงต่ำเมื่อเห็นมีใครสักคนจะสนใจคำพูดเธอเลย “จะโวยวายทำไม ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว”ใบหน้าที่ยังไม่ต่างจากเดิมเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีทำให้ประธานอาวุโสอย่างเขายังดูดีไม่มีเปลี่ยน ขนาดอายุเลขสี่จะเข้าเลขห้าสาวใหญ่ยังใฝ่ฝันถึงประธานอย่างเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน จนภรรยาอย่าง วาน่า บาร์สิน็อคส์ ได้แต่เบ้ปากให้ความเนื้อหอมของสามี “คุณก็ให้ท้ายลูกตลอด” “มันคือธุรกิจ/มันคือธุรกิจ”ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบอกมาจากคนเป็นพ่อ หันไปมองบิดาพร้อมเพียงกันก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ออกไป แฝดทั้งสองสบตากันชั่วครู่ ก่อนจะหันไปทำงานต่ออย่างไม่ใส่ใจคนที่กำลังบ่นอยู่ คนเป็นมารดาได้แต่พยักหน้าให้ลูกชายและสามีอย่างคนพูดอะไรไม่ออก สับเปลี่ยนทองคำ 1000 ตัน นี้มันคือเรื่องเล็กๆสินะ ไม่คิดรึไงว่าถ้าตำรวจจับได้จะเป็นยังไง นายใหญ่ของตระกูลเงยหน้ามองภรรยาของตัวเองก่อนจะก้มลงไปเซ็นเอกสารต่ออย่างไม่คิดอะไร “ได้ ถ้าพลาดมาฉันคนหนึ่งล่ะจะไม่ไปเยี่ยมพวกแกในคุก”นายหญิงของตระกูลพูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปยังห้องครัว เพื่อเตรียมวัตถุดิบไว้ให้คนเป็นสามีมาทำทำอาหารตอนเย็น “เจ้าสัวครับ ทองคำพวกนั้นเราจะเอาไปไว้ไหนดี” ดวงตาสีฟ้าหม่นทรงเสน่ห์เงยหน้ามองคนเป็นบิดาก่อนจะขอความเห็นเป็นนัยๆ ปกติมารดาของพวกเขาจะไม่มาพูดเรื่องธุรกิจ แต่ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาและดังเปลี้ยงปล้าง ทำให้พวกเขาต้องหาที่เก็บไม่ให้ใครรู้ “ตอนนี้ตำรวจคงกำลังจับตามองผมอยู่ คงจะส่งให้ทางนั้นไม่ได้” “อืม ให้ น้องแกเอาไปเก็บไว้ที่ท้ายเกาะก่อน”รัสเตรพยักหน้าให้กับคำพูดของลูกชาย ตอนนี้ตำรวจคงได้ข้อมูลบางอย่างไปแล้ว และอาจส่งคนมาสอดแนมลับๆ ฉะนั้นคงต้องกันไว้ก่อนจะได้ไม่พลาด “ทำไมต้องเป็นผม”คนที่นั่งอยู่โซฟาอีกฝั่งถอดแว่นตาออกก่อนจะเงยหน้ามองคนเป็นพี่ชายแล้วหันไปมองบิดา ดวงตาคมนัยย์ตาสีน้ำตาลอมดำทำให้ตาเขามีเสน่ห์ในลุคแบบแบดๆ บวกกับหน้าตาที่เฟอร์เฟ็ก ขนคิ้วดกดำ จมูกเป็นสัน บวกกับความขาวที่ได้บิดามาทำให้คนผู้น้องไม่ได้สมบูรณ์แบบน้อยกว่าคนเป็นพี่เลย ถ้าจะแตกต่างก็คงเป็นนิสัย เพราะนิสัยของคนเป็นน้องนั้นแบดตามลุคของเขานั้นเอง หลี่ เรดิเอก้า บาร์สิน็อคส์ นายน้อยคนที่สองของตระกูลที่มาพร้อมพรสวรรค์ในเรื่องวงการบันเทิง เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบุคคลในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น นางแบบ นายแบบ ดารา เซเลบีตี้ และต่างๆที่อยู่ในแวดวงนี้ เขานั้นรู้จักเกือบทั้งหมด คงเป็นพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่งของเขา ที่ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้ “แกเหมาะสมที่สุด”คนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นเป็นการตัดบทการสนทนาเรื่องนี้ ทำให้เอก้าไม่กล้าเถียงขึ้นอีก “งั้นผมขอตัว จะไปคัดเลือกพรีเซนเตอร์ของจิวเวอรี่ในล็อตใหม่”เอก้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะค้อมหัวให้ผู้เป็นบิดา และหันไปค้อมหัวให้คนสนิทของบิดานั้นก็คือ อัลล์ ที่นั่งทำงานอยู่ ขาเรียวแกร่งก้าวเดินออกไปพร้อมคนสนิททันที รัสเตรถอนหายใจเบาๆก่อนจะเงยหน้ามองบุตรชายคนโตที่นั่งอ่านเอกสารสำคัญอยู่ด้วยท่าทีมั่นคง เขาว่าเขาประสบความสำเร็จแต่เด็กแล้วแต่พอมาเจอรุ่นนี้เด็กรุ่นนี้กลับประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยกว่าเขาเสียอีก “เรื่องงานวันพรุ่งนี้เรียบร้อยดีใช่ไหม” “เรียบร้อยดีครับ สงสารก็แต่คุณน้าพอวนมาถึงวันนี้ทุกปีก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ”เสียงทุ้มแสนเย็นชาเอ่ยตอบบิดาอย่างไม่ใส่ใจนักในงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ “อืม เป็นธรรมดาของคนที่เสียลูกสาวไป”รัสเตรตอบก่อนจะมองหน้าลูกชายคนโตอยู่สักพัก และก้มหน้าลงอ่านเอกสารของตัวเองในเวลาต่อมา ท่าทางเย็นชานั้น ทำให้ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้ามาตอแยเรดิเลย เพราะเจ้าตัวสามารถไล่ตะเพิดผู้หญิงพวกนั้นออกไปได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เห็นหน้า ผู้หญิงพวกนั้นจะกลัวเรดินั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เขาได้บอกตัวเองทุกวันว่าลูกนั้นก็เหมือนเขาตอนหนุ่มๆ จะมีคู่ครองไหมนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต คงไม่ต้องเก็บมาคิดให้ปวดตั้งแต่ตอนนี้หรอก “ครับ” ปีสาจท่าเรือขานรับบิดาเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจเอกสารสำคัญในมือต่อ “เรื่องนายหญิงคนต่อไป” “รุ่นผมคงไม่มี ขอโทษด้วยนะครับ”ยังไม่รอให้พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนค้อมศีรษะให้บิดา แล้วหันไปค้อมหัวให้คนที่นั่งทำงานข้างบิดาก่อนจะขอตัวออกไปทำงานต่อ “ผมไปเช็คสินค้าล็อตใหม่ที่ท่าเรือก่อนนะครับ” “อืม ไปเถอะ อย่าลืมกลับมาทานข้าวบอกน้องแกด้วย” ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวออกไปทันที บอดี้การ์ดที่ยืนทำหน้าที่อยู่ต่างไม่มีใครกล้าสบตานายน้อยคนโตเลยสักนิด เพราะความนิ่งและสายตาสีฟ้าแสนจะเย็นชานั้นแค่ปรายตามองพวกเขาตอนเดินผ่านก็ขนลุกกันไปทั้งแถวแล้ว “คนอะไรน่ากลัวชะมัด”หนึ่งในบอดี้การ์ดที่พึ่งเห็นเจ้านายเดินผ่านไปลูบแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปสะกิดเพื่อนร่วมงานที่ยังก้มหัวตัวสั่นอยู่ คงไม่รู้ว่าเรดิเดินผ่านไปตั้งนานแล้ว “ฉันดีใจแทนคู่หมั้นคนนั้นที่เสียชีวิตไปก่อนแต่ง ไม่งั้นคงไม่ต่างกับแต่งงานกับซาตานร้ายแน่นอน” “อืมๆ ฉันเห็นด้วย” เพื่อนร่วมทีมต่างพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะสะกิดกันให้ไปผลัดเวรเฝ้าดูแลความปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนของเจ้านายมาได้ยิน จะลำบากเอาได้ “คู่หมั้นเสียชีวิตงั้นหรอ หึ! พอจะมีข่าวใหญ่สะเทือนวงการภายในไหมนะ”หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ตรงนั้นยกนาฬิกาที่หน้าปัดเป็นกล้องบันทึกวีดีโอขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ความลับที่ตระกูลหลี่ และตระกูลบาร์สิน็อคส์ ช่วยกันปิดไว้สุดท้ายก็ปิดไม่อยู่เสียแล้ว ถ้าขายข่าวนี้ออกไปรับรองว่าเขาคงรวยไปอีกหลายชาติแน่นอน หมับ! ดวงตาเฉี่ยวเบิกกว้างมองแขนตัวเองที่โดนจับไว้แน่นสลับกับเจ้าของมือแกร่งที่จ้องมองตัวเองด้วยแววตาเรียบนิ่ง บอดี้การ์ดที่ปลอมตัวมาหาข่าวหน้าซีดเหมือนลมจะจับทันทีเมื่อรู้ว่าใครคือคนที่จับได้ ว่าตัวเองนั้นปลอมตัวเข้ามาบนตึกใหญ่แห่งนี้....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม