พริมามองรั้วไม้ระแนงสีขาวสูงร่วมสองเมตรตรงหน้า แล้วต้องลอบสงสัยในตัวเจ้าของบ้านว่าเหตุใดต้องสร้างรั้วจนสูงถึงเพียงนี้ เพราะนอกจากจะสูงและแล้วมองเข้าไปในบ้านก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่แทบทั้งสิ้น เรียกว่าปิดบังสายตาของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้หญิงสาวนึกถึงคำสนทนาระหว่างเขากับผู้เป็นเพื่อนขึ้นมา
ความสงสัยที่บังเกิดขึ้นมีคำตอบผุดขึ้นมาในทันที อ้อ...เจ้าตัวชอบสันโดษนี่เอง รั้วบ้านตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ทว่า...
เมื่อรถแล่นผ่านประตูรั้วเข้าไปเห็นตัวบ้านด้านใน ดวงตาของหญิงสาวก็ถึงกับเบิกโพลงก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ
“สวยจัง”
เพราะตัวบ้านสองชั้นแต่สร้างแบบเล่นระดับมีบริเวณค่อนข้างกว้างขวาง หลังคาเป็นทรงจั่ว ตรงชายคาที่เป็นลวดลายคลุมที่เห็นนั้นสวยราวกับบ้านตุ๊กตา จากสีชมพูอ่อนจางจนเกือบขาว ผนังที่เห็นตกแต่งด้วยลายไม้ทั้งหมด ตรงหน้าต่างประกอบด้วยเฉลียงเหล็กดัดเล็กๆ ทรงโค้งอ่อนช้อย มีไม้ดอกสีสันสดใสห้อยระย้าอยู่
คลาสสิกสุดๆ พริมานึกชมรสนิยมในการตกแต่งบ้านของชายหนุ่มอยู่ในใจ
“ตกลงจะนอนในรถหรือไง”
คำพูดห้วนๆ เจือรอยหงุดหงิดของเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลาแต่ชอบทำหงิกงอ ทำเอาคนกำลังชื่นชมความสวยของบ้านรีบก้าวลงจากรถ ไม่ลืมที่จะหยิบข้าวของของตัวเองออกมาจากเบาะหลัง เดินตามเจ้าของบ้านซึ่งถือของใช้ต่างๆ จนเต็มมือทั้งสองข้างเข้าไปภายในบ้าน
ผู้ชายคนนี้พกความหงุดหงิดสิงไว้อยู่ตรงปลายจมูกหรือไงนะ หน้าถึงได้บูดอยู่ตลอดเวลา พริมาบ่นคนหน้าหงิกอยู่ในใจ
ระหว่างยืนรอเจ้าของบ้านที่ถือสิ่งของต่างๆ เดินลับหายเข้าไปทางส่วนของหลังบ้าน ซึ่งหญิงสาวคิดว่าคงเป็นห้องครัว ก่อนจะกวาดตามองโน่นนี่ภายในตัวบ้านเป็นการฆ่าเวลา แล้วก็ต้องเลิกคิ้วเรียวขึ้นพลางนึกชมรสนิยมการตกแต่งบ้านของคนหน้าบูดอีกครั้ง เพราะมองแล้วคลาสสิกไม่แพ้มองจากด้านนอก
เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในบ้านส่วนใหญ่เป็นบิวท์อินลวดลายไม้สีน้ำตาลอ่อน และเพิ่มมิติให้กับตัวบ้านด้วยผ้าม่านสีน้ำตาลเข้ม ตรงมุมรับแขกมีชุดโซฟารูปตัวแอลสีเทา ที่มองดูด้วยตาก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มจนต้องเดินไปทรุดลงนั่ง
และที่สำคัญ...
หญิงสาวรับรู้และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ภายในบ้าน จนเธอรู้สึกตกใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาได้ แต่ความคิดดังกล่าวของพริมาก็ต้องสะดุดลงอีกครั้ง เมื่อร่างสูงของเจ้าของบ้านเดินเข้ามาตรงที่เธอนั่งอยู่
“คุณตามผมมา”
พริมาลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังชายหนุ่มขึ้นไปยังชั้นลอย ที่เมื่อกี้เธอเห็นเฉลียงเหล็กดัดตรงหน้าต่างจากห้องนี้
“คุณใช้ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวและนอนบนโซฟาเบดไปก่อนแล้วกัน ผมเอาไว้สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศเลยไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์อะไรนัก เดี๋ยวผมเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”
ห้องที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านให้หญิงสาวแปลกหน้าสำหรับใช้เป็นห้องนอนส่วนตัวนั้น เขาเอาไว้สำหรับเปลี่ยนสถานที่เวลาเขียนบท ดังนั้นจึงมีเพียงโต๊ะทำงานตัวย่อมกับโซฟาเบดเท่านั้น เพราะเขาไม่ชอบนั่งติดอยู่กับที่โต๊ะทำงานหลักในห้องทำงานเพียงอย่างเดียว ดังนั้นภายในบริเวณบ้านจึงสามารถทำงานได้ทุกที่
“ฉันนอนยังไงก็ได้ ถึงจะจำอะไรไม่ได้แต่คิดว่าตัวเองคงไม่ใช่คนเรื่องมากหรอกค่ะ”
“คิดอย่างนี้น่ะถูกต้องแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้”
หลังลับร่างของเจ้าของบ้านไปแล้ว พริมาก็กวาดตามองห้องขนาดไม่เล็กนัก ที่มีผ้าม่านลายดอกไม้สีหวาน และมีโต๊ะทำงานตัวยาวพร้อมเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ และโซฟาเบดสีม่วงตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
เปลี่ยนบรรยากาศหรือ?
ที่เขาพูดหมายความว่าไง!
หรือว่า...เขาเอาไว้ทำเรื่องอย่างว่า ก็คำว่าเปลี่ยนบรรยากาศจะมีความหมายอะไร นอกจากเรื่องพรรค์นั้นได้ล่ะ แถมตัวโซฟาเบดยังเป็นสีม่วงอีก ช่างเข้าเค้าอะไรเช่นนี้
คิดแล้วคนช่างมโนก็หัวเราะคิกคักออกมา แต่ในรอยหัวเราะนั้นก็บังเกิดความเสียดายบังเกิดขึ้นอย่างยิ่งยวด
ดวงตาคู่สวยของพริมาจ้องไปยังผ้าห่ม ลวดลายดอกไม้สีชมพูหวานผืนใหญ่ พร้อมด้วยหมอนที่มีปลอกลวดลายเดียวกัน ที่เจ้าของบ้านหน้าบูดนำมาวางบนโซฟาเบดให้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา
เฮ้อ...แม้แต่สีผ้าห่มกับหมอนก็ยังหวานซะ
มองแล้วก็ทำเอาเธออดนึกอายไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังใช้ของสีไม่หวานเท่านี้เลย หญิงสาวลองล้มตัวนอนบนโซฟาเบดแล้วก็ยิ้มถูกใจ เพราะนอกจากจะนอนสบายแล้วยังนุ่มอีกต่างหาก
หลังจากลองนอนจนพออกพอใจแล้ว จึงผุดลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ที่เธอต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราวสักพัก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นพักใหญ่หรือพักเล็ก ต่อจากนั้นค่อยหาหนทางว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เมื่อนึกถึงตรงนี้หญิงสาวก็อดด่าตัวเองไม่ได้ที่จู่ๆ ตัดสินใจมาอยู่บ้านใครก็ไม่รู้ แถมเป็นบ้านของผู้ชายที่อยู่ตัวคนเดียวอีกต่างหาก ถ้าปัทมนเพื่อนสนิทของเธอรู้เข้ามีหวังเธอคงถูกด่าจมหูแน่นอน
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบ้าหรือว่าอะไรดี เพราะแม้จะอยู่ในคราบของคนจำอะไรไม่ได้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย
ทว่าเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสได้เธอก็เบาใจลง เรื่องความปลอดภัยระหว่างหญิงกับชายนั้นน่าจะตัดออกไปได้เลย