ผู้ชายแท้อะไรจะหน้าเนียนใสปราศจากใฝฝ้าราคีเช่นนี้ได้
ผู้ชายแท้อะไรจะมีมือยาวเรียวแถมยังชอบกระดิกนิ้วอีกต่างหาก เพราะจำได้ว่าคนเป็นเกย์มักจะมีพฤติกรรมเช่นนี้
ผู้ชายแท้อะไรจะใส่ต่างหูข้างเดียว เธอได้ยินมาว่าพวกเกย์มักจะใส่ต่างหูข้างเดียว เพียงแต่จำไม่ได้ว่าข้างไหนเท่านั้น
และสุดท้ายเพื่อนของเขาเป็นหมอ เพราะตามที่รู้มาอาชีพหมอร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเกย์แทบทั้งสิ้น
นี่แหละ ที่จะทำให้เธออยู่อย่างรอดปลอดภัยได้
“ตกลงคุณนึกได้หรือยัง นิ่งเงียบแบบนี้แสดงว่าพอจะนึกออกแล้วใช่ไหม”
น้ำเสียงคาดคั้นของคนถามที่แฝงไว้ด้วยความหวัง ทำเอาพริมาต้องทำหน้านิ่ว ซึ่งไม่ใช่เป็นการแกล้งแต่ทำจริง
“ฉัน...นึกไม่ออกหรอกค่ะ”
คนรอฟังคำตอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างผิดหวัง โดยไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองแม้แต่น้อย ก่อนจะหันไปยังเพื่อนสนิท
“ไอ้หมอ เอ็งเป็นพยานให้ข้าด้วยว่า ที่ต้องเอาผู้หญิงคนนี้ไปอยู่ด้วยเพราะความจำเป็น”
คนเป็นเพื่อนที่จู่ๆ ต้องมาอยู่ในฐานะพยานหัวเราะอย่างขบขัน
“เออ...ข้าจะเป็นพยานให้ แต่ตอนนี้เอ็งควรพาคุณ...เอ้อ” คนพูดเกิดอาการอ้ำอึ้งเพียงชั่วครู่เพราะไม่รู้จะเรียกชื่ออะไรดี ก่อนจะยิ้มแล้วพูดต่อไป “คุณพริมไปซื้อเสื้อผ้า”
“คุณพริม? ”
คำอุทานและสีหน้าที่เจือไปด้วยคำถามของผู้เป็นเพื่อน นายแพทย์หนุ่มจึงเฉลยความนัยว่าทำไมถึงเรียกหญิงสาวปริศนาคนนี้ว่าพริม
“ข้าเห็นที่เสื้อไงเป็นคำภาษาอังกฤษพีอาร์ไอเอ็มก็เลยเรียกชื่อนี้ไปเลย”
เจ้าของชื่อที่ชื่ออย่างนั้นจริงๆ ก้มลงมองเสื้อยือแขนยาวสีขาวของตัวเอง ที่สกรีนเป็นภาษาอังกฤษคำว่าพริม ซึ่งเธอทำไว้หลายตัวตั้งแต่สมัยอยู่ต่างประเทศ นึกชมความช่างสังเกตของคนพูด
“อืม หัวเอ็งแหลมดีนี่หว่า” นรภัทรหันไปมองหญิงสาวที่ถูกตั้งชื่อจากเสื้อที่สวมใส่แวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเพื่อน “แล้วดึกป่านนี้จะให้ข้าพาไปซื้อเสื้อผ้าที่ไหนวะ”
“เอ็งมัวแต่ขุดรูอยู่ในบ้านเลยไม่รู้ว่า ตอนนี้มีห้างสรรพสินค้าที่เปิดตลอดทั้งคืนอยู่แถวรัชดา ที่นั่นเอ็งอยากได้อะไรรับรองมีครบทุกอย่าง”
คนแสร้งความจำเสื่อมที่นั่งเงี่ยหูฟังอยู่เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ขุดรูอยู่แต่ในบ้าน แสดงว่าตาคนหน้าดุยังกับเสือเนี่ยไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน
ในยุคสมัยนี้ยังมีคนเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้างหลงเหลืออยู่อีกหรือ
นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้อง ผู้ชายคนนี้คงเป็นพวกไม่กล้าเปิดเผยตัวเองอย่างแน่นอน
ห้างสรรพสินค้าใหญ่โตย่านถนนรัชดาที่ปรากฏอยู่ในสายตานั้น แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างดึกดื่น ซึ่งควรเป็นเวลาหลับนอนแต่กลับมีผู้คนเดินกันคลาคล่ำ ประหนึ่งเป็นเวลากลางวันก็ไม่ปาน พริมากวาดตามองด้วยความตื่นใจกับความทันสมัยที่เห็น เธอเห็นหญิงสาวสวยหลายคนในชุดแต่งกายค่อนข้างเปิดเผย รวมทั้งชายหนุ่มเพศที่สามที่ทั้งปิดบังซ่อนเร้นและเปิดเผยตัวเอง ซึ่งคงเป็นนักท่องราตรีทั้งหลาย ทั้งยังพากันหันมามองชายหนุ่มที่มากับเธอกันจนเหลียวหลัง
จะไม่ให้มองกันจนเหลียวหลังได้อย่างไร หญิงสาวนึกอย่างขบขัน
หน้าตาของพ่อเจ้าประคุณ แม้จะทำหน้าราวกับจะงับหัวคนอยู่ทุกขณะจิต แต่ยังหล่อเหลาชวนมอง กระทั่งเธอยังอดมองไม่ได้ ผู้หญิงสมัยนี้คงชอบผู้ชายลักษณะแบบนี้กระมัง หญิงสาวชำเลืองมองร่างสูงเพรียวของอีกฝ่ายที่ซ่อนกายอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีซีด มีรอยขาดลุ่ยที่เข่ากับปลายขา แต่มองดูเนื้อผ้าก็รู้ว่าเป็นของดีมียี่ห้อ ส่วนเสื้อยืดสีขาวแขนยาวคอปกที่สวมก็เป็นยี่ห้อดังเช่นเดียวกัน
แล้วเธอก็รู้ว่าสิ่งดึงดูดสายตาให้ใครต่อใครพากันหันมามอง คงเป็นเสื้อยืดที่ปลดกระดุมเปิดอกโชว์หราน่าซบนั่นเอง...
ช่างไม่รู้ตัวบ้างหรือไงว่าขนหน้าอกของตัวเองน่ะ เป็นจุดที่สร้างต่อมหื่นให้เกิดกับใครหลายคน โดยเฉพาะพวกที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน ผู้หญิงแท้ๆ อย่างเธอเห็นแล้วยังเกิดอาการอยากเอาหน้าลงไปซบเลย
พลันความคิดของพริมาก็สะดุดกึกลงทันที จากน้ำเสียงห้วนๆ เจือแววหงุดหงิด อย่างไม่ปิดบังของคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“รีบๆ เดินเข้าสิ มัวแต่มองโน่นนี่อยู่นั่นแหละ มาจากบ้านนอกหรือไงนะ”
“บ้านนอก” หญิงสาวทวนคำพูดอย่างงงๆ เพราะคิดตามไม่ทัน
“ก็เห็นมองโน่นนี่ยังกับไม่เคยเห็น หรือว่าก่อนจะจำอะไรไม่ได้คุณมาจากบ้านนอก?”
พริมาพยักหน้าตามน้ำกับคำพูดติดประชดของอีกฝ่าย ให้นึกขำอยู่ในใจจากเมืองนอกกลายเป็นบ้านนอกก็ดีเหมือนกัน
“ไม่ทราบค่ะ”
หัวคิ้วเรียวเข้มสวยของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน จนหญิงสาวนึกอยากจะเอื้อมมือไปคลายให้ แต่ถ้าขืนทำอย่างนั้นนอกจากจะถูกงับหัวแล้ว อาจถูกเคี้ยวกร้วมๆ ตามเลยก็เป็นได้
“เอาละ ตอนนี้คุณเดินตามผมมาดีๆ แล้วกัน ถ้ามัวแต่มองโน่นนี่เหมือนเมื่อกี้เกิดพลัดหลงขึ้นมา ก็ช่วยไม่ได้นะผมไม่ตามหาแน่นอน”
พูดจบคนหน้านิ่วคิ้วขมวดก็เดินนำหน้าไปยังบันไดเลื่อนทันที ทำเอาหญิงสาวต้องรีบก้าวตามพลางส่งค้อนให้ ที่เขาพูดว่าถ้าเกิดพลัดหลงนั่น ด้วยภายในใจคงนึกสาปแช่งให้เธอหลงขึ้นมาจริงๆ ล่ะสิ เขาจะได้ไม่ต้องพาเธอกลับไปด้วย
ไม่ใจดำไปหน่อยหรือ!
แต่คงต้องผิดหวังล่ะค่ะ..
เพราะตอนนี้เธอจะทำตัวเป็นปลิงหรือไม่ก็เหาฉลามเกาะติดเขาไม่ปล่อยเชียวล่ะ
แผนกแรกที่ชายหนุ่มพาไปซื้อของคือแผนกชุดชั้นใน ซึ่งเจ้าตัวเดินนำหน้าเข้าไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะขัดเขินหรือเก้อกระดากแต่อย่างใด ซึ่งปกติผู้ชายทั่วไปมักจะไม่ค่อยย่างกรายเข้าแผนกนี้นัก
ยิ่งทำให้พริมายิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นเกย์ควีน ก็ผิวหน้าของเขาขาวเนียนเด้งขนาดที่ว่าแม้แต่เธอยังอายเลยนี่นา
ปากก็แดงน่าจับมาโน้มคอจูบชะมัด
“เอ้า...มัวแต่ยืนคิดอะไรอยู่” นรภัทรพูดน้ำเสียงติดห้วน เมื่อเห็นคนที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเองยังยืนนิ่งอยู่ ชายหนุ่มเหลียวมองไปยังชุดชั้นในต่างๆ ที่แขวนเรียงรายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็เอ่ยถามออกมาโดยไม่มีอาการกระดากปากเลยสักนิดว่า “แล้วคุณจะรู้หรือว่าตัวเองเคยสวมชุดชั้นในไซส์อะไร”
คนกระดากกลายเป็นพริมาที่ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
และก็เพราะจากคำพูดของเขานี่แหละ ทำให้หญิงสาวที่ตอนแรกกำลังจะก้าวเดินไปยังชุดชั้นในที่หมายตาชะงักงัน นึกได้ว่าตัวเองกำลังสวมบทบาทคนจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเองก็ย่อมจะจำไม่ได้ด้วยเช่นกัน
เกือบไปแล้วไหมล่ะ!
ตอนนี้จะทำยังไงได้นอกจากตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จไปก่อน
“ที่ฉัน...ยืนนิ่งๆ ก็เผื่อจะนึกอะไรได้บ้าง แต่ก็นึกไม่ออก...”
สีหน้าและท่าทางจ๋อยๆ ของหญิงสาว นรภัทรมองแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปทางพนักงานขาย
“รบกวนคุณช่วยเลือกชุดชั้นในให้เพื่อนผมหน่อย”
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวรับคำพลางชำเลืองมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ด้วยสีหน้าและท่าทางเขินอายจนเห็นได้ชัด แล้วจึงหันไปทางหญิงสาว “เชิญทางนี้เลยค่ะ”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปนอกจากจะได้เสื้อผ้าจำนวนหลายชุดแล้ว พริมายังได้สมาร์ตโฟนเพิ่มมาอีกหนึ่งเครื่องด้วย และที่ชายหนุ่มหน้าบอกบุญไม่รับยอมควักเงินเป็นหมื่นซื้อให้นั้นเพราะเหตุผลที่ว่า
“เผื่อเห็นโทรศัพท์แล้วอาจจำได้ จะได้โทร.หาใครที่คุณรู้จัก”