อีแรดน้อย
...ใครจะรู้เล่าว่าสิ่งที่ได้มาด้วยความคึกคะนอง มันจะสนองความต้องการได้อย่างถึงใจแบบบ้าคลั่ง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีในสายตาคนอื่น และฉันก็ไม่ฝืนใจใครให้มองในแบบที่ฉันต้องการ เพราะทุกคนล้วนมีมุมมองและด้านความคิดที่แตกต่างกัน...แล้วแต่ใครจะมอง แค่ฉันรู้ตัวเองว่าสิ่งที่เป็นไม่ได้หนักหัวใครก็เพียงพอ
ฉันชื่อหนูนิด ที่ชีวิตไม่มีอะไรหรูหราเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่รักได้และเจ็บเป็น เป็นผู้หญิงที่ภายนอกดูร้ายและแรง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าแท้จริงแล้วลึก ๆ ของฉันเป็นคนอย่างไร นอกจากคนที่สนิทกับฉันจริง ๆ
ฉันมีคนรักที่ได้มาด้วยความคะนอง เราสองคนเจอกันที่สถานที่อโคจรยามราตรี ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา มาสรรหาความสุขใส่ตัวเอง และหนึ่งในนั้นก็คือฉัน นิตยา ผาสุขสม ผู้ที่เคยทุกข์ระทมในเรื่องความรักมาก่อน แต่เวลาที่ผ่านผันแปรสอนให้ฉันเข้มแข็ง ยืนหยัดฝืนแรงสู้ด้วยความตั้งมั่นและอุดมการณ์ที่มี
...มันจะอะไรกันกับแค่ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทอดทิ้งไป...
ชีวิตของมนุษย์มันมีค่ามากกว่านั้น และเข็มนาฬิกาก็เวียนวนให้คนอย่างฉันมาเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่หยาบ ๆ ห้าว ๆ ไร้ความหวานในตัว แต่เขาก็มีสิ่งที่ดีให้ฉันนั่นคือ ความรัก
รักด้วยใจจริงไม่เสแสร้ง
แม้การพบเจอของเราจะไม่ได้สวยหรูดั่งคนอื่นมาก็ตามแต่
ย้อนกลับไป...
"ยายนิด" เพื่อนสนิทคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันใด
"อะไร?" ฉันย้อนกลับไปแบบทีเล่นทีจริง เพราะสายตากำลังปรายมองรอบด้านด้วยความสนใจ
"แกเห็นผู้ชายคนนั้นไหม?" เพื่อนสนิทเอื้อนเอ่ย
"อืม...แล้วไง?" ฉันตอบสั้น ๆ และถามอีกครั้งก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันกระดกลงคอ
"วันนี้มันดูไม่ตื่นเต้น เรามาเล่นเกมพนันกันสนุก ๆ ไหม?" เพื่อนสนิทพูดเสนอความเห็น
"เกมอะไร? เหมือนแกว่างมากอ่ะครีม" ฉันพูดบอกไปอย่างหน่าย ๆ
"ถ้าแกลากเขาไปกินได้คืนนี้ หนึ่งหมื่นบาทจะเป็นของแก" เพื่อนสนิทของฉันว่ากล่าว ซึ่งสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นทำให้ฉันตาลุกวาวทันที
"ตกลง...ดิล"
"ทำไมง่ายจังวะ" เพื่อนสนิทของฉันสงสัยเมื่อฉันตอบตกลงง่าย ๆ เอาดื้อ
...ฉันไม่ตอบโต้อะไรรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาเขาทันทีด้วยความอยากลองและสิ่งที่เพื่อนท้าทาย ร่างกายที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ปลุกเร้าความกล้าและบ้าบิ่นของฉันได้เป็นอย่างดี
(ผู้หญิงที่ดูร้ายก็เพราะเคยถูกผู้ชายทำร้ายให้เจ็บช้ำมาก่อน)
"ว่าไงพี่ชาย ทำไมหล่อจังล่ะคะ?" ฉันที่มีอาการมึนเมาเดินเข้าไปหาเขาที่นั่งอยู่เพียงลำพัง ตรงหน้าที่เครื่องดื่มสีน้ำผึ้ง แต่ว่ามันไม่ใช่น้ำผึ้งที่หอมหวานดั่งสายตาเห็น มันคือบรั่นดีสีน้ำตาลเข้มที่ขมบาดคอ
"............" สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบและสายตาที่มองมาที่ฉันนั้นว่างเปล่า
...ทำไมถึงใจกล้าเข้าหาผู้ชายทั้งที่ตัวเองนั้นเป็นหญิง ก็เพราะคำท้าทายจากเพื่อนไงที่ทำให้ความกล้าบ้าบิ่นที่มีในตัวปลุกเร้าให้เข้าหา
"แหม พูดด้วยทำเป็นนิ่ง หยิ่งเหรอคะ?" แอลกอฮอล์ในร่างกายที่มีพอตัว ทำให้ปลุกความกล้าได้มากกว่าที่คิด
ฉันกรีดกรายเรียวนิ้วกลางลากไล้ลงแผงอกแน่น ๆ ด้วยความเย้ายวน ปรายสายตาเงยมองหนุ่มมาดเซอร์ที่นั่งเงียบด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
เขาชายตามองเพียงเสี้ยวเหมือนไม่สนใจ และกระดกเหล้าเข้าปากทีเดียวหมดแก้ว แล้วกระชากแขนฉันให้ลุกยืน
ฉันงงกับสิ่งที่เขาทำ และตกใจมากกับการกระทำที่ไม่ทันตั้งตัว เมื่อเขาประชิดตัวบดจูบฉันท่ามกลางสายตาผู้คนอย่างไม่คิดอาย
"เดี๋ยว ๆ พี่...อะไรของพี่วะเนี้ย!" ฉันยั้งตัวออกดันแผงอกของเขารั้งไว้แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยความตกใจต่อสิ่งที่เจอ
"อยากไม่ใช่เหรอ...เห็นอ่อยอยู่นี่ ไปสิจะสนองให้" เขาพูดออกมาอย่างคนไม่รู้สึกอะไร และลากแขนของฉันเดินไปที่ไหนสักแห่งที่ฉันไม่รู้จัก
ชั้นสองของสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างดูเป็นส่วนตัว ฉันยั้งแรงเดินและพยายามเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ไม่ไกล แต่ว่า...
เพื่อนฉันหายไปไหน? ทำไมไม่อยู่โต๊ะ มันจะรู้ไหมฉันกำลังจะถูกกินตับแล้ว!!
ปึก!! ตุบ!!
"พี่ ๆ ใจเย็นนะ...เดี๋ยว ๆ เราคุยกันก่อน ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น..."
อร๊าก!!! แคว่ก!!!
เขาไม่พูดพร่ำขย้ำร่างกายและปลิดชีพเสื้อผ้าของฉันอย่างน่าอนาถสงสาร เสื้อผ้าที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วไปในบัดดล
"อ๊าย พี่ พี่สตินิดหนึ่ง ตั้งสติค่ะ...ไม่ต้องรุนแรงก็ได้" เหมือนฉันพูดอยู่คนเดียวในป่าช้า มีเพียงสายตาของเขาที่โลมเลียจ้องมอง ฉันที่อายจนต้องเอามือปิดอกและของสงวนไว้ แม้จะปิดไม่มิดแต่ก็ยังดีกว่าที่โชว์หราจนเต็มตาของเขา
"..........." เหมือนใบ้รับประทานพี่เขานะคะ เงียบได้เงียบดีอย่างกับไม่มีปาก อ๊าก ไอ้ผู้ชายดิบเถื่อน
ปึก!
"โอ๊ย พี่...จุก!" ฉันบอกออกไปเมื่อเขานั้นจับฉันพลิกหันหน้าประกับเข้ากับประตูตู้เย็นขนาดเล็กถึงเอวที่กำลังทำงาน
"ตาย ๆ ไฟจะดูดเอา...อร๊าย พี่บ้าไปแล้ว"
"........" มันเงียบค่ะท่านผู้ชม อีนิดตายแน่นอนงานนี้
เขาแทรกกลางตรงหว่างขาใช้ขาแน่น ๆ แหกขาของฉันออก ฉันพยายามมองกลับหลังด้วยความกลัว ไม่น่าเอาตัวมาแลกกับเรื่องบ้า ๆ นี้เลย...ไม่น่าเห็นแก่คำท้าที่บ้าบอ อีนิดอยากตาย!!!
"พี่ ... โอ๊ย!!" ฉันร้องลั่นห้อง ห้องที่ไหนก็ไม่รู้ เมื่อเข้าสอดใส่ลำเอ็นอุ่นเข้ามาในตัว ฉันเจ็บแสบไปทั้งร่างไม่ใช่ว่าซิงนะ แต่มันไม่มีอะไรหล่อลื่นไง เขาไม่เล้าโลมแม้แต่น้อย มันกระหน่ำจ้วงแทงจากด้านหลังอย่างเดียวเลย
ไอ้ซาดิสม์!!
"พี่ อื้อ อ่า...เบา อ๊ะ" ฉันที่เริ่มปรับสภาพร่างกายภายในได้ ความรู้สึกซาบซ่านเริ่มสะท้านในทรวง
แขนสองข้างถูกจับไปด้านหลัง หน้าอกนาบชิดกับตู้เย็นหลังเล็กที่ตอนนี้มันหยุดทำงาน เพราะเขาถอดปลั๊กไปแล้วตั้งแต่ที่ฉันร้องลั่นก่อนหน้าว่าเดี๋ยวไฟจะดูด...เห็นแบบนี้ก็อยากตายแบบศพสวยขาวสะอาดนะเว้ย
ปั่ก ปั่ก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นเมื่อแรงกระหน่ำจ้วงแทงอย่างพายุที่บ้างคลั่ง แทงไม่ยั้งจนฉันสั่นคลอนไปทั้งร่างแต่ก็เสียวซ่านถึงใจเลยทีเดียว
"อ๊ะ!!" ฉันร้องตกใจเมื่อเขาจับยกเอวของฉันนั่งบนหลังตู้เย็นตัวเล็ก ด้วยความสูงที่เขามีมากมันจึงสูงแค่ต้นขาแกร่งของเขาเท่านั้น
สองขาของฉันถูกเขาจับแยกออกห่าง เอ็นอุ่นสอดแทรกเข้ามาจนมิดลำ แม้จะเคยถูกกระหน่ำจ้วงแทงไปแล้วรอบแรกมันก็ทำให้จุกในช่องท้องเพราะมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ตั่บ ตั่บ ตั่บ
เขาสับสวยเอวเข้าออกมันแรงพอที่ทำให้หัวของฉันกระแทกกับผนังด้านหลัง สองขาที่ยกเกี่ยวเอวสอบของเขาไว้ด้วยอารมณ์ที่พัดพา สองแขนของฉันที่ต้องอาศัยโอบกอดรอบคอของเขาไว้ เนื้ออกนูนเสียดสีกับเนื้อผิวออกแกร่งของเขา
เอากันได้ทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อ!
"อ่า เสียวว่ะ" มันมีปากแล้วค่ะท่านผู้ชม มันพูดได้จ้า
"พี่ อื้อ ซี๊ด...หนูไม่ไหวแล้ ไม่ไหวแล้ว" ฉันบอกด้วยน้ำเสียงติดขัดแหบแห้ง ซบใบหน้าลงกับหน้าอกของเขาอย่างคนหมดแรง ร่างกายที่กระตุกเกร็งภายในเมื่อมันต้านทานอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป
"ซี๊ด แม่งดี อ่า" เป็นบุญหูอีนิดจริง ๆ ที่ได้ยินเสียงของพี่เขามาแล้วสองครั้ง
อึก/ซี๊ด
ร่างกายของฉันเบาล่องลอยเมื่อได้ปลดปล่อยอารมณ์สวาทที่เขาเป็นคนปลุกสร้าง ฉันนิ่งซบอกพ่นลมหายใจแรงเพราะเหนื่อยหอบ แม้จะไม่ได้ทำแต่มันก็สามารถสร้างความเหนื่อยอย่างกับไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลขนาดใหญ่
"เลิกร่านหว่านเสน่ห์แล้วคบกัน"
"ห๊ะ!!!"
ฉันหายเหนื่อยในบัดดลกับสิ่งที่ได้ยิน พี่เขาบ้ากว่าอีนิดอีกจ้า
"มองเห็นนานละ แต่ไม่เข้าหา...กูชอบมึงอีแรดน้อย" เป็นการสารภาพความในใจที่อีนิดอึ้งอ้าปากค้างหนักมาก