7

1411 คำ
เล่ห์ลวงบ่วงซาตาน บทที่ 7 ศึกชิงเค้ก “เค้กแพงๆ แบบนี้คุณพ่อจะยกไปให้นังเด็กชั้นต่ำนี่กินทำไมกันคะ มันทำประโยชน์อะไรให้เราเหรอ” “ถ้ามันแพงมาก ฉันจะสั่งให้คนไปซื้อมาให้เธออีก พอใจหรือยัง” “นี่คุณพ่อ!” พิมพ์จันทร์หงุดหงิดที่ได้ยินเช่นนั้น “แบ่งให้เด็กมันกินบ้างจะเป็นไรไป” “นี่คุณพ่อเข้าข้างมันเหรอคะ” “เธอก็เพลาๆ ลงบ้างเถอะพิมพ์จันทร์ ไอ้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้” “ตอนคุณพ่อไปสู่ขอพิมพ์กับคุณแม่ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย พูดแต่ว่าจะดูแลพิมพ์อย่างดีเหมือนลูกในไส้ แต่พอนังเด็กเวรนี่เข้ามาอยู่ในบ้าน คุณพ่อก็เปลี่ยนไป” “ไม่ใช่ฉันหรอกที่เปลี่ยนไป แต่เธอต่างหากที่ไม่เหมือนเดิม ยิ่งอยู่กันไปยิ่งขี้โมโห ไม่สงสัยเลยเหรอไงว่าทำไมลูกชายฉันถึงไม่อยู่บ้าน พ่อยอดชายอยู่ไม่ติดบ้านเอาเสียเลย เพราะเธอน่ะไม่มีคุณสมบัติของการเป็นภรรยาที่ดีเอาเสียเลย เอาอกเอาใจสามีสักนิดก็ไม่มี งานบ้านงานเรือนก็ไม่เอาไหน” “คุณพ่อ!” พิมพ์จันทร์เสียงดังใส่พ่อสามี “เธอลองไปพิจารณาตัวเองดูเอาเถอะ ว่าฉันพูดถูกต้องไหม ส่วนดาวเหนือ เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ห้ามใครทำอะไรเขาเด็ดขาด เขาอยู่ที่นี่ ในบ้านของฉัน ฉันจะให้เขากิน เขานอน หรือทำอะไรก็ได้ เพราะเขาก็คือหลานสาวคนหนึ่งของฉันเหมือนกับธนิดาด้วย” “คุณพ่อ! กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะคะ” พิมพ์จันทร์มองร่างของพ่อสามีที่พาเด็กน้อยเดินจากไปอย่างโมโห “คุณแม่คะ คุณปู่เข้าข้างมัน เข้าข้างนังลูกเมียน้อยนั่น” “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” พิมพ์จันทร์โมโหจนแทบควันออกหู “ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว เรามากินข้าวกันดีกว่า ปู่นี่แย่จัง ให้คนเอาขนมมาให้ก่อนอาหารกลางวัน หนูเลยไม่ค่อยหิวใช่ไหม” การอยู่ด้วยกันฉันปู่หลาน ทำให้กำนันยศเรียกขานดาวเหนือด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม “ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ” ดาวเหนือตอบตามตรง “ไม่หิวก็กินเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ นึกว่าสงสารคนแก่” แท้ที่จริงแล้วกำนันยศเป็นคนแก่ที่เหงามาก เพราะมีเงินมากมายก็จริง แต่ลูกหลานกลับไม่ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร “ค่ะ” ดาวเหนือรับคำ มองอาหารบนโต๊ะที่ตั้งละลานอยู่เต็มด้วยความตื่นเต้น คราแรกก็ไม่ค่อยหิว แต่ตอนนี้กลิ่นหอมๆ ของอาหารก็ทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมาในทันที เพราะก่อนหน้านี้เธอกินขนมเค้กไปแค่นิดเดียวก็โดนสองแม่ลูกเข้ามาทำร้ายเสียก่อน “กับข้าวที่นี่น่ากินจังเลยค่ะ ทั้งหอมทั้งอร่อยด้วยค่ะ” เธอตักมากินแล้วเอ่ยชม หมูเห็ดเป็ดไก่ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของดีราคาแพงที่เธอไม่เคยได้กินมาก่อน “เดี๋ยวนี้คุณพ่อมีคนมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแล้ว คงจะลืมพวกเราแม่ลูกไปแล้วสินะคะ” พิมพ์จันทร์เดินมาทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอาหารพร้อมด้วยบุตรสาว เธอจิกสายตามองดาวเหนืออย่างไม่สบอารมณ์ ดาวเหนือแทบจะวางช้อนลง รู้สึกอิ่มแทบจะทันทีที่เห็นสองแม่ลูกเดินมาที่โต๊ะอาหาร “แล้ววันนี้ไม่ออกไปกินข้าวข้างนอกเหรอ” กำนันยศเอ่ยถามลูกสะใภ้ เพราะเมื่อลูกชายออกไปจากบ้านเมื่อไหร่ ลูกสะใภ้ก็จะสั่งคนขับรถพาตนเองและบุตรสาวเพียงคนเดียวเข้าเมืองด้วยเช่นกัน ทิ้งให้ท่านต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง “ถ้าออกไปข้างนอกจะเห็นอะไรดีๆ เหรอคะ” “อะไรดีๆ คืออะไร” กำนันยศเอ่ยถามลูกสะใภ้ น้ำเสียงของท่านบ่งบอกว่ากำลังไม่ค่อยพอใจอย่างยิ่งยวด “ก็แหม... เด็กอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน หน้าตาก็สะสวย อีกไม่กี่ปีก็ใช้งานได้แล้ว” “เธอหมายความว่ายังไง” “ก็...” เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค กำนันยศก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน เพราะไม่อยากให้เด็กได้รับรู้อะไรที่มันไม่ดีจากคำพูดของผู้ใหญ่ “ถ้าเธอคิดจะพูดอะไรไม่ดี ฉันก็ขอให้เธอหยุดเถอะพิมพ์จันทร์ ก่อนที่จะว่าคนอื่นต้องหัดมองตัวเองเสียบ้างนะว่าทำหน้าที่ภรรยาและแม่ได้ดีหรือยัง คนเราน่ะ บางทีไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง เห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น” “คุณพ่อจะเลี้ยงต้อยนังเด็กนี่อย่าคิดว่าพิมพ์จันทร์ไม่รู้นะคะ แล้วลูกชายตัวดีของคุณพ่อ วันๆ เอาแต่เข้าบ่อน ทิ้งลูกเมียไว้ที่บ้าน ไม่ก็ไปกกอีหนู ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหนูหรอก ก่อนที่คุณพ่อจะสอนหนู สอนลูกชายของตัวเองก่อนเถอะค่ะ ทำกันถึงขนาดนี้ จะให้พิมพ์ทนอย่างนั้นเหรอคะ” “หยุดนะพิมพ์จันทร์ ลูกก็อยู่ทั้งคน เธอจะทำตัวเป็นเยี่ยงย่างที่ไม่ดีให้ลูกหรือไง พูดไม่คิด แล้วดาวเหนือก็เป็นหลานสาวของฉันด้วย ฉันไม่ได้คิดเป็นอื่น หยุดพูดว่าร้ายคนอื่นเสียที” “ทำไมคะ พอพูดเรื่องเลวๆ ของลูกชายสุดที่รัก คุณพ่อทนไม่ได้เหรอคะ” “ถ้าเธออยากจะพูดก็ให้มันเป็นส่วนตัว ฉันไม่ว่า แต่นี่เด็กอยู่ตั้งสองคน สงบสติอารมณ์บ้างเถอะพิมพ์จันทร์” “ไม่ค่ะ” “ทำตัวแบบนี้จะไปสอนลูกยังไง” “ลูกของพิมพ์เป็นเด็กน่ารัก ไม่เหมือนนังเด็กยาจกที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยงหรอกค่ะ พิมพ์เป็นผู้ดี มีเงิน มีการศึกษา ต้องสอนลูกได้ดีอยู่แล้ว ลูกของพิมพ์ก็เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ฉลาด สอนอะไรก็ทำตามไม่เคยดื้อ” “เด็กน่ารักอย่างนั้นเหรอ แล้ววันก่อนดาวเหนือมาขอความช่วยเหลือ ทำไมธนิดาถึงไม่ยอมบอกเธอกับยอดชายให้รีบไปช่วยฉัน แต่กลับโกหกว่าดาวเหนือเป็นหัวขโมยจนโดนสุรีทุบตีแล้วโดนเธอตบเข้าให้ล่ะ” “นี่ใครบอกคุณพ่อคะ นังนี่เด็กสารเลวนี่น่ะเหรอคะ นังนี่มันเลว มันใส่ร้ายลูกของพิมพ์ใส่ร้ายพิมพ์” พิมพ์จันทร์ตาลุกวาบมองดาวเหนืออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ดาวเหนือสะดุ้งทำยช้อนในมือหล่น ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปเข้าห้องปิดประตูขังตัวเองอยู่ในนั้น ป้องกันอันตรายจากคนใจยักษ์ใจมาร “ดาวเหนือ” กำนันยศเรียกเด็กน้อยเอาไว้ ก่อนจะหันมามองลูกสะใภ้ “ทำไมเธอถึงให้ท้ายลูก ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง เด็กกลัวหนีไปโน่นแล้ว” “ช่างหัวมันสิคะ” พิมพ์จันทร์ไม่แคร์ “ฉันคิดผิดจริงๆ ที่เอาเธอมาเป็นสะใภ้ แทนที่จะดูแลบ้านช่อง ไม่ต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากก็ได้ แต่รู้จักพูดให้ผัวเป็นคนดีบ้าง ฉันขอแค่นี้เอง” “โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ยอดชายโตขนาดนี้แล้ว จะให้เมียอย่างหนูพูดให้เป็นคนดีคงไม่มีผลแล้วละค่ะ ในเมื่อพ่อแม่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกเอง” เพี้ยะ!!! เสียงฝ่ามือของกำนันยศตบลูกสะใภ้เต็มแรงด้วยความโกรธ “คุณปู่ตบคุณแม่ คุณปู่ใจร้าย คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ” ธนิดาเอ่ยถามมารดาอย่างตกใจ รีบตรงเข้าปกป้องมารดาเพราะรักมารดามาก “คุณพ่อตบหนูเหรอคะ” “เอ่อ... ฉันขอโทษ” กำนันยศได้สติ จริงๆ แล้วสะใภ้ของท่านพูดถูก การจะอบรมสั่งสอนลูกควรทำตั้งแต่ยังเล็กๆ ก็เหมือนกับที่พิมพ์จันทร์ต้องทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ไม่ใช่ให้ท้ายธนิดาแบบนี้ “ได้ค่ะ คุณพ่อตบหนู หนูจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณพ่ออีก ในเมื่อคุณพ่อเห็นขี้ดีกว่าไส้ เห็นลูกคนอื่นดีกว่าลูกหลาน ปล่อยให้คุณพ่อเลี้ยงนังเด็กงูพิษนี่ไปก็แล้วกัน ไปกันเถอะลูก” พิมพ์จันทร์สะบัดหน้าใส่พ่อสามี ก่อนจะพาลูกน้อยออกไปข้างนอก กำนันยศทิ้งตัวนั่งลงอย่างหงอยเหงา หมดอารมณ์รับประทานอาหารต่ออีก พอได้สติก็เดินไปเคาะประตูเรียกดาวเหนืออย่างเป็นห่วง เคาะอยู่นานกว่าเด็กน้อยจะโผล่หน้าออกมา “ไม่ต้องกลัวนะ” กำนันยศพูดกับดาวเหนือ ในขณะที่เด็กน้อยยังมีท่าทีหวาดๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม