หลังจากที่กวินภพวางระเบิดลูกใหญ่ใส่เธอกลางศาลาท่าน้ำนั้น ทุกคนก็พากันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจนพาลมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก ๆ เว้นเสียแต่คนเดียวที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเธอมากกว่าใคร ๆ นั่นก็คือนวลแจ่มหัวหน้าแม่บ้านที่พอรู้เรื่องทั้งหมดก็สั่งให้เธอวางมือจากทุกสิ่ง ก่อนจะไล่ให้กลับเข้ามาพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง ถึงอย่างนั้นใครกันจะข่มตาให้หลับลงไปได้ ทั้ง ๆ ที่ภายในใจตอนนี้นั้น ยังคงมีแต่เรื่องหนัก ๆ ให้ต้องคิดทบทวนอยู่
“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับไม่นอนอีกยัยมัท แล้วนี่มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”
เสียงที่เรียกมาจากข้างหลังส่งผลให้คนที่กำลังนั่งคิดไม่ตกอยู่ในศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะพาเจ้าสัวไกรวิทย์มานั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนมาใหม่เหมือนอย่างที่ชอบทำ
“ป้าแจ่ม มัทนอนไม่หลับจ้ะ เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต่อให้ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอไปอีกนานเท่านานเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยที่จู่ ๆ เธอจะต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเอาอย่างนั้น ไม่ใช่เลยสักนิด!
“กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ล่ะสิ อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัวไปเลยมัทเอ๊ย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องบางเรื่องเราก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้หรอก” หัวหน้าแม่บ้านผู้สูงวัยเอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักเสมือนกับลูกคนหนึ่ง หวงแหนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยท่าทางอ่อนโยน
ไม่แปลกเลยที่นางจะออกโรงปกป้องและให้กำลังใจในยามที่มัทนาไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งเฉกเช่นตอนนี้ เพราะเมื่อก่อนมักจะมีท่านเจ้าสัวไกรวิทย์คอยดูแลและปกป้องหญิงสาว แต่ตอนนี้เมื่อท่านไม่อยู่แล้วหน้าที่ที่ว่าเธอเองก็คงต้องสานต่อเพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องติดห่วงมัทนาอีกต่อไป
“มัทไม่เข้าใจเลยจริง ๆ จ้ะป้า ว่าทำไมคุณท่านถึงได้เขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านก็ไม่เคยเอ่ยปากหรือพูดถึงมันเลยสักครั้ง มัทไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นมัท” มัทนาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบงันปกคลุมทุก ๆ สิ่งรอบกายไปนาน เธอพยายามใช้เวลาที่อยู่คนเดียวเพื่อคิดหาคำตอบ พยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เจ้าสัวไกรวิทย์ต้องการ แต่คิดเท่าไร ก็ยิ่งกับว่าเธอกำลังเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเข้าไปทุกที
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ข้าเชื่ออยู่อย่างว่าที่คุณท่านทำแบบนั้น ท่านจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ทีนี้มันก็เป็นหน้าที่ของเอ็งกับคุณวินแล้วว่าจะหาเหตุผลที่ว่านั่นเจอได้ด้วยวิธีไหน กลับไปนอนเถอะไป พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้คิดอีกมาก” คำบอกกล่าวที่เหมือนจะเตือนสติทำให้มัทนายิ้มรับ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตามหลังหัวหน้าแม่บ้านกลับไปยังที่พักของตัวเองพร้อม ๆ กับหลาย ๆ สิ่งที่ก่อกำเนิดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน แต่สิ่งเดียวที่เธอมั่นใจได้ในตอนนี้คือความเกลียดชังที่กวินภพเคยมีให้เธอ ความเกลียดชังของเขาในตอนนี้มันคงจะเพิ่มทวีพูนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันทวีอย่างแน่นอน
เขาเกลียดทุก ๆ สิ่งที่เป็นเธอ เพราะคิดเอาเองมาตลอดว่าสักวันเธอจะมาแย่งชิงเอาทุก ๆ อย่างที่สมควรจะเป็นของเขาไป ซึ่งในความคิดของหญิงสาวนั้นไม่เคยเลยสักวันที่เธอจะคิดแย่งของ ๆ ใคร ยิ่งโดยเฉพาะกับคนอารมณ์ร้ายที่ชอบใช้คำพูดรุนแรงด่าว่าคนอื่นไม่เลือกหน้าอย่างกวินภพยิ่งแล้วไปกันใหญ่
คนที่หายตัวออกจากบ้านไปนานถึงสามวันเต็มกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทีเย็นชาชนิดที่ว่าใครต่อใครต่างก็เข้าหน้าไม่ติด กวินภพไม่รีรอที่จะสั่งให้คนไปตามตัวมัทนาให้มาพบเขาที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงกันหลังจากที่เขาคิดทบทวนและวางแผนทั้งหมดมาเป็นอย่างดี
ซึ่งแน่นอนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะไม่แต่งงานกับเธอก็ได้ หรือแม้แต่จะแต่งแล้วหย่าจากนั้นก็แบ่งสมบัติกันไปตามที่พินัยกรรมระบุ แต่เขาจะไม่ยอมเลือกทางใดทางหนึ่งที่ว่า แต่จะเป็นฝ่ายตั้งตัวเลือกที่สามขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งใครหน้าไหนก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้ทั้งนั้น
“คุณวินคะ” เสียงเรียกของคนที่เขากำลังรออยู่ดังขึ้น ก่อนร่างของหญิงสาวที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจะปรากฏตัวลงตรงหน้าในเวลาต่อมา
“มาก็ดีแล้ว มานั่งสิ” หญิงสาวรับคำก่อนจะเดินตรงเข้าไปใกล้ เธอเลือกที่จะล้มตัวนั่งลงข้างล่างที่ถูกปูเอาไว้ด้วยพรมเปอร์เซียผืนหนาสีน้ำตาลอ่อน เพราะไม่อยากฟังคำเหน็บแนมอะไรจากปากของคนตรงหน้า ที่ดูท่าคงจะเตรียมคำพูดเอาไว้เชือดใจกันอยู่หากเธอเลือกที่จะนั่งตีตัวเสมอกันกับเขา
“ขึ้นมานั่งข้างบนนี่กับฉัน!” ทว่าหญิงสาวกลับคิดผิดไปหมด เพราะนอกจากเขาจะไม่ด่ากันแล้วนั้นยังตวาดให้เธอขึ้นไปนั่งเทียบเสมอกันอีกด้วย การกระทำของชายหนุ่มทำให้มัทนาไม่กล้าแม้แต่จะขยับไปไหนตามที่เขาร้องบอก เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ในตอนนี้
“แต่ว่ามัท...”