“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ รีบขึ้นมานั่งข้างบนเดี๋ยวนี้!” กวินภพไม่พูดเปล่า แต่เขากลับเอื้อมไปฉุดเอาคนตัวเล็กขึ้นมานั่งข้าง ๆ กายก่อนจะโยนเอกสารฉบับหนึ่งใส่ตักเธออย่างแรง หญิงสาวมองตามก่อนจะหยุดนิ่ง ไม่กล้าที่จะหยิบมันขึ้นมาดู แม้ว่าใจอยากจะทำเช่นนั้นใจแทบขาด
“นี่มันอะไรกันคะ” เธอถามขึ้นก่อนจะเงยหน้าสบตาดุ ๆ ที่กำลังจ้องมองมาเพื่อขอคำตอบที่มากกว่าสายตาที่เดาไม่ถูกของเขาที่เอาแต่จ้องมองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้ ไม่นานเสียงเข้มจึงดังตอบกลับมาเหมือนจะปัดความรำคาญในท่าทีใสซื่อของเธอที่เขาคิดว่ามันคือการแสดง
“สัญญาข้อตกลงระหว่างเรา เอาไปอ่านแล้วเซ็นซะ!” มัทนาเก็บคำถามที่อยากรู้เอาไว้ก่อนจะหันมาหยิบเอาเอกสารตรงหน้าขึ้นมาอ่านตามที่อีกคนได้บอก
สัญญาข้อตกลง
นายกวินภพ มลทนาพร ยินดีที่จะแต่งงานกับนางสาวมัทนา ดวงใจ ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ทั้งสองจะแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันตามที่พินัยกรรมระบุ ต่อหน้าคนอื่นทั้งคู่จะต้องแสดงความรักต่อกันเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไป
2. นายกวินภพ มลทนาพร มีสิทธิ์ใช้ชีวิตตามปกติ และนางสาวมัทนา ดวงใจ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย รวมไปถึงนายกวินภพเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวกับนางสาวมัทนาด้วยเช่นกัน
3. ทั้งคู่จะใช้จ่ายภายใต้การดูแลและเห็นชอบจากนางลัดดาวัลย์ มลทนาพร เท่านั้น
4. นางสาวมัทนา ดวงใจ มีสิทธิ์เข้าไปทำงานที่บริษัทเอสเจกรุ๊ป ในตำแหน่งรองประธานผู้บริหารตามที่ข้อความในพินัยกรรมได้ระบุ แต่จะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจทุก ๆ เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตามที
5. ทั้งสองจะต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กตามที่พินัยกรรมระบุ แต่จะต้องแยกห้องนอน และเป็นเพียงเพื่อนร่วมบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น
6. ทั้งคู่ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามให้บุคคลภายนอกรู้อย่างเด็ดขาด หากใครผิดกฏต้องยอมยกสมบัติให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข
7. ทั้งสองสามารถหย่าจากกันได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกันแล้วหนึ่งปี และฝ่ายที่ขอหย่าจะต้องคืนสมบัติให้อีกคนทุกบาททุกสตางค์อย่างไม่มีเงื่อนไข
8. ข้อตกลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเห็นชอบของนายกวินภพ มลทนาพร คนเดียวเท่านั้น
ความเงียบเฉยจากคนข้างกายทำให้กวินภพต้องมองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด อันที่จริงนี่มันก็นับว่าเขาปราณีหล่อนแค่ไหนแล้วถึงยอมแต่งงานด้วยแบบนี้ เพราะถ้าหากไม่ใช่เพื่อเงินที่มันสมควรจะต้องเป็นของเขามาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วล่ะก็ ต่อให้โลกสลายดินถล่มลงไปต่อหน้าต่อตาในวินาทีนี้เขาก็จะไม่มีวันเหลียวมองเธอแม้แต่หางตาอย่างเด็ดขาด นั่นคือทุกสิ่งที่คิด แต่ก็ยังพอมีบางสิ่งที่สวนทางกับใจตัวเองอยู่เช่นกัน
“ที่จริงฉันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะ หลังจากที่เราหย่ากันแล้ว ฉันจะให้เงินเธอสักก้อนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถือว่าเรามีแต่ได้กับได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เห็นด้วยไหม...ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ต้องการจะฮุบสมบัติของคุณปู่ฉันไปจริง ๆ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง” มัทนาพยายามอย่างหนักที่จะกลืนเอาก้อนแข็ง ๆ ในลำคอลงไป หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกมาช้า ๆ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขอบางอย่างที่เขาคงจะลืมเขียนมันลงไป บางอย่างที่แม้จะไม่สำคัญกับเขา แต่มันค่อนข้างสำคัญกับเธอ...
“ตกลงค่ะ แต่มัทขอเพิ่มข้อตกลงข้อที่เก้าลงไปหน่อยจะได้ไหมคะ” กวินภพจ้องมองเจ้าของเสียงอยู่ครู่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจตอบกลับมาบ้างด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างเย็นชา
“เอาสิ ดีเหมือนกัน จะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป เธออยากเพิ่มอะไรก็ว่ามาได้เลย” เขาตอบก่อนจะเฝ้ารอดูว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะเพิ่มข้อตกลงอะไรลงไปแค่ไหน เพราะนับว่าหายากมาก ที่หล่อนจะกล้าเอ่ยขออะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง
“ข้อตกลงข้อที่เก้า นายกวินภพ มลทนาพร จะต้องสัญญาว่าจะไม่ทำการล่วงเกินนางสาวมัทนา ดวงใจ ไม่ว่านางสาวมัทนา ดวงใจ จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม มัทขอแบบนี้...ได้ไหมคะคุณวิน” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และนั่นก็ทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงเมื่อได้ยินมัน
“เธอว่าไงนะ! นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน จะบอกอะไรให้เอาบุญนะมัทนา ว่าต่อให้เธอมานอนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าฉันก็จะไม่มีวันแตะต้องตัวเธอให้เสียศักดิ์ศรีหรอก แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการก็เป็นอันตกลงตามนี้ ข้อตกลงข้อที่เก้าฉันจะไม่แตะต้อง ไม่เผลอตัวปล้ำเธอ ไม่ว่าเธอจะยั่วฉันสักแค่ไหนก็ตาม พอใจแล้วใช่ไหม ถ้าพอใจแล้วก็รีบเซ็นชื่อซะ จะได้รีบไปกันเสียที” ชายหนุ่มตวาดลั่นพร้อมทั้งออกคำสั่งเมื่อพูดจบ
“ไป...ไปไหนคะ”
“นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ คนสองคนกำลังจะแต่งงานกันเขาต้องไปที่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะตัดสินใจเซ็นชื่อลงบนเอกสารในมือ ในเมื่อเธอไม่มีทางเลือกให้ถอยไปไหนแล้วในตอนนี้ก็คงต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองต่อไป อดทนแค่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ก็จะเป็นอิสระต่อคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้
กวินภพพาแม่ตัวดีที่ดูเหมือนจะลืมปากเอาไว้ที่บ้าน เพราะตั้งแต่ที่เขาลากเธอให้ขึ้นรถออกมาด้วยกันร่วมครึ่งชั่วโมงแม่คุณก็ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรออกมาสักคำเดียว จนกระทั่งรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรูของเขาค่อย ๆ ชะลอและจอดลงที่หน้าร้านชุดแต่งงานหรูแห่งหนึ่งในเวลาต่อมา เธอก็ยังเลือกที่จะเงียบอยู่เหมือนเดิม
“มัวนั่งบื้ออยู่ทำไม รีบลงมาสิ” ชายหนุ่มกระชากเสียงถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมลงมาจากรถเสียที เสียงที่ดังก้องออกไปเรียกเอาสายตาจากผู้คนรอบข้างให้หันมามองบ้างแล้ว นั่นเลยทำให้มัทนาต้องรีบพาตัวเองลงมาจากรถอย่างคนไม่มีทางเลือก เพราะเดาไม่ออกว่ากวินภพจะตะโกนด่าอะไรเธอออกมาอีกหากเธอยังคงนั่งเฉย ไม่ยอมลงมาจากรถตามที่เขาสั่ง
“เราต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอคะ” มัทนาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เพราะดูเหมือนว่าทันทีที่เธอตกลงรับข้อเสนอของเขาทั้งหมดคนใจร้ายก็ไม่คิดจะพูดอะไรต่อนอกเสียจากลงทุนลากเธอไปกลางบ้านพร้อมกับประกาศว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันต่อหน้าทุกคนก็ทำเอาคนทั้งบ้านวุ่นวายกันไปหมด
สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอตั้งรับไม่ทันจนรู้สึกไม่อยากจะทำใจให้เชื่อได้ว่านี่คือความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ เพราะเหตุผลนั่นเองเลยทำให้มัทนาเลือกที่จะเงียบเพื่อเฝ้ารอจังหวะเหมาะ ๆ จะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาออกไป