บทที่7

1335 คำ
“แม่รอจะคุยกับเราน่ะสิ แล้วนี่เรากับมัทนาหายไปไหนกันมาทั้งวัน” ผู้เป็นแม่ตอบพร้อมทั้งจ้องมองพ่อลูกชายตัวดีที่หลังจากประกาศถึงเรื่องงานแต่งงานแล้วก็แอบลากเอาตัวมัทนาหายไปถึงครึ่งค่อนวันไม่ยอมบอกกล่าวกันให้รู้ล่วงหน้า ลำพังกวินภพเองเธอไม่ค่อยจะห่วงสักเท่าไร แต่กับมัทนานี่สิที่น่าเป็นห่วงกว่าใคร ๆ “ผมพาแม่คนดีของคุณแม่ออกไปจัดการเรื่องชุดกับของชำร่วยมาครับ” กวินภพตอบไปตามความจริง ก่อนจะจ้องมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาจริงจัง “เราแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากทำแบบนี้ บอกตามตรงเลยนะแม่ไม่เห็นด้วยกับคุณปู่ของเราเลยที่จะให้ลูกกับมัทนาแต่งงานกัน” คำพูดตรง ๆ ที่ไม่คิดจะอ้อมค้อมจากผู้เป็นแม่ที่ดังขึ้นทำเอากวินภพขมวดคิ้วหม่นอย่างคนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ เขาคิดว่าผู้เป็นแม่จะเห็นชอบกับเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายทั้งรักและหลงมัทนายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด “ทำไมล่ะครับหรือแม่รังเกียจที่มัทนาเป็นแค่คนใช้ในบ้าน” “เปล่าเลยวิน ตรงกันข้ามสิไม่ว่า แม่เลี้ยงมัทนามากับมือ ทั้งรักทั้งหวงเสียยิ่งกว่าใคร ๆ และแม่ก็รู้ว่าลูกไม่ค่อยจะชอบเธอสักเท่าไร คนไม่ได้รักไม่ได้ชอบจู่ ๆ จะให้มาแต่งงานกันแบบนี้แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะวิน อีกอย่างมัทนาเองก็เป็นคนดี แม่ไม่อยากให้ลูกทำร้ายเธอ” คุณหญิงลัดดาวัลย์จำต้องบอกไปตามที่รู้สึก ด้วยรู้ดีว่าลูกชายของเธอร้ายกาจแค่ไหน และก็ยังรู้ด้วยว่ามัทนาเป็นคนดีที่ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครเลย แต่จู่ ๆ จะให้เด็กดีแบบนั้นมาแต่งงานกับพ่อตัวร้ายของเธอมันออกจะแปลก ๆ ไปเสียหน่อย “ดูเหมือนว่าใคร ๆ ก็รักผู้หญิงคนนั้นกันเสียเหลือเกินนะครับ ไม่ว่าจะคุณปู่หรือคุณแม่ เอาเป็นว่าคุณแม่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะครับ ผมจะไม่วุ่นวายกับแม่คนโปรดของแม่ และที่ผมยอมแต่งงานกับเธอก็เพราะไม่อยากให้สมบัติของคุณปู่ที่มันควรจะต้องเป็นของผมทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของใคร หนึ่งปีหลังจากนี้ผมจะหย่าให้เธอทันที ไม่ต้องห่วงไปนะครับ ผมหย่าให้แน่” กวินภพกำชับหนักแน่นก่อนเขาจะลุกขึ้นและเดินจากไปเมื่อพูดจบ ทิ้งไว้แต่เพียงผู้เป็นแม่ที่ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจไล่ตามหลังลูกชายตัวดีเท่านั้น งานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เชิญเพียงแต่ญาติสนิทและนักข่าวเพียงไม่กี่คนให้มาร่วมงานถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาที่โรงแรมระดับสามดาวเล็ก ๆ ตามความต้องการของเจ้าบ่าวที่ประกาศลั่นว่าไม่อยากสิ้นเปลืองกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้มากจนเกินเหตุ ซึ่งแน่นอนว่าคำบอกกล่าวของเขานั้นมันสร้างความปวดร้าวให้กับมัทนา เจ้าสาวของงานในค่ำคืนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเธอรู้ว่าเขาจงใจทำให้เธอต้องเสียหน้าและอับอายต่อหน้าทุก ๆ คนด้วยการลดระดับทุก ๆ อย่างลงให้เท่าเทียมกับสถานะแรกของตัวเธอ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังสู้กัดฟันทนยิ้มไปตลอดทั้งงานที่แสนจะเรียบง่ายเคียงข้างกับเจ้าบ่าวที่ทำหน้าเหมือนคนที่กำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบไม่มีผิด ท่าทางที่เขาแสดงออกมันทำให้ใครหลายคนสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยถามอะไรมากนัก นอกเสียจากร่วมยินดี และอวยพรให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าหอที่ทั้งคู่ต้องจำใจทนอยู่ห้องสูทที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้ให้ เพราะไม่อยากให้ใครเกิดความสงสัยเข้า โดยมีแต่เพียงคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ขึ้นมาส่งคู่บ่าวสาวด้วยตัวเอง “แม่ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขกับชีวิตคู่ให้มาก ๆ นะตาวินยัยมัท เราน่ะต้องดูแลน้องให้ดีนะตาวิน เป็นสามีต้องรู้จักให้เกียรติภรรยาให้มาก ๆ ส่วนยัยมัท...แม่อยากให้หนูเข้มแข็งและใจเย็นแบบนี้ไปตลอดนะลูก สักวันทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี และหนูจะพบกับความสุขที่แท้จริง” มัทนาก้มลงกราบตักของคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นแม่สามีของเธออย่างถูกต้องทั้งน้ำตา เมื่ออีกฝ่ายอวยพรให้พร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ ถึงต่อให้ตอนนี้คนทั้งโลกจะมองเธอในแง่ร้ายแค่ไหนมันก็ไม่มีผลต่อจิตใจเธอเลย เมื่อผู้มีพระคุณตรงหน้าคนนี้ยินยอมพร้อมใจที่จะเชื่อในทุก ๆ สิ่งที่เธอพูด และยังคอยให้กำลังใจเสมอมา “มัทจะจดจำคำสอนของคุณผู้หญิงให้ขึ้นใจค่ะ” น้ำเสียงนอบน้อมดังขึ้นพร้อม ๆ กับรอยยิ้มของทั้งสองที่ต่างก็มีให้กันและกันเหมือนอย่างทุกครั้งที่มันจะเป็นเช่นนี้ตลอดเวลา มัทนารู้สึกดีเป็นอย่างมากที่อย่างน้อย ๆ คุณหญิงลัดดาวัลย์ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรที่จะรับเธอเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ กลับกันออกจะชอบพอใจเป็นอย่างมาก และยังเป็นคนคอยจัดการทุก ๆ เรื่องภายในงานแต่งค่ำคืนนี้ให้ด้วยตัวเอง “ตอนนี้ต้องเรียกว่าแม่แล้วนะ ไหนลองเรียกสิ” มัทนาเงียบไปนานก่อนจะหันกลับไปมองคนที่กำลังยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล เมื่อเขาไม่ได้ว่าอะไร เธอจึงได้เอ่ยเรียกผู้อาวุโสตรงหน้าเสียใหม่ “ค่ะ คุณแม่” หญิงสาวเอ่ยเรียกเบา ๆ เพราะกลัวกวินภพจะอารมณ์เสียใส่กันอีกที่เธอไปเที่ยวเรียกแม่ของเขาว่าแม่เอาแบบนี้ ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นคนขี้หวงแค่ไหนจึงไม่กล้าทำอะไรมากนักหากไม่จำเป็นจริง ๆ “คุยกันเสร็จหรือยังครับคุณแม่ ผมเหนื่อย อยากพักผ่อน” คนที่เงียบนิ่งมานานเริ่มชักจะทนมองดูภาพตรงหน้าไม่ไหวเข้าไปทุกทีเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มจาง ๆ จากผู้เป็นแม่กลับมา “จ้ะ งั้นแม่ไม่กวนแล้วนะ เราสองคนคงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถอะ” คุณหญิงลัดดาวัลย์เอ่ยบอกคนทั้งคู่ก่อนจะยอมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปในที่สุด ทำให้ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัดทันทีที่ท่านเดินจากไป ไม่นานเจ้าบ่าวป้ายแดงก็ลุกขึ้นก่อนจะจ้องมองภรรยาของตัวเองด้วยสายตาไม่ชอบใจ “มัวนั่งบื้ออยู่ทำไม! ไปผสมน้ำให้ผัวอาบสิ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังต้องบอกอีกหรือไง” เพราะเสียงที่ตะคอกใส่ทำให้มัทนาต้องรีบลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อผสมน้ำให้สามีจอมเอาแต่ใจ ที่ไม่เคยคิดจะพูดจาดี ๆ กับเธอเลยสักครั้ง หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในนั้นไม่นานก็กลับออกมาเมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จสำหรับคนเอาแต่ใจ ซึ่งกวินภพเองก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นอกจากเดินสวนหายเข้าไปในห้องน้ำเมื่อเธอกลับออกมา ชายหนุ่มขังตัวเองอยู่ใต้ฝักบัวนานเกือบชั่วโมงก่อนที่เขาจะกลับออกมาอีกครั้งในสภาพที่ล่อแหลมจนคนที่นั่งรออยู่ต้องรีบเบือนหน้าหนีในทันทีที่เห็น คนอะไรคิดจะออกก็ออกมาโท่ง ๆ เสื้อผ้าก็ไม่ยอมใส่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม