“แม่ครับ...ผมกลับมาแล้ว และนี่คือ...หลานแฝดชายหญิงของคุณแม่ไงครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางก้มลงมองเด็กหญิงและชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แอเรียลล่าคิดว่าจะละสายตาไปทางอื่นแต่มีบางอย่างทำให้เธอยังคงจ้องมองลักษมีและลักษณ์แน่วนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด เด็กทั้งสองที่มีเค้าหน้าด้วยส่วนผสมของเอเชียและยุโรป แม้คนหนึ่งจะเป็นชายและอีกคนเป็นหญิงที่หน้าตาคล้ายกันมาก เรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองตัดกับผิวขาวนุ่มนวล ดวงตาคมกลมโตแวววาวใต้ขนตางอนยาว ปากจิ้มลิ้มจมูกเล็กรั้น ใบหน้าเล็ก ๆ ทว่างดงามและเปล่งประกายราวไข่มุกแสนสวยยามต้องแสง
เธอรีบดึงสติที่เผลอไผลไปกับความน่ารักน่าชังของหลานแฝดตัวน้อยซึ่งแอเรียลล่าตั้งกำแพงความคิดไว้แต่แรกว่าคงเหมือนลักษณ์นาราทุกกระเบียด คาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าลูกสาวแม่บ้านจะให้กำเนิดเด็กแฝดหน้าตาน่าชังนัก เด็กเหลือขอที่เธอตั้งข้อรังเกียจกลับฉายภาพแจ่มชัดใต้สำนึกนับแต่วินาทีแรกที่เห็น ใบหน้าของแอเรียลล่าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อร่างบอบบางของใครอีกคนที่เธอก็จดจำได้ติดตาก้าวตามเข้ามาทีหลัง และนั่นทำให้มารดาของแมทเทียสคอตั้ง
“พาลูกเข้ามานั่งก่อนสิ...แม่ให้คาลิสต้าเตรียมอาหารไว้ต้อนรับลูกกลับมาเยอะแยะเลย”
เธอกล่าวขณะมองตามแมทเทียสจูงลูกสาวและลูกชายของเขาเข้ามาและหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ทั้งลักษมีและลักษณ์มองไปรอบ ๆ ห้องอาหารอันโอ่โถงด้วยความตื่นเต้นแต่ลักษณ์นาราแทบไม่กล้าสบนัยน์ตาววาววับของแอเรียลล่าหากแต่เธอก็ยกมือไหว้ตามธรรมเนียมของตัวเอง
“สวัสดีค่ะ...คุณแอเรียลล่า”
“สวัสดี... ฉันนึกว่าเธอจะอยู่เมืองไทยอย่างสุขสบายจนไม่คิดจะกลับมาที่นี่แล้วซะอีก”
คำค่อนขอดมารดาที่ลักษมีไม่เข้าใจทำให้คนฟังได้แต่แสดงความเรียบเฉยทางสีหน้า ลักษณ์นาราไม่ได้ท้าทายโดยการไม่โต้ตอบอะไรหากแต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์บีบคั้นบังคับเช่นนี้ แมทเทียสเกลียดเธอไม่พอแม่ของเขาที่สร้างเรื่องให้เธอต้องกลายเป็นที่เกลียดชังของคนรักยังคอยจ้องทับถมและหาทางก่นว่าสารพัด ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอต้องพบอะไรอีกบ้างและมันจะหนักหน่วงแค่ไหนทว่าเธอต้องทนอยู่ได้เพื่อลูก
“ไปหาคุณย่าซีลูก ไปสวัสดีท่าน”
แมทเทียสหันมาบอกเด็กแฝดทั้งสองที่หันมองมารดาแต่ก็เดินไปหาแอเรียลล่าด้วยควมไร้เดียงสาและเมื่อได้เห็นหนูน้อยชัด ๆ ในระยะใกล้ชิดหัวใจของนางหงส์ที่แสนเย่อหยิ่งกลับอ่อนยวบหากใบหน้ายังสำแดงความเรียบเฉยราวกับไม่ยินดียินร้าย
“คุงย่า...สวัสดีคะ”
“คุงย่า...สวัสดีฮับ”
ลักษมีและลักษณ์ยกมือพุ่มไหว้ ลักษมีนั้นย่อตัวลงส่วนลักษณ์ยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวกับแอเรียลล่าที่มองด้วยแววตาอาบด้วยประกายเต็มตื้น ใช่...มันยิ่งกว่าเต็มตื้น บ้านหลังใหญ่แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กมานานมากแล้ว และสำหรับเธอนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับการเป็นคุณย่าของหนูน้อยแฝดชายหญิงที่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หัวใจดวงนั้นไหวยวบลงเสียหลายครั้งกับรอยยิ้มไร้เดียงสา คาลิสต้าเหลือบมองสองย่าหลานแล้วแอบยิ้มเมื่อเห็นแววตาของแอเรียลล่าที่อ่อนลงเล็กน้อยก่อนถามึ้นว่า
“เอ้อ...ชื่ออะไรล่ะพวกเราน่ะ”
“ปุ๊บปั๊บค่ะ”
“ปุนต์ฮับ”
“อะ...อะไรนะ” แอเรียลล่านิ่วหน้าเมื่อเด็กทั้งสองบอกชื่อ “ปุบ...ปับ...ปุนต์...อะไรน่ะ ชื่อเรียกยากมากเลย อะไรก็ไม่รู้”
“ก็ปุ๊บปั๊บไงคะ…ปุ๊บปั๊บ”
“ปุบ...ปับ...โอ...ฉันไม่ชอบชื่อนี้เลย เรียกยากมาก ๆ ย่าจะเรียกหนูว่าลีอาก็แล้วกัน ส่วนหลานชายของย่าก็จะเรียกว่า คาลิน”
“คุงแม่เรียกหนูว่า...ปุ๊บปั๊บ”
ลักษมียังยืนยันไม่เหมือนลักษณ์ที่รับฟังคุณย่าตาปริบๆ และยังยิ้มกว้าง แอเรียลล่านึกเอ็นดูจนแทบอยากดึงตัวหนูน้อยทั้งสองมากอดแต่ทิฐิทำให้ยังสงวนท่าทีไม่ยอมเปลี่ยน
“หนูมาอยู่ที่นี่ต้องมีชื่ออย่างคนที่นี่...ย่าจะเรียกหนูว่าลีอากับ คาลิน...และหนูต้องเรียกย่าว่า...อิยาย่า...หืมม์...พูดตามสิ...อิยาย่า”
“อิยาย่า...ทำมายไม่ให้เรียกคุงย่า ปุ๊บปั๊บเรียกคุงยาย...ว่าคุงยาย”
“แต่นี่ย่า...ต้องเรียกอิยาย่า...อิยาย่าเป็นแม่ของพ่อ”
“ค่อยสอนลีอาก็ได้ครับแม่ แกยังเล็กมากอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ”
แมทเทียสแทรกขึ้นเมื่อเห็นย่าหลานคุยกันอยู่นานและนี่คือบรรยากาศใหม่ภายในคฤหาสน์คอสแทนทิโนที่ไม่มีเด็กเล็ก ๆ ส่งเสียงแจ๋ว ๆ มานานมากแล้ว ลักษณ์นารามองท่าทีของแอเรียลล่าแล้วรู้สึกว่าชีวิตของลูกทั้งสองคนกำลังจะเปลี่ยนไป จากที่เคยอยู่กับเธอที่เมืองไทยบัดนี้ทั้งลักษมีและลักษณ์ต้องมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบใหม่ ชีวิตแบบชาวยุโรปและเธอรู้ดีว่าวัฒนธรรมของที่นี่จะกลืนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเด็กตัวน้อยและเหนืออื่นใด ลูก กำลังถูกพรากให้ไกลห่างจากเธอไปทุกทีแล้ว