14

1212 คำ
14 ตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น ญาตาวีเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในอาณาเขตของบ้านสุวรรณเจริญด้วยความร้อนใจ ความเป็นห่วงมารดายิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ระหว่างทางที่เดินไปบ้านหลังเล็กที่อยู่ด้านหลังบ้านหลังใหญ่ สมองของเธอคิดไปต่างๆ นานา เธอกลัวว่ารณชัยจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะดูแลผกากรองในช่วงที่เธอต้องไปเป็นนางบำเรอให้ราชสีห์ ด้วยความเป็นห่วงมารดา ญาตาวีจึงตัดสินใจเดินทางมาดูให้เห็นกับตาว่าผู้เป็นพ่อทำตามสัตย์ที่ให้ไว้หรือไม่ ปกติแล้วญาตาวีจะดูแลเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ของมารดาตั้งแต่เช้า เริ่มจากทำอาหารง่ายๆ รับประทานกันสองคนแม่ลูก จากนั้นก็จะเริ่มทำกิจวัตรประจำวัน ซักผ้า ทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วสองแม่ลูกก็จะมานั่งร้อยสร้อยคอ สร้อยข้อมือและสร้อยเท้าหรือไม่ก็พวงกุญแจที่ทำมาจากลูกปัดหลายสีหรือหินสวยๆ ตามแต่ที่ได้รับงานจากผู้ว่าจ้าง ร้อยสร้อยหนึ่งเส้นเท่ากับได้เงิน 7 บาท แม้ว่ารายได้จะน้อยนิดแต่สำหรับญาตาวี เงินจำนวนนี้คือความฝันของตนเอง ความฝันที่จะปลดเปลื้องอิสรภาพของมารดาจากบิดาบังเกิดเกล้า หลังอาหารเที่ยงญาตาวีก็จะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ไปทำงานพาร์ทไทม์รายชั่วโมงๆ ละ 50 บาททำวันละ 4 ชั่วโมงเพราะญาตาวีต้องรีบกลับมาดูแลมารดาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากนัก และวันนี้ญาตาวีทำหน้าที่ลูกได้ขาดตกบกพร่องกว่าวันก่อนๆ เพราะแทนที่เธอจะมาดูแลผกากรองตั้งแต่เช้ากลับมาในช่วงบ่าย หากจะพูดถึงสาเหตุที่แท้จริงก็คงเป็นเพราะราชสีห์ ชายหนุ่มมักมากในกามารมณ์ เขาตักตวงความสุขจากร่างกายของญาตาวีจนเกือบรุ่งสางและพอเสร็จหน้าที่นางบำเรอ ญาตาวีก็หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลียทันที หลังจากที่ตื่นนอนตอนสิบโมง ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือ ปวดเนื้อเมื่อยตัวไปทุกสัดส่วน จนแทบจะขยับตัวไม่ได้ แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้นเพราะหน้าที่ลูกมันติดอยู่กับตัวเธอตลอดเวลา หญิงสาวใช้สายน้ำชำระล้างความอ่อนเพลียและคาวราคีที่ติดตัว แต่ดูเหมือนว่าสายน้ำเย็นๆ จะชะล้างได้เพียงความเหนื่อยอ่อนเท่านั้น ส่วนคาวราคีคงติดตัวเธอไปตลอดชีวิต หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินลงมาชั้นล่างขอยาแก้ปวดจากจิ้ม สาวใช้ประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่ยังคงหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็เดินทางมาหาผกากรอง “แม่คะ” ญาตาวีเรียกมารดาที่กำลังนั่งดูทีวี เมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้าน “แม่กินข้าวหรือยัง ตาซื้อข้าวผัดกุ้งมาให้แม่ด้วยค่ะ” ผู้เป็นลูกวางถุงใส่อาหารข้างร่างของผกากรองที่ส่งยิ้มให้คนถามแต่ไม่ปริปากตอบ ซึ่งญาตาวีพอจะรู้คำตอบนั้นว่าคืออะไร เธอถึงกับน้ำตาล่วงเมื่อรู้ว่ามารดายังไม่ได้ทานอาหารตั้งแต่เช้า หากวันนี้เธอไม่มาเข้ามา มารดาก็คงต้องอดข้าว นึกแล้วก็รู้สึกโกรธรณชัยที่ไม่ทำตามสัญญาเป็นอย่างมาก “ตาขอโทษที่มาช้า ตาขอโทษนะคะแม่” ญาตาวีกล่าวคำขอโทษพร้อมกับกราบลงบนตักของมารดาด้วยความสำนึกผิด “ไม่เป็นไรลูก แม่กินขนมปังไปแล้ว ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” นางไม่คิดโกรธลูกสาว ตรงกันข้ามกลับรักมากกว่าชีวิตของตนเองและรู้สึกสงสารกับเรื่องที่ญาตาวีจำต้องทำ “ตาเป็นไงบ้างลูก เขาดีกับตา อ่อนโยนกับตาของแม่หรือเปล่า” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว กลัวว่าจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับตน ผกากรองจึงเอ่ยถามญาตาวีตรงๆ ก่อนจะสำรวจมองไปตามร่างกายของญาตาวี จนมาสะดุดเห็นรอยจ้ำแดงบางๆ ตรงลำคอของลูกสาว คนถูกถามยิ้มทั้งที่ในใจขมขื่นอย่างหนัก แต่ทว่าเธอจะแสดงออกให้มารดาเห็นไม่ได้ “คุณสิงห์ดีกับตาค่ะแม่ ดีมากๆ เลยค่ะ” เธอตอบตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เพื่อให้ผกากรองสบายใจ “ตาว่าเดี๋ยวเราค่อยคุยกันดีกว่านะคะ แม่กินข้าวก่อนนะคะ ตาจะไปเอาจานมาใส่ข้าวให้แม่นะคะ” ญาตาวีตัดบทสนทนาชั่วคราว รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว หยิบจานชามมาอย่างละหนึ่งใบ ก่อนจะเดินกลับมาหาผกากรอง จัดการเทข้าวผัดกุ้งใส่จาน ส่วนต้มจืดก็เทใส่ชาม “แม่กินข้าวก่อนนะคะ” ญาตาวีเลื่อนจานอาหารไปตรงหน้ามารดา พร้อมกับรินน้ำใส่แก้วไปวางใกล้ๆ “ตาไปซักผ้า ทำงานบ้านก่อนนะคะแม่ แล้วตาจะมาคุยด้วย” ญาตาวีลุกขึ้นไปทำหน้าที่ที่เธอทำมาตลอดหลายปี แต่เธอก็เต็มใจที่จะเหนื่อยเพื่อมารดาอันเป็นที่รัก หญิงสาวทำกิจวัตรประจำวันเสร็จสิ้นในเวลาชั่วโมงเศษ ก่อนจะกลับมาเก็บจานข้าวที่มารดาทานเสร็จไปล้าง แล้วกลับมานั่งนวดขาให้ผกากรองเมื่อทำทุกอย่างแล้วเสร็จ “ตา” เสียงอ่อนโยนของผกากรองเรียกชื่อลูกสาว “คะแม่” คนถูกเรียนขานรับเสียงหวาน “ตามาหาแม่ คุณสิงห์ไม่ว่าเหรอลูก” มือเล็กที่กำลังนวดขาให้ผกากรองชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มนวดใหม่ “ไม่ว่าหรอกค่ะแม่ ตาขออนุญาตคุณสิงห์แล้วค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ญาตาวีตอบความเท็จเพื่อให้มารดาสบายใจ “ดีแล้วลูก ไปไหนมาไหนก็ขออนุญาตเขาก่อน ตาเป็นผู้อาศัยไม่ใช่เจ้าของบ้าน อีกอย่างถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมาไปฟ้องคุณพ่อ ตาจะเจ็บตัวนะลูก” ผกากรองกล่าวเตือนด้วยความหวังดี แล้วที่นางพูดว่า ตาจะเจ็บตัว ไม่ใช่ว่าจะเจ็บตัวเพราะถูกราชสีห์ทำร้าย แต่จะเจ็บตัวจากเงื้อมมือของพ่อบังเกิดเกล้าต่างหาก นางกลัวว่าหากราชสีห์ไม่พอใจที่ญาตาวีไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าว เขาอาจจะไปบอกรณชัยและรณชัยก็ต้องมาทำร้ายญาตาวีเหมือนกับทุกครั้งที่ไม่พอใจ ลำพังตัวนางเจ็บตัวเป็นเรื่องปกติและชาชิน แต่นางทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวถูกทำร้าย โดยที่นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้ มันเป็นความเจ็บปวดที่ผกากรองต้องแบกรับมาตั้งแต่ญาตาวีเกิด คำพูดของมารดาไม่ได้ทำให้ญาตาวีเป็นกังวล เนื่องจากผกากรองเป็นบุคคลที่เหนือข้อตกลงทั้งหลายทั้งปวง เธอยอมเจ็บตัวไม่ว่าจากราชสีห์หรือรณชัย ขอเพียงตนเองได้มาดูแลมารดาแค่นั้นเป็นพอ อีกทั้งญาตาวีก็คิดว่า ตนเองทำหน้าที่นางบำเรอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ขัดใจ ไม่แข็งขืน แบกรับทุกอารมณ์ที่เขาสาดใส่ ในเมื่อเธอทำหน้าที่นางบำเรอได้อย่างดีเยี่ยมหน้าที่ลูกเธอก็ต้องทำให้ได้ดีเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม