"มานี่เลย! แล้วหุบปากเงียบด้วยนะไม่งั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของเธอแน่"
หนูนิดกำลังจะเดินขึ้นห้องไปพักผ่อนหลังจากที่เก็บของและส่งคุณย่าเข้านอนชั้นหนึ่งเสร็จแล้ว พอเดินขึ้นมาชั้นสองก็โดนมือปริศนาที่ไหนไม่รู้ลากเข้ามาในห้องของเธออย่างเร็ว ตอนแรกเธอก็แอบตกใจคิดว่าเป็นขโมย แต่พอได้ยินเสียงและได้กลิ่นน้ำหอมของเขาจางๆก็รู้ได้ทันทีว่าคือใคร
พอเข้ามาในห้องได้แล้วชายหนุ่มก็จัดการล็อกประตูให้แน่นหนาเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาขัดจังหวะเขาได้อีก
"เธอไปทำเสน่ห์ใส่คุณย่าและคุณแม่ของฉันใช่ไหม หรือเธอไปพูดอะไรทำไมคุณย่าถึงอยากให้ฉันแต่งงานกับเธอขนาดนั้น"
"หนูนิดไม่ได้ไปพูดอะไรเลยนะคะพี่นนท์ แล้วอีกอย่างหนูนิดก็ไม่ได้ทำเสน่ห์ใส่ใครด้วย"
"ไม่จริงเธอมันแม่มดชัดๆไม่งั้นทุกคนจะหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นไม่ว่าเธอจะพูดอะไรคุณย่ากับคุณแม่ของฉันก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยหมด "
"พี่นนท์อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะค่ะ หนูนิดไม่อยากจะเถียงเดี๋ยวพี่นนท์ก็หาเรื่องมาว่าให้หนูนิดอีกเหมือนเดิม"
"ไม่ต้องมาพูดจาเหมือนฉันใจร้ายกับเธอเลยแล้วก็ฉันไม่มีน้องสาวฉันเป็นลูกคนเดียว อย่ามาเรียกฉันว่าพี่เธอมันก็แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงไม่แม้จะมีสิทธิ์มานับญาติกับฉันจำใส่หัวเธอเอาไว้"
"ค่ะ..หนูนิดจะจำเอาไว้"
"อ๋อแล้วก็ทำเอาไว้อีกอย่างนะว่าที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสอะไรในตัวเธอทั้งนั้น แต่ถึงแม้ฉันจะแต่งงานกับเธอแค่ในนามระหว่างที่ฉันไม่อยู่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคบหรือไปคุยกับผู้ชายคนอื่นทั้งนั้น เพราะเธอยังเกาะทะเบียนสมรสของฉันอยู่ถ้าอดใจไม่ไหวก็ช่วยตัวเองไปก่อน และก็รอฉันกลับมาก่อนฉันจะกลับมาหย่าให้เธอทีนี้เธอจะไปมั่วไปร่านกับใครที่ไหนก็ไปเข้าใจที่ฉันพูดไหมหนูนิด"
"ค่ะ"
หญิงสาวตอบรับคำที่เขาพูดให้เธออย่างเสียไม่ได้ ช่วยไม่อยากจะต่อปากต่อคำเพราะยังไงเธอก็แพ้เขาอยู่ดี
"ดี! เข้าใจง่ายๆแบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย "
พูดจบชายหนุ่มก็ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาใกล้หวังจะหอมแก้มนิ่มๆนั้นอีกสักครั้ง เขาเป็นอะไรไม่รู้ตั้งแต่วันนั้นกลิ่นของเด็กสาวก็ติดอยู่ที่จมูกเขาตลอด กลิ่นแป้งเด็กหอมผสมกับกลิ่นตัวของเธอแล้วมันทำให้เขาร้อนรุ่มแทบทนไม่ไหว นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับเธอและอยากหนีไปให้ไกล เผื่อกลิ่นหอมของเธอจะจางไปได้บ้าง
"อุ้ย! พะ..เอ่อคุณนนท์จะทำอะไรคะ" หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจ
"อยู่นิ่งๆ อย่าขัดใจฉัน"
พอสั่งแถมบังคับเธอเสร็จคนเอาแต่ใจก็ก้มลงหอมแก้มนวลอย่างหลงใหล จมูกโด่งค่อยๆ คลอเคลียแก้มนุ่มลงมาที่ลำคอระหงอยู่แบบนั้นเป็นนานสองนานจนหญิงสาวทนแรงจักจี้ไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ จนชายหนุ่มเองได้สติขึ้นมา
เขากำลังทำอะไรอยู่กับเด็กที่เขาบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนากัน นี่อย่าบอกนะว่าเขาหลงเสน่ห์เธอแล้วอีกคน พอคิดได้ดังนั้นณนนท์ก็ผลักหนูนิดออกจนล้มไปที่เตียงอย่างแรง
"โอ๊ย"
หญิงสาวเองก็ร้องด้วยความเจ็บและจูบถึงแม้จะเป็นเตียงนอนแต่ด้วยแรงเหวี่ยงก็ทำให้เจ็บตัวได้เช่นกัน
"อะ..เอ่อฉัน..ฉัน..ไปล่ะจำที่พูดเอาไว้ด้วย"
ว่าเสร็จชายหนุ่มที่ลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูกก็รีบเดินเร็วออกจากห้องของหญิงสาวไป โดยที่หญิงสาวเองก็มองตามเขาด้วยความงงงวยเช่นกันเมื่อกี้เขายังดีๆอยู่เลย ทำไมอารมณ์ขึ้นๆลงๆง่ายจัง
เมื่อครบกำหนดงานแต่งงานมาถึงญาติพี่น้องและคนที่สนิทนางมาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองที่แต่งงานกันแบบสายฟ้าแลบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามหาสาเหตุความเป็นไปในครั้งนี้อยู่ดี
งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เรียบหรูตามแบบฉบับผู้ดีเก่าของคุณหญิงสมร
"ดิฉันยินดีด้วยนะคะคุณหญิง ทั้งสองแต่งงานกันแบบสายฟ้าแลบดิฉันก็เลยเตรียมของขวัญงานแต่งงานไม่ทันเลยค่ะ"
"ไม่ต้องเตรียมอะไรมาเยอะแยะหรอกค่ะแค่คุณหญิงมาดิฉันก็ดีใจแล้วเชิญตามสบายเลยนะคะ "
คุณหญิงสมรที่ชวนเราบรรดาคุณหญิงและเชื้อพระวงศ์ที่เคยรู้จักมาร่วมงานด้วยเพื่อที่จะประกาศเป็นนัยๆว่าหลานชายของเธอแต่งงานแล้ว และเจ้าสาวก็คือคนๆนี้ถึงแม้ไม่ได้ป่าวประกาศแต่เดี๋ยวพวกคุณหญิงคุณนายก็ไปป่าวประกาศกันในวงสังคมไฮโซอยู่ดี และก็หวังว่าจะไม่มีใครนำลูกสาวหรือหลานสาวมายัดเยียดให้กับหลานชายของเธออีกเหมือนที่ผ่านมา
หลังจากที่งานแต่งผ่านพ้นไป ทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสกันเสร็จแล้วผู้คนในงานก็ต่างทยอยกันกลับ เนื่องจากเจ้าสาวยังอายุน้อยอยู่คุณหญิงสมรจึงเว้นขั้นตอนการส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอเอาไว้ก่อน จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันห้องใครห้องมัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามาเลยค่ะหนูนิดไม่ได้ล็อกประตู"
เธอคิดว่าไม่เป็นคุณหญิงแม่ก็คุณหญิงย่าที่มาเคาะประตูเรียกเธอจึงไม่ได้สนใจอะไร พร้อมกับยืนถอดชุดงานแต่ที่ค่อนข้างถอดยากมาก
"ขอโทษนะคะพอดีว่าหนูนิดกำลังเปลี่ยนชุดอยู่เลยไม่ได้ไปเปิดประตูให้คุณแม่ค่ะ "
เพราะปกติแล้วคุณหญิงสมรจะไม่ค่อยขึ้นมาชั้นบนเพื่อตามเธอเองเนื่องด้วยอายุท่านมากแล้วจึงเดินขึ้นชั้น 2 ไม่สะดวกจะเป็นคนสุดารัตน์เสียมากกว่าที่ขึ้นมาตามเธอข้างบนแบบนี้
"คุณแม่ช่วยรูดซิปข้างหลังให้หนูนิดได้ไหมคะหนูนิดพยายามแล้วมันเอื้อมไม่ถึงจริงๆค่ะ "
หญิงสาวตะโกนบอกโดยไม่ได้หันกลับไปมองบุคคลที่เข้ามาในห้องเลยยังเข้าใจว่าเป็นบุคคลที่เธอเอ่ยขอให้ช่วยอยู่
จนร่างสูงเดินมาประชิดข้างหลังแล้วค่อยๆรูดซิปเธอลงอย่างช้าๆจนเธอเองก็สะดุ้งเช่นกันที่เห็นเงาเขาในกระจกสะท้อนแววตาที่ต่างออกไปจากเดิม
"ขอโทษค่ะ หนูนิดคิดว่าเป็นคุณแม่คุณนนท์ไม่ต้องช่วยหนูนิดก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูนิดทำเองค่ะ"
"ยืนอยู่นิ่งๆฉันจะช่วยถอดชุดให้เธอเอง อย่าลืมสิว่าเธอเป็นเมียฉันแล้ว"
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับพยายามรูดซิปข้างหลังของเธอลงอย่างช้าๆจนมันลงไปถึงเอวเล็กคอดของเธอ แต่ด้วยความที่เธอตกใจจึงไม่ได้จับชุดเอาไว้ทำให้ชุดแต่งงานที่เป็นแบบเกาะอกหลุดลงจนแทบคว้าไม่ทัน
"อุ้ย! "
น่าขายหน้าจริงเลยเราหนูนิดได้แต่คิดและมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเธอด้วยใบหน้าแดงก่ำไม่ใช่สิตอนนี้เธอแดงลามไปทั้งตัวแล้ว
"ฉันไม่อยู่เธอก็จำคำพูดของตัวเองที่รับปากฉันเอาไว้วันนั้นให้ดีด้วย ฉันจะกลับมาทวงถามเธออีกครั้ง"
ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่สักพักโดยไม่พูดไม่จาอะไร อยู่ดีๆก็พูดถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาและย้ำกับเธอด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยไม่สามารถเดาอารมณ์และสิ่งที่คิดได้ในตอนนี้ พอพูดจบก็จ้องมองเธอเพื่อรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แล้วก็เป็นเธอเองที่รู้สึกอึดอัดใจกับท่าทีนี้ของเขา
"ค่ะหนูนิดจะจำเอาไว้ให้ดี"
เมื่อได้ยิ่งคำพูดของเธอและณนนท์ก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยสายตาที่อาลัยรัก เพราะรู้ว่าเขาจะต้องไปในที่ๆแสนไกลจากการมองเห็นของเธอมากและไม่รู้จะกลับมาเจอกันอีกตอนไหน