เมื่อไม่มีทางเลือก จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ แต่ไปส่งให้ถึงที่หมายที่ควรจะไปอย่างปลอดภัยเธอก็ไม่โอเค สุดท้ายสิ่งที่ผมทำได้ ก็คือการพาเธอมายังที่ที่เธอต้องการ
แต่เปลี่ยนจากการไปนั่งอยู่ภายในร้านเหล้าที่ใครหลายคนเรียกว่าผับ โดยการพามานั่งที่ร้านนั่งชิวแทน แม้จะไม่แตกต่างจากการเข้าร้านเหล้า แต่อย่างน้อยๆ ในสายตาผมมันก็โอเคกว่า และอาจจะปลอดภัยกว่ากลับไปที่ร้านเหล้าแบบเดิม
"เบาได้เบา" ผมเตือนอีกครั้ง เมื่อเธอยกแก้วจรดริมฝีปาก แล้วกระดกมันลงคออย่างกับกำลังกินน้ำเปล่า
"พี่ ถามหน่อยดิ" เธอเอ่ย โดยไม่คิดที่จะวางแก้วที่อยู่ในมือ
"อะไร"
"วันนี้ที่ฉันเห็นพี่ พี่ไปสารภาพรักกับผู้หญิงนี่นา" ผมหันหน้าหนี เอาจริง ยัยนี่จะเห็นหรือไม่เห็นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก แต่ประเด็นที่สำคัญ คือการกลับไปพูดถึงเรื่องนั้นอีกต่างหากล่ะ
"ฉันรู้จักผู้หญิงที่พี่ชอบด้วยนะ พี่หมวยลี่ เขาสวยดีนะ เรียนเก่งมาก น่ารัก เรียบร้อย หวานๆ สเปคพี่แบบนั้นเลยใช่ไหมล่ะ"
"ไร้สาระ อย่าบอกนะ ว่าเธอคออ่อน กินไม่กี่แก้วแล้วเมา ฉันเอาเธอไปส่งไม่ถูกนะบอกก่อน"
"ฉันพักที่คอนโด xxxx ห้อง xxxx ถ้าฉันเมา ถ้าฉันไม่มีสติ พี่พาฉันกลับไปส่งด้วยนะ"
"แบบนี้ก็ได้หรือไง เราพึ่งรู้จักกันเลยนะ อะไรที่ทำให้เธอไว้ใจฉันถึงขนาดนั้น" ผมพูดจริงนะ การที่เธอบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่เธอพักอยู่ ให้กับคนที่พึ่งรู้จักกันแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลยสักนิด
"พี่เป็นคนดี ฉันดูออกว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษ"
"เบาได้เบา การคิดไปเอง ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรทำ" เป็นผมที่ยกแก้วเบียร์จรดริมฝีปากบ้าง พูดถึงเรื่องของผม อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดจากความผิดหวัง มันก็พุ่งขึ้นมาเลย
"ฉันรู้ ว่าพี่หมวยลี่เขามีแฟนแล้ว แฟนเขาเรียนจบแล้ว มีงานทำแล้ว หล่อระเบิดไปเลย"
"..."
"แต่ฉันว่านะ หล่อๆ แบบพี่ ถ้าพี่หมวยเธอไม่มีแฟน เธอก็อาจจะมองพี่ขึ้นมาก็ได้"
"..." ยัยนี่กำลังพูดให้ผมมีความหวัง
"แต่ก็อย่างว่าละนะ แฟนพี่หมวยเพอร์เฟคสุด คงไม่เลิกกันแล้วมาเอาพี่หรอก"
แล้วเธอก็ดับความหวังของผมทันที ยัยบ้านี่ รู้แบบนี้ ไม่น่าหวังดีพาออกมาจากที่นั่นเลย
ผมชักสีหน้าออกมาอย่างหงุดหงิด พลางกระดกเหล้าจากแก้วถี่ขึ้น คอนโดของยัยนี่ที่เธอพึ่งจะบอกออกมา มันก็ไม่ได้ห่างจากที่นี่สักเท่าไหร่ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคิดมากตอนไปส่ง
เวลาผ่านไป
ยัยนี่ยังคงดื่มต่อ และพร่ำเพ้อไม่ได้ต่างจากสไตล์ของคนอกหัก ร้องไห้บ้าง ด่าบ้าง หลายอารมณ์รวมๆ กัน จนตัวผมเองก็ตามไม่ทัน ใจจริงผมยังอยากให้เธอโทรตตามเพื่อนให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะ มันปลอดภัย และดีกว่า ผมเองพูดเรื่องนี้ออกมาหลายครั้ง แต่เธอก็ยืนยัน ว่าไม่ต้องการเป็นภาระเพื่อน แต่ไม่คิดเลยสักนิด ว่าเธอเป็นภาระของผมอยู่ ทั้งที่เรา ไม่ได้รู้จักกันเลย
"ขอโทษนะคะ รับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ พอดีว่า ตอนนี้ทางร้านกำลังจะปิดระบบ ร้านจะปิดแล้วค่ะ" ผมเหลือบตามองเวลาเพียงนิด มันก็จริง ได้เวลาที่ร้านเขาจะปิดแล้วจริงๆ
"อยู่ต่ออีกสักหน่อยได้ไหมคะ"
"เธอ" ผมรีบปรามเมื่อเห็นเธอร้องขอออกไปแบบนั้น
"นะคะ ขออยู่ต่ออีกสักนิดได้ไหมคะ เดี๋ยวรีบกิน จะได้รีบหลับไปเลย" ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะรีบบอกออกไป
"เช็คบิลได้เลยครับ"
"นี่ ไม่เอานะ" เธอรีบส่ายหน้า แต่ผมจำเป็นต้องฟังไหมล่ะ
"เช็คบิลครับ!"
"ไม่ค่ะ ฉันยังไม่กลับ เช็คบิลตอนนี้ฉันไม่จ่ายนะ"
"เหอะ" ผมส่งเสียงในลำคอเบาๆ กระเป๋าตังค์ก็ไม่มีมา ถ้าว่าจะโอนจ่าย โทรศัพท์ก็ไม่มีไหม แล้วเธอจะเอาอะไรมาจ่ายวะ
"เช็คบิลครับ" ผมยืนยัน พลางล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา
"ถ้าอย่างนั้นขอเพิ่มอีกหกขวดค่ะ เอามาเพิ่ม แล้วเช็คบิลได้เลย ...ส่วนพี่ กลับไปได้เลย" เธอเอ่ยปากไล่ พลางพิงร่างกับพนักเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ
หมดประโยชน์แล้วเอ่ยปากไล่ ยัยนี่นี่มันสุดๆ ไปเลย
แล้วคิดว่าผมขัดได้ไหม พนักงานเดินออกไป ผมจึงต้องนั่งรอจ่ายเงินอย่างไม่มีทางเลือก
"ถ้าคิดว่าสามารถกลับเองได้ อยากจะอยู่ต่อ ก็ตามใจเธอ"
ผมบอกจริงจัง แต่เหมือนคนฟังจะไม่สน ถ้าอย่างนั้นก็เอาเถอะ แล้วแต่เธอเลย
ผมปรายตามองขวดเบียร์ที่ถูกนำมาเพิ่ม พลางมองอีกคนที่ยิ้มกว้างด้วยความพออกพอใจ มือเรียวเลื่อนมาคว้าแก้วเครื่องดื่มของตัวเอง ก่อนที่จะนำมันมาจรดที่ริมฝีปาก แล้วกระดกผ่านลำคอลงไป
พูดในฐานะที่เป็นผู้ชาย พูดในฐานะที่เคยคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาก่อน เชื่อเถอะ อีกไม่นาน และไม่หมดหกขวดที่เธอสั่งเพิ่มด้วยซ้ำ ยัยนี่พับคาที่อย่างแน่นอน แล้วผมควรปล่อยไว้แบบนี้ปะวะ ดูสายตาที่ใครหลายคนมองยัยนี่ ยัยนี่จะปลอดภัยและกลับถึงห้องด้วยตัวเองได้หรือเปล่า
ถ้ากลับได้ ถ้าเธอปลอดภัยทุกอย่างก็คงโอเค
แต่ ถ้าไม่ล่ะ ถ้ายัยนี่เมาคอพับอยู่ที่นี่ แล้วมีคนไม่หวังดี คนเห็นแก่ตัวทำอะไรแย่ๆ ลงไป มันจะเป็นแบบไหน ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่จะดีเยี่ยมสักแค่ไหน ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเอาตัวรอดยังไง
ให้ตายสิ ผมไม่ได้รู้จักยัยนี่เลยนะ แล้วทำไมผมถึงต้องมาลำบาก ต้องมาห่วง เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงเพศแม่ด้วยวะ
มันทำให้ผมไม่กล้ากลับ ไม่กล้าทิ้งยัยนี่ไว้ แม่งเอ้ย หาเหาใส่หัวแล้วไอ้หลาม!
แต่เอาเถอะ ไหนๆ ผมก็ช่วยมาแล้วนี่หว่า ช่วยจนสุด คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ถือว่าชาติที่แล้ว เคยทำเวรทำกรรมร่วมกันเอาไว้ก็แล้วกัน
.
.
.
"ไปไหน ฉันยังไม่อยากกลับเลยนะ ก็บอกให้พี่กลับไปก่อนไง"
"ร้านปิด เธอจะไปนั่งต่อได้ไง"
"แต่เบียร์ยังไม่หมดเลยนะ อีกอย่าง ฉันยังมีสติ ฉันยังไม่เมา ฉันยังรู้สึกเจ็บใจอยู่เลยนะ"
"เธอเมา แต่เธอแค่ยังไม่น็อคเท่านั้นเอง เอาเป็นว่า ถ้าเธออยากเมาให้พับ ให้หลับกลางอากาศ เพื่อที่จะได้ลืมแฟนของเธอล่ะก็ เธอกลับไปดื่มต่อที่ห้องของเธอก็แล้วกัน ฉันเองก็จะกลับ ไม่มีเวลาที่จะมานั่งเฝ้าเธอทั้งคืน!"
ผมยืนยันในสิ่งที่คิด แล้วลงมือทำในสิ่งที่พูด คือการพาผู้หญิงคนนี้กลับไปที่รถ และขับไปส่ง ที่คอนโดมิเนียมของเธอ
สิบนาทีต่อจากนั้น
"กลับขึ้นห้องเองไหวใช่ไหม" ผมเอ่ยปากถาม เมื่อรถยนต์ส่วนตัวเลื่อนเข้ามาจอดที่คอนโดมิเนียมหรู
"ช่างเถอะ ไม่ไหวใครเห็นก็ค่อยช่วยแล้วกัน"
แบบนี้ก็ได้เหรอวะ ผมชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด นึกสภาพผมในตอนนี้ ที่ยังหัวเสียเพราะว่าใจพัง อยากเมาเหมือนกัน แต่เมาไม่สุดเพราะสำเนียกได้ว่า ยัยนี่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ปะ แบบทุกอย่างมันยังค้างคา ไม่สามารถไปต่อได้ อยากกลับไปดื่มบ้าง อยากเมาบ้าง แต่สลัดยัยนี่ออกไปไม่ได้เหมือนกัน
เอาเถอะหลาม ขั้นตอนสุดท้ายแล้วเว้ย หิ้วขึ้นไปส่ง แล้วมึงจะได้กลับ
ผมลงจากรถบ้าง ก่อนจะสาวเท้าตามยัยนั่นไป
เธอหันมามองผมอย่างงุนงง ในตอนที่ผมแย่งถุงเบียร์มาถือซะเอง
"ไปส่ง" ผมบอกอีกครั้ง และเป็นฝ่ายเดินนำเธอเข้าไป
ห้อง 4203
ยัยนั่นกดพาสเวิร์ดผิดหลายครั้ง จนผมเองชักหวั่นใจ
"ห้องเธอจริงๆ ปะวะ"
แล้วทันทีที่คำถามของผมหลุดออกมา ก็เป็นจังหวะที่เธอใส่พาสเวิร์ดถูกต้องพอดี
"ตาลายนิดหน่อยอะพี่" พูดแค่นั้น เธอก็เดินเข้าห้องไป แล้วเบียร์นี่ล่ะ ทำไมไม่เอาคืนไปวะ มันทำให้ผมก้าวขาเข้าไปในห้องของเธออย่างจำใจ
สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ คือความหอมตามแบบฉบับของผู้หญิง กลิ่นน้ำหอม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นแป้ง กลิ่นเครื่องสำอาง ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันเป็นกลิ่นอะไรบ้าง รู้แค่ว่า มันหอมดี