ความรู้สึกตอนนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน ทั้งเจ็บทั้งแค้นที่สุด หากมีโอกาสหล่อนเอาคืนวัลดัสแน่นอน ภัทร์รวีได้แต่กัดฟันแน่นขณะเดินเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของตนเมื่อเรียกแท็กซี่ให้มาส่งและยืมค่ารถจากลุง รปภ. ที่หน้าคอนโดให้ค่ารถโดยสารก่อนจะขึ้นมาหาเงินลงไปใช้คืนลุงเขาแล้วก็ออกไปข้างนอกอีกครั้ง เมื่อวันนี้ต้องกลับบ้านที่ค่ายทหารไปหาพ่อกับแม่
ภัทร์รวีเกิดและโตในค่ายทหาร ใช้ชีวิตในวัยเด็กมาแบบผู้ชาย เธอใช้เวลาเดินทางมาถึงบ้านพักในค่ายทหารของตัวเองที่อยู่มาแต่เด็ก ซึ่งเหลืออีกสี่ปี พ่อของเธอก็จะเกษียณอายุจากข้าราชการแล้ว และท่านก็จะพาแม่ย้ายไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด พอมาถึงก็เห็นว่าแม่กับพ่อกำลังช่วยกันทำกับข้าวให้ทหารในค่ายที่มาเป็นลูกค้า เพราะที่บ้านเปิดร้านอาหารตามสั่งด้วย และขายในค่ายทหารมาตั้งแต่ที่เธอจำความได้ก็ว่าได้
“เอ้า! จะมาทำไมไม่บอกแม่กับพ่อก่อนแพม” ภวิกาทักถามลูกสาวที่เดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่ะแม่ พ่อ คือวันนี้เบื่อๆ น่ะค่ะเลยกลับมาหาแม่กับพ่อจ่า ว่าแต่มีอะไรให้แพมช่วยไหมคะ” เธอถามแม่แล้วเดินนำกระเป๋าสะพายไปเก็บไว้ที่โต๊ะเก็บเงินของแม่ ก่อนจะเดินไปล้างมือเข้าไปในครัวเพื่อช่วยท่าน
“แล้วที่บ้านคุณท่านไม่มีงานเหรอลูก ปกติวันเสาร์หนูไม่ค่อยได้กลับบ้านนี่ นานๆ จะกลับที” จ่าวิชาญถามลูกสาวพร้อมกับราดผัดคะน้าหมูกรอบที่ผัดเสร็จร้อนๆ ราดข้าวในจานที่ตักเตรียมไว้ และคนเป็นภรรยาก็ตักไข่ดาวที่ทอดไว้ลงไปในจานอีก
“ไปบ้านคุณท่านมาแล้วค่ะ และไม่มีงานอะไรก็เลยกลับมา” เธอบอกความจริงไม่หมดว่าจริงๆ แล้วตนเองถูกเจ้านายโดยตรงที่ทำงานด้วยในตอนนี้อย่างหนุ่มลูกครึ่งวัลดัสนั้นลากบังคับออกมาข้างนอกแล้วปล่อยทิ้งกลางทาง
“โต๊ะไหนคะ เดี๋ยมแพมเอาไปเสิร์ฟให้เองค่ะ” เธอหยิบช้อนส้อมใส่จานแล้วถามคนเป็นแม่ที่กำลังจะยกหยิบเดินไปเสิร์ฟ
“โต๊ะแรกหน้าร้านเลยแพม ขอบใจนะลูก” ภวิกายิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาวคนเดียวของตนที่ถือจานข้าวไปเสิร์ฟลูกค้าแล้วหันมาช่วยสามีทำตามออเดอร์ต่อไปทันที
เฮ้อ!
วัลดัสถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะตั้งแต่เช้าจนตอนนี้สองทุ่ม เขาเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดที่แสนตึงเครียดและแสนยาวนาน วันหยุดก็ไม่ได้หยุด วันพักก็ไม่ได้พัก นี่สินะ อาชีพของหมอที่ต้องดูแลรักษาชีวิตคน ไม่ว่าตัวเองจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะชีวิตของคนทุกคนมีค่าเท่ากัน
“เฮ้! เพิ่งผ่าตัดเสร็จเหรอ” มือใหญ่ของโลเวลวางทาบทับบนไหล่กว้างของคนเป็นน้องที่นั่งถอนหายใจอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดหลังผ่าตัดเสร็จและส่งตัวผู้ป่วยไปที่ห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว
“อือ...เพิ่งเสร็จ แล้วมาทำอะไรที่นี่ไอ้เป้าตรง” เขาถามพี่ชาย เพราะเวลานี้ปกติต้องอยู่บ้านอ้อนเมียเด็กที่บ้าน
“ก็มีเคสด่วนเหมือนกัน กำลังจะกลับแล้วแหละ มึงเถอะ กลับบ้านหรือคอนโด” โลเวลถามน้องชาย
“จะค้างที่แฟลตเนี่ยแหละ ขี้เกียจไปเบียดคนบนบีทีเอส”
คนที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากกว่าขับรถส่วนตัว ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีทางจะขับรถยนต์เอง จะขับเฉพาะตอนกลับไปบ้านหาคุณตาคุณยายเท่านั้น เพราะรถไฟฟ้าไม่ผ่านทาง ถึงจะมีแต่ก็ต้องไปต่อรถแท็กซี่อีกก็เสียเวลาอีก เลยต้องขับรถกลับไปเอง
“อือ...งั้นกูกลับล่ะ คิดถึงเมีย”
“เจอกันทุกวันยังคิดถึง ไปเถอะ นี่ก็จะไปเปลี่ยนชุดกลับแฟลตแล้วอาบน้ำนอนเหมือนกัน ง่วงจะตายชัก”
“ไปล่ะ เจอกันวันจันทร์ อย่าลืมกินข้าวล่ะไอ้เป้าโต”
“ครับผมพี่ชาย...ไปได้แล้ว เมียรอแล้วมั้งตอนนี้”
วัลดัสตอบลากเสียงยาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้จะเป็นแฝดที่หน้าตาเหมือนกัน แต่ทุกคนก็แยกออก เพราะเขาทั้งสองมีทรงผมที่แตกต่างกัน และสไตล์การแต่งตัวก็ต่างกัน แฝดพี่จะแต่งตัวภูมิฐาน ส่วนเขาก็จะแบดบอยหน่อยๆ ส่วนทรงผมก็จะสกินเฮดสั้นเกรียน คิ้วก็ไถแหว่งเล็กน้อย ดูยังไงก็ดูเป็นมาเฟียมากกว่าจะมาเป็นหมอช่วยชีวิตคน แต่บังเอิญว่าเป็นหมอนี่สิเลยไม่ได้เป็นมาเฟีย
แฝดที่มีเพียงหน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยต่างกันคนละขั้วเดินแยกกันไปคนละทาง คนหนึ่งเดินไปยังลิฟต์โดยสาร อีกคนเดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดเพื่อจะเปลี่ยนชุดกลับไปพักผ่อน เพราะวันนี้เหนื่อยเหลือเกิน เคสที่เจอวันนี้หนักกว่าทุกครั้งก็ว่าได้ ดีที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ หากเกิดการผิดพลาดเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองและเสียใจไปตลอดชีวิต และตั้งแต่เป็นหมอมา ไม่เคยมีชีวิตไหนที่จะไม่รอดเมื่ออยู่ในความดูแลของเขา เขาไม่เคยพลาดสักครั้งในการผ่าตัดและวันนี้ก็เช่นกัน แต่คำว่าไม่เคยพลาดก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่พลาด และเขาก็ไม่เคยประมาทกับการทำงานเลยสักครั้ง