ร่างเล็กเพรียวระหงเดินเข้ามาในห้องทำงานของท่านรองประธาน แม้จะไม่ชอบ แม้จะเกลียดชังน้ำหน้า แต่ก็ต้องกัดฟันข่มความเกลียดชังไว้ในใจ เพราะต้องทำงานกับคนตัวโตอีกนาน และยิ่งเรื่องวันเสาร์ที่เขาผลักไล่ตนเองลงจากรถยิ่งทำให้เกลียดหนักไปอีก หากไม่ติดว่าคุณท่านทั้งสองขอร้องไว้ ไม่มีทางที่เธอจะมาทนทำงานกับคนโอหังเช่นเขาแน่นอน
“วันนี้คุณวัลดัสมีประชุมกับคณะแพทย์ที่สภานะคะ พอดีคุณโลเวลไม่ว่างไปเลยให้คุณวัลดัสไปแทน”
“กี่โมง”
“บ่ายโมงค่ะ” เมื่อแจ้งเสร็จก็หมุนตัวจะเดินออกไป แต่เสียงทุ้มห้าวกระด้างเย็นชาดังขึ้นรั้งไว้เสียก่อน
“อย่าคิดว่าจะมาแทนที่คุณยายฉันได้ เพราะถ้ามีฉันอยู่ เธอเป็นได้แค่เมียน้อยคุณตาฉันเท่านั้นแหละแพม”
“ค่ะ ฉันก็ไม่คิดไปแทนที่คุณหญิงท่านอยู่แล้ว”
เธอเชิดหน้าตอบกลับ เพราะปฏิเสธไป วัลดัสก็ไม่ฟังอยู่แล้ว เพราะหลายครั้งที่ปฏิเสธ เขาก็ไม่ฟังและเชื่อแต่คำพูดตัวเองและภาพที่เห็น
“ไม่คิดแล้วทำกับท่านทำไม ทั้งๆ ที่ท่านก็อยู่และเห็น แต่เธอก็ยังไม่สนใจ คุณตาฉันอาจจะคิดไม่ทันเธอถึงได้หลงและเชื่อเธอไปทุกอย่าง แต่ฉันไม่ใช่คุณตาหรอกนะ ที่จะเชื่อจะหลงไปกับเธอ” เขามองสำรวจร่างเล็กเพรียวระหงในชุดสูทสากลเข้ารูปที่เหมาะกับบุคลิกของเธอ ก่อนจะคว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเมื่อมีเสียงสั่นเตือนดังขึ้น
“ครับผม” น้ำเสียงทรงเสน่ห์กรอกส่งไปในสายพร้อมกับมุมปากหนายกยิ้มให้กับปลายสาย ส่วนภัทร์รวีก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีเมื่อตอนนี้เขาสนใจสายที่คุยอยู่แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าตอนที่ตัวเองหมุนตัวเดินออกไปนั้น สายตาดุดันคาดโทษของคนเป็นนายจ้องมองแบบไม่ละสายตาจนประตูห้องทำงานปิดสนิท วัลดัสถึงเลิกสนใจคนที่เดินจากไป
วัลดัสกลับมาบ้านในวันอังคารตอนเย็นเพื่อมาทานมื้อเย็นกับคุณยายและคุณตาตามคำเชิญชวนของท่าน แต่ก็ต้องหน้าตึงเมื่อเพื่อนร่วมโต๊ะวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะครอบครัว แต่มีคนนอกอย่างภัทร์รวีมาร่วมรับประทานอาหารด้วย ไม่รู้ทำไมหล่อนถึงมาที่นี่และมาทานข้าวกับครอบครัวตนได้
ภัทร์รวีแทบกลืนข้าวไม่ลงเมื่อเห็นสายตาน่ากลัวของท่านรองประธานของตนเอง แต่ก็ก้มหน้าฝืนตักข้าวทานโดยมีเจ้าของบ้านทั้งสองที่เอ็นดูเธอชวนคุยพร้อมกับตักอาหารให้ วัลดัสมองคุณตาที่ตักกับข้าวเอาใจเลขาของตนอย่างออกนอกหน้า และที่น่าโมโหไปกว่านั้นคือคุณยายของเขาก็สนับสนุนการกระทำของคุณตาไปด้วยจนต้องหยิบแก้วน้ำที่วางใกล้มือขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไปไหนเป้าโต” คุณหญิงถามหลานชายที่ยังไม่ตักข้าวทานสักคำทันทีเมื่อเห็นว่าหลานชายคนเล็กลุกขึ้น ส่วนหลานชายคนโตก็เอาใจแต่ภรรยาและคงลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้ทานข้าวกันสองคน แต่มีคนอื่นอยู่ด้วย
“จะไปอาบน้ำนอนครับคุณยาย” เขาตอบเสียงห้วนๆ
“แล้วอิ่มแล้วเหรอถึงจะไป” ผู้เป็นตาถามหลานชายบ้าง
“ผมทานไม่ลงหรอกครับ เพราะคุณตาเอาใจนางบำเรอออกนอกหน้าขนาดนี้ ผมถามหน่อยเถอะ คุณตาทำกับคุณยายได้ยังไง และไม่อายเด็กรับใช้ในบ้านบ้างเหรอครับที่พาเมียเด็กตัวเองมาทานข้าวเย็นด้วยที่บ้าน” วัลดัสตอบกลับผู้เป็นตาพร้อมใส่อารมณ์โกรธผสมไปในประโยคด้วย
“นี่ยายยังไม่คิดมากเลยนะเป้าโต ทำไมถึงมาคิดมากแทนยาย ดีเสียอีกจะได้มีคนดูแลตาเราแทนยาย เพราะยายก็แก่มากแล้ว อีกอย่างเป็นหนูแพมด้วย ยายยินดีให้มาดูแลตาเรา”
อยากมโนนักนางก็ส่งเสริมความคิดหลานชายไปเลย คิดได้ยังไงกันว่าตาตัวเองกับเลขาของตัวเองทำเรื่องผิดศีลธรรมกัน
“คุณยาย!” วัลดัสกำมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้สายตาของตนจ้องมองไปยังแขกของคุณตาและคุณยายแล้วก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
หึหึ
ผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านได้แต่ขำในลำคอมองหลังหลานชายคนเล็กที่เดินจากไปแล้วหันไปทางแขกของตนที่เชิญมาในวันนี้แล้วก็เอ่ยกับหญิงสาว
“ฉันต้องขอโทษแทนไอ้เป้าโตมันด้วยนะหนูแพม”
“ฉันด้วยนะหนูแพม อย่าไปถือสามันเลย มันก็ปากไม่ดีแบบนี้แหละ” คุณหญิงเอ่ยต่อทันทีที่สามีตัวเองพูดจบความ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ทั้งๆ ที่ในใจนั้นดั่งกองไฟตอนนี้ เธอโกรธเหลือเกินที่วัลดัสดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้
“อย่าไปสนใจคำพูดของมันเลยนะน้องแพม ไอ้เป้าโตมันปากหมาแบบนี้แหละ พูดไม่คิดถึงใจคนฟังหรอก” คนที่สนใจแต่ภรรยาที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นบ้าง
“ขอบคุณนะคะคุณโลเวล” ภัทร์รวีเอ่ยขอบคุณชายหนุ่ม แปลกนักทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกัน แต่ทำไมนิสัยต่างกัน
“พี่แพมอย่าไปใส่ใจในคำพูดของพี่เป้าโตเลยนะคะ ปกติพี่เขาเป็นคนดีสุภาพบุรุษมากค่ะ” มัญชุสาเอ่ยขึ้นบ้าง
“พี่จะพยายามไม่คิด ไม่ใส่ใจค่ะ เพราะพี่ก็เจอคำพูดถากถางจากคุณวัลดัสทุกวันอยู่แล้ว พี่ชินแล้วค่ะ” ปากบอกแบบนั้น แต่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความแค้น
“อย่าไปพูดถึงคนปากหมาเลย กินข้าวกันต่อเถอะ มัดหมี่ก็ทานเยอะๆ ล่ะ หลานฉันจะได้แข็งแรง” ท้ายประโยคคนหัวโต๊ะเอ่ยกับหลานสะใภ้ของตนเอง
“ค่ะ คุณตา”
มัญชุสารับคำแล้วคนเป็นสามีก็เอาใจทันที ส่วนคุณหญิงที่มองหลานชายเอาใจภรรยาแล้วก็ต้องเบ้ปากหมั่นไส้เล็กน้อยแล้วหันมาขอบคุณสามีที่ตักอาหารเอาใจตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้นางรู้ว่าทำไมสามีถึงตักกับข้าวให้ภัทร์รวี เพราะอยากยั่วต่อมโมโหของหลานชายคนเล็ก