ด้านฝั่งวัลดัสลากภัทร์รวีออกมาก็ยัดขึ้นรถส่วนตัวตัวเองแล้วพาขับออกไปจากบ้านทันที ส่วนคนที่ถูกบังคับก็ได้แต่นั่งหน้าตึงตลอดทางไม่พูดจาอะไร ยิ่งทำให้คนตัวโตโกรธฉุน หงุดหงิด ไม่พอใจและยิ่งคิดถึงความสัมพันธ์ของหล่อนกับคุณตาตัวเองก็ยิ่งโกรธ
“เป็นใบ้รึไง ทำไมไม่พูดไม่ถามว่าจะพาไปไหน”
“ถ้าฉันบอกว่าให้จอดรถ ฉันจะลงจะจอดไหมล่ะ” หล่อนสวนกลับทันควัน
หึหึ
“ก็พูดได้นี่ ไม่จอด”
“นั่นไง แล้วจะให้พูดทำไมล่ะ แล้วคุณเป็นบ้ารึไง ฉันกับคุณท่านไม่มีอะไรกัน ไม่มีใครคิดอกุศลแบบคุณหรอกนะคุณวัลดัส”
“แต่คำพูดกับการกระทำมันไม่เหมือนกันเลยนะเท่าที่ผ่านมา เธอจะมาสวมเขาให้คุณยายฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ยอม และเนี่ยเธอกล้าดียังไงในบ้านของท่านแท้ๆ ท่านออกจะรักเอ็นดูเธอ เธอก็ทำกับท่านได้”
“คุณอ่านนิยาย ดูละครเยอะไปหรือเปล่าคุณวัลดัส”
“ไม่เคยอ่านและไม่ดู แต่ฉันเห็นมากับตา และเนี่ยก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยที่เธอทำแบบนี้ และคุณยายฉันก็รักไว้ใจเธอมากด้วย เธอมันผู้หญิงร่าน!”
เผียะ!
ภัทร์รวีหันมายกมือขึ้นฟาดตบหน้าของคนที่กำลังขับรถทันทีด้วยความฉุนโกรธไม่แพ้กัน หล่อนปล่อยให้เขาดูถูกมามากพอแล้ว และมันพอแล้วกับคำหยาบคายของเขา ซึ่งไม่รู้ตัวเองจะทนทำงานกับคนความคิดต่ำทรามแบบนี้ได้นานเท่าไหร่ ถ้าไม่นึกถึงคุณท่านทั้งสอง เธอลาออกไปทำงานอื่นนานแล้ว แต่เพราะคุณท่านทั้งสองขอร้องไว้ถึงได้ทนกับความเลวปากเสียของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้
วัลดัสรู้สึกเจ็บชาที่หน้าทันที เขากัดกรามแน่นแล้วหมุนพวงมาลัยหักเข้าข้างทางแล้วขึ้นเบรกมือหันมาหาคนที่กล้าดีตบหน้าตัวเอง เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้ แต่ภัทร์รวีคิดว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขากินเงินเดือนของเขาเท่านั้น
กรอด!
เสียงขบกรามดังลอดออกมาทำให้เธอขยับตัวชิดประตูข้างฝั่งที่นั่ง จะออกไปก็ออกไปไม่ได้ เมื่อเขากดล็อกประตูไม่ยอมปลดล็อกให้
“คุณจอดรถทำไม”
“ก็บอกให้จอดนี่” เขาตอบสั้นๆ แล้วยกมือไปตะปบหัวไหล่เล็กที่สั่นเทาพร้อมกับบีบหัวไหล่เล็กเต็มแรงโกรธ
“อือ...เจ็บ!”
เธอกุมมือเขาพร้อมพยายามแกะมือหนาออกจากหัวไหล่ตัวเอง แต่ยิ่งพยายามแกะ เขาก็ยิ่งบีบหัวไหล่เธอแรงขึ้น
“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปกว่าความเจ็บในใจฉันที่เห็นเธอทำกับคุณยายฉัน แพม” มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองออกพร้อมเคลื่อนตัวเข้ามาคร่อมกักเธอไว้กับประตูฝั่งของหล่อน
“คุณจะทำบ้าอะไรของคุณ คุณวัลดัส!” เธอดันหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ออกห่างทั้งๆ ที่เจ็บหัวไหล่ที่เขาบีบ
“เดาดูสิ ไม่น่าจะไม่รู้นะว่าฉันจะทำอะไรกับเธอแพม เธอมันก็ผู้หญิงใช้เรือนร่างหาเงินไม่ใช่เหรอ” เขาเคลื่อนโน้มมาแนบปลายจมูกโด่งกับแก้มนวลที่เจ้าตัวเบี่ยงหน้าหลบหนี และกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบไม่เหมือนใครก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งเพื่อสูดนำกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของภัทร์รวีเข้าปอด ‘หอมเป็นบ้า เมียน้อยคุณตา’ เขาพึมพำในใจแล้วก็หมายจะทำมากกว่านั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นก่อน
“ใครวะ!” วัลดัสรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ผละเคลื่อนตัวกลับไปนั่งปกติ ส่วนภัทร์รวีก็จัดแต่งเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ส่วนเขาก็มองมาทางเธอพร้อมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาล
“ครับ” แม้จะหงุดหงิดที่ปลายสายโทรมารบกวน แต่ก็ต้องรีบรับสาย
“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” และเมื่อรู้ว่าปลายสายโทรมาทำไมก็รีบรับปากแล้วกดตัดสายทันที เพราะมีเคสผ่าตัดสมองด่วนเข้ามา และเคสนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่ดูแลได้
“ลงไป” เขาหันมาสั่งคนที่บังคับออกมาด้วยลงไปจากรถทันที เมื่อตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาล และคำสั่งของเขาก็เล่นเอาหญิงสาวงงเมื่อเขากดปลดล็อกประตูรถให้แล้วสั่งอีกครั้ง
“ลงไป!” วัลดัสเอ่ยไล่เสียงดังกว่าครั้งแรกไม่พอยังยืดตัวไปเปิดดันประตูรถออกแล้วดันภัทร์รวีลงไปจากรถ และด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เธอพลาดตกลงไปกับพื้น โชคดีที่มือเธอเท้ายันพื้นถนนไว้ได้ทันเลยไม่ทำให้หน้าฟุบไปกับถนน ส่วนคนที่ทำก็ทำแค่เพียงมองด้วยสายตาเย็นชาแล้วดึงประตูรถปิดพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วออกตัวรถไปทันที ไม่สนใจว่าคนที่ถูกทิ้งจะกลับยังไงและจะไปยังไง
“คนสารเลว!” ภัทร์รวีได้แต่ลุกขึ้นร้องตะโกนด่าไล่หลังรถยนต์คันหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง