“แม่งเอ้ย!” น้ำเสียงหยาบกระด้างสบถออกมาด้วยความกรุ่นโกรธเมื่อเดินเข้ามาในบ้านพอดีกับจังหวะที่ภัทร์รวี หงส์ฟ้า หรือแพม วัย 27 ปี อดีตเลขาของคุณตา เพราะตอนนี้หล่อนย้ายมาเป็นเลขาของเขาแล้ว เดินออกมาจากห้องหนังสือของคุณตาพอดี พร้อมกับคุณตาที่เดินยิ้มหัวเราะเคียงข้างกันมา
วัลดัส พลกฤต โคลต์ หรือที่คุณตากับคุณยายเขามักเรียกเขาว่า ‘เป้าโต’ วัย 33 ปี ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา เขามีพี่ชายฝาแฝด ซึ่งตอนนี้ก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้วกับเด็กในปกครองของคุณตาและคุณยายอย่างมัญชุสา ปากกับใจคนเราเนี่ยนะไม่ตรงกันตลอด และพี่ชายของเขาก็มาตายน้ำตื้น ตื้นแบบไม่ท่วมแม้แต่หลังเท้าเป็ด จะเปรียบกับหลังเป็ดก็ดูจะเยอะไป คิดแล้วก็น่าขันนัก โลเวล พชร โคลต์ หรือฉายาที่คุณตาและคุณยายเรียกไม่ต่างจากเขาว่า ‘เป้าตรง’ เนี่ยแหละ ผมไม่ใช่ลูกชายคนเดียว ผมมีพี่ชายฝาแฝด แฝดที่แสนดีเหรอ? ก็ไม่นะ ผมต่างหากคนดี และแม่ของเราก็เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลใหญ่อย่างสมบัติไพศาลอนันต์ และแน่นอนธุรกิจที่เป็นที่รู้จักคือโรงพยาบาลเอกชนที่ชื่อว่า DHL Hospital ที่ก่อตั้งโดยคุณตาของเขาอย่างพลตำรวจเอกนายแพทย์อรุณ สมบัติไพศาลอนันต์กับคุณหญิงพลอยภัทรา สมบัติไพศาลอนันต์
คุณตา คุณยายก็มีลูกคนเดียวคือแม่ของเขา ทรัพย์สมบัติมากมายจะยกให้ใครได้ ถ้าไม่ใช่แม่ของพวกเขาทั้งสอง แต่แม่ก็ไปแต่งงานกับชาวต่างชาติที่เป็นพ่อของเขาอย่างมิสเตอร์ดอม รายนั้นก็รวยล้นฟ้า ไม่ใช่อวด แต่รวยจริงๆ คือแม่ก็พื้นฐานมาดี รวยอยู่แล้ว ไปเจอพ่ออีกยิ่งรวยมหาศาลคล้ายนามสกุลคุณตานั่นแหละ อ้อ...แม่ชื่อว่าพลอยเพชร และที่เล่ามาคือครอบครัวของผม และทำไมผมถึงได้มาอยู่เมืองไทยกับโลเวลเหรอ เพราะคุณตาอายุเยอะแล้ว จะว่าไปก็แก่นั่นแหละ แต่พูดดังให้ได้ยินไม่ได้เดี๋ยวงอน เขายังเตะปี๊บดังอยู่นะถึงจะอายุ 76 ปีแล้วก็ตาม ส่วนคุณยายก็ 72 ปี พ่อของเขามิสเตอร์ดอม 58 ปี ส่วนแม่ 54 ปี เล่ามาเยอะ เข้าเรื่องที่ต้องมารับช่วงต่อจากคุณตาบริหารโรงพยาบาลต่อ ผมมารับตำแหน่งรองประธาน ส่วนพี่ชายเป็นประธาน ผมเรียนจบหมอ และเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท แน่นอนผมเป็นหมอที่ค่อนข้างเก่ง มีชื่อเสียงแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ใช่ว่าความสามารถผมจะน้อย ผมเป็นอาจารย์หมอแล้วครับ
ภัทร์รวีมองเห็นวัลดัสตั้งแต่ออกมาแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ และผู้เป็นตาที่เดินเคียงคู่กับเธอมาก็เห็นเหมือนกันและแสร้งทำไม่เห็นหลานชาย แต่กลับทำประชดไปอีกด้วยการโอบเอวเล็กคอดของเด็กสาวที่เดินข้างตนเองผ่านหลานชายไปโดยไม่คิดจะทักทาย
“วันนี้คุณท่านจะให้แพมทำอะไรบ้างคะ” เธอถามเสียงอ่อนหวานกับผู้มีพระคุณ เพราะท่านเป็นเจ้านายของพ่อ พ่อของเธอเป็นแค่จ่าเล็กๆ ในค่ายทหาร และแม่ก็มีอาชีพเป็นแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งในค่ายทหาร โชคดีที่ท่านและคุณหญิงภรรยาของท่านเอ็นดูเธอและเมตตาเธอจึงได้มาทำงานกับท่านตั้งแต่เรียนจบบริหารมา
“ก็พาฉันกับคุณหญิงไปดูของตกแต่งสวนนั่นแหละหนูแพม วันนี้ไม่ไปหาจ่าชาญกับแม่วิเหรอถึงได้แวะมาหาฉันที่บ้านทั้งๆ ที่วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดแท้ๆ” เสียงทุ้มพร่าตามวัยของคนที่แก่แต่อายุเอ่ยถามเด็กสาว แต่ภัทร์รวียังไม่ทันตอบ เสียงทุ้มกระด้างของพ่อหลานตัวดีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“นี่ขนาดในบ้านนะคุณตา คุณยายก็อยู่ คุณตายังทำแบบนี้ และเธอก็เหมือนกันจะมาเป็นเมียน้อยตาฉันทำไม ตาฉันแก่จะลงโลงแล้วยังมาเกาะ” คนที่พูดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธลืมไปเลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นทำให้คนเป็นตาไม่พอใจเช่นกัน
“นี่แกแช่งให้ตาแกตายเหรอไอ้เป้าโต!”
เสียงห้าวตามวัยเอ่ยตอกกลับหลานชายปากหมา! ของตนเอง ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้กัน และดันพูดไทยชัดอีกหลานเขา
“ผมก็แค่พูดไปตามน้ำ ตาออกจะแข็งแรงไม่ตายง่ายหรอก ส่วนหล่อนน่ะไปกับฉัน” ว่าแล้วคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ฉวยโอกาสคว้ามือเล็กของภัทร์รวีดึงลากเดินตามตัวเองออกไปจากบ้านทันที
“อือ...ปล่อยฉันนะคุณวัลดัส” หล่อนดิ้นขืนตัวเองจิกเท้ากับพื้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงของชายหนุ่มลูกครึ่งมีเยอะเหลือเกิน
“ไม่ปล่อย!” เขาหยุดเท้าหันมาตวาดตอบแล้วดึงลากเธอไปต่อ ส่วนคนแก่ก็ได้แต่มองยิ้มขำเอ็นดูหลานชายตัวเองที่มักคิดอกุศล คิดไปได้ยังไง หัวสมองมันมีแค่นี้รึไง
“เสียงดังอะไรกันคะคุณพี่” คุณหญิงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอก
“ก็ไอ้เป้าโตของน้องน่ะสิ หึงแทนคุณหญิง ดูมันคิดอะไรของมันว่าพี่กับหนูแพมเป็นชู้กัน ดูมันคิด สมองมันก็มีนะ ฉลาดแต่มาโง่เรื่องอะไรแบบนี้” อดีตพลตำรวจเอกเอ่ยกับภรรยาแล้วหันมาโอบเอวอวบของภรรยาสุดที่รักเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“นี่ก็นะ เมื่อไหร่จะเป็นฝั่งเป็นฝา ใช้สะโพกไปทั่ว สำส่อนไม่เลือกที่” คุณหญิงเอ่ยกับสามีถึงหลานชายคนเล็ก เพราะตอนนี้โลเวลหลานชายคนโตได้แต่งงานไปแล้ว และกำลังจะมีเหลนให้ด้วย
“ก็รอดูมันต่อไปเนี่ยแหละน้อง แต่เหมือนว่าจะเร็วๆ นี่นะ และหลานสะใภ้คงเป็นหนูแพมแหละ ดูมันสิ ไปๆ มาๆ มันจะตกหลุมความร้ายกาจของมันเอง ดูสิ ปากก็หมาแบบนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะรักมัน ผู้หญิงที่มาติดมันน่ะ ก็เพราะเงินกับความหล่อมันนั่นแหละ ถ้านิสัย...หึ! เลวไม่มีที่ติ เป้าโตมันไม่เหมือนเป้าตรง นั่นยังพอมีดีหน่อย แต่ไอ้เป้าโตนี่สิ เลวบันเทิงศิลป์”
“คุณพี่ก็ช่างเปรียบ” นางอดนึกขำสามีไม่ได้ แล้วยกมือขึ้นลูบผมทรงตีโปร่งของตัวเองที่ลุกขึ้นให้เด็กรับใช้มาทำให้ตั้งแต่ตีห้าทุกวัน
“ก็มันจริง ไอ้เป้าโตน่ะมันร้ายกว่าพี่มันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าแต่เที่ยงนี้มีอะไรทานมั่งจ๊ะที่รัก” ท่านนายพลเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับแม่ยอดรักของตนเอง
“ก็มีบัวลอยไข่หวานเป็นของหวาน และแกงเลียงกุ้งสดที่คุณพี่บ่นอยากกินเมื่อเช้า กับผัดบวบใส่ไข่ และก็มีไก่ผัดขิง”
“อือ...เยอะอยู่นะ เรากินกันสองคนเหรอ”
“อือ...ก็เป้าตรงพามัดหมี่ไปหาหมอแต่เช้าแล้ว”
“อือ...งั้นก็ไปนั่งเล่นจิบน้ำชากันในห้องนั่งเล่นก่อน ตอนนี้พี่ยังไม่หิวเลย” แล้วคนที่แก่แต่อายุก็โอบประคองเอวอวบภรรยาคู่ชีวิตของตัวเองเดินไปพูดคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น