วันเดียวกัน เวลา 21:25 นาฬิกา
เมื่อกี้แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าธุระที่ท่านไปทำกับพ่ออาจต้องใช้เวลาเลยจะกลับพรุ่งนี้สายๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เอาจริงๆ คือผมไม่เคยมีปัญหากับการตัดสินใจของท่านอยู่แล้ว
รวมถึงการที่ท่านก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาใหม่ของพ่อเกล...คนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นผู้หญิงของผม
เคยเป็น...และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
พูดถึงยัยแม่มด จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่กลับบ้าน โทรไปก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่แม้แต่จะอ่าน ไม่รู้ว่าไปสำมะเลเทเมากับเพื่อนอีกหรือเปล่า เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้ว...
ดื้อด้าน น่าหาโซ่มาล่ามไว้จริงๆ
ผมเคี้ยวอมยิ้มจนได้ยินเสียงกรอบแกรบขณะชำเลืองมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ สามทุ่มครึ่งแล้วก็ยังไร้วี่แววว่าเธอจะกลับมา เมื่อก่อนไม่เห็นเสเพลแบบนี้
เธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ แน่นอนว่าผมรู้...รู้ว่าอะไรทำให้เธอกลายเป็นอีกคน
สี่ทุ่ม...ให้เวลาถึงสี่ทุ่ม ถ้ายังไม่กลับมาได้เห็นดีกันแน่
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะนั่งไถโทรศัพท์อยู่บนโซฟาห้องรับแขก ความจริงแล้วเวลาแบบนี้ผมควรไปสุมหัวกับกลุ่มเพื่อนที่แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นร้านนั่งชิลประจำของพวกเรา แต่วันนี้ขี้เกียจนิดหน่อยเลยโทรไปแคนเซิล
เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า กระทั่งสี่ทุ่มหนึ่งนาที...ประตูบ้านก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างผอมเพรียวราวกับนางแบบของพี่สาวนอกไส้ เธออยู่ในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัว แต่ผมกลับมองว่าขนาดมันเล็กไปเมื่อเทียบกับหุ่นของเธอ
ตรงนั้นใหญ่เกิน...กระดุมเสื้อนักศึกษาจะปริอยู่แล้ว
“...” เกลเห็นผมที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนี้เป็นสิ่งแรก แต่ปฏิกิริยาของเธอช่างเฉยชา เพราะใช้เพียงแค่หางตามองแล้วเคลื่อนกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่...
ตุ้บ!
ผมโยนดอกไม้ดอกหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เสียบอยู่ในแจกันเฉียดหน้าเธอไป และนั่นเป็นการรั้งไม่ให้เธอกลับขึ้นห้องเพราะยังมีเรื่องที่เราต้องสะสาง
“กลับดึก” ผมเลิกสนใจทุกอย่างแล้วมองหน้าเธอ “ไปไหนมา”
“...” เกลมองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะหลุบตามองดอกกุหลาบสีแดงสดที่ตกอยู่ข้างเท้าเธอ กระทั่งเธอใช้เท้าข้างนั้นเหยียบมันจนยู่ยี่และแบนราบไปต่อหน้าต่อตา
เธอเคยบอกว่าชอบดอกกุหลาบ แต่ตอนนี้เธอใช้เท้าเหยียบมัน
ผมถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยบอกว่ารักผม แล้วดูตอนนี้...
“ฉันถามเธอ”
“ไม่ใช่ธุระของนาย...”
“...เหรอ” คำพูดนั้นของเกลคล้ายกับจะขาดห้วงเมื่อผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเธอ สิ่งแรกที่ผมทำคือใช้มือข้างหนึ่งผลักเธอติดผนังห้อง
อย่าคิดว่าเธอจะตกใจแล้วมีท่าทีตื่นตระหนกเหมือนผู้หญิงคนอื่น
สำหรับเกล...เธอมักมองว่าการกระทำของผมนั้นไร้ความหมาย
และตอนนี้เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งราวกับมีคำถามว่า ‘จะทำอะไรน่าสมเพชอีกแล้วล่ะสิ?’ ทว่านัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรมา” ผมเค้นเสียง
“ถ้าฉลาดนัก เมื่อกี้จะถามทำไมว่าไปไหนมา” เธอไม่กลัวผมเลยสักนิด “หยุดทำแบบนี้สักที น่าขยะแขยง...อือ!”
คำพูดนั้นดังขึ้นพร้อมกับการที่เกลเหลือบมองมือข้างหนึ่งของผมซึ่งสัมผัสหัวไหล่เธออยู่ ผมรับรู้ได้ว่าเธอพะอืดพะอมมากขนาดไหน
แต่รู้ไหม...คน ‘ปากดี’ จะต้องเจอกับ ‘ปากผม’
รู้ตัวอีกทีริมฝีปากสีแดงสดที่เผยอขึ้นก็ถูกตะโบมเข้าหาด้วยริมฝีปากของผมเอง
ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันรวดเร็วระดับไหน แต่เกลสะอึกด้วยความตกใจตั้งแต่คราวแรกที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ยิ่งกว่านั้น...เสียงที่เหมือนซี่ฟันกระทบกันก็พอจะเป็นคำตอบได้ว่าผมดุดันกับเธอมาก
...มากจนได้กลิ่นเลือดตามมาติดๆ
“อื้อ...”
เกลไม่ได้คราง เธอแค่ดิ้นรนและพยายามเค้นเสียงออกมาเพื่อขับไล่ผม แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล
เธอร้ายกาจ สารเลว เลือดเย็น ทว่าเมื่อพูดถึงพละกำลัง...ยังไงผมก็เหนือกว่า
และเชื่อเถอะ นี่ไม่ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ในเมื่อเธอทำกับผมไม่น้อยกว่ากัน
อย่างช่วงสายของวันนี้...ที่เกลไม่กลับมารับผม มันไม่ใช่การปล่อยเบลอเพื่อเอาคืนที่ผมโกหกพ่อเรื่องรถเสีย รวมถึงมีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง แต่เธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง และคนๆ นั้นคือไอ้ 'ผา' ศัตรูที่บาดหมางกับผมมายาวนานหลายปี
จริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อไอ้เหี้ยผาคือคนรักของเกล...มันเป็นแฟนเธอ และเธอก็เป็นผู้หญิงของผมอีกที
เรื่องมันเริ่มต้นจากวันนั้น...และเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของเราสองคน
ถ้าถามว่าผมรู้ได้ยังไง คำตอบไม่มีอะไรซับซ้อน ผมเช็กตำแหน่งของเธอจากโทรศัพท์ แล้วพบว่าเกลอยู่ที่อู่ซ่อมรถของมัน เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าเธอให้เวลากับมันมากกว่าผมที่เป็น...ผัวเก่า
ผัวเก่าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นน้องชาย
และเธอกำลังถูกน้องชายคนนี้ขยี้...จะขยี้ให้หายอวดดี
เมื่อนึกถึงสาเหตุหลักที่ทำให้พายุในใจก่อตัว ผมก็ใช้มืออีกข้างฉีกเสื้อนักศึกษาของเธอดัง 'แควก' จนกระดุมทั้งหมดหลุดออกจากรูเสื้อในคราวเดียว และมีอยู่สองเม็ดที่ขาดจนกระเด็นไปตกบนพื้น
พึ่บ...ซากเสื้อนักศึกษาของเกลถูกผมเขวี้ยงลงพื้น ขณะที่ริมฝีปากยังสาละวนกับเรียวปากชุ่มชื้น
กลิ่นคาวเลือดซึมมาถึงปลายลิ้นผม ผมรับรู้ได้ถึงตัวตนเก่าๆ ของตัวเอง...ตัวตนที่เกลเคยบอกว่าไม่ชอบ แต่ก็ยอมทนเพราะรัก
เมื่อไหร่ที่ไปเจอหน้าไอ้ผา ผมจะจูบเธอให้ขาดอากาศหายใจ
เมื่อไหร่ที่กอดมัน สัมผัสมัน ผมจะทำเหมือนที่เธอทำกับมันด้วยเลเวลที่มากกว่า และเมื่อไหร่ที่เธอแสดงออกว่ามันสำคัญกว่าผม ผมจะทำให้เธอรู้ว่าต่อให้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่คนที่มีสิทธิ์ในตัวเธอมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
“เธอถูกฉันสั่งสอนไปแล้วกี่ครั้ง จำได้ไหม?”
ผมผละริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อยพอให้มีช่องว่างเพื่อกระซิบถาม เกลหอบหายใจ แต่สายตาคู่นั้นยังคงเย็นชาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรังสีความเกลียดชังที่สาดออกมา “เอย์ไม่ชอบให้เกลไปกับผู้ชายคนอื่น บอกกี่ทีแล้ว”
สรรพนามนี้...เมื่อก่อนผมกับเกลใช้แทนกันและกัน
“นายไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน” เกลกลั่นเสียงที่ห่างเหินจนรู้สึกเหมือนจะเอื้อมมือไปแตะไม่ได้ออกมาขณะมองหน้าผม “และฉันไม่อินกับการทำตัวเวรๆ ของนาย มันต่ำตม”
“...เหรอ” ผมหลุบตาลงต่ำ มองเสื้อนักศึกษาของเธอที่กองอยู่บนพื้น
ถ้าจำไม่ผิด ตัวนี้เป็นตัวที่สามที่ผมกระชากทิ้งจนขาดวิ่น และมันเป็น ‘จำนวนครั้ง’ ที่ผมสั่งสอนเธอ นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะน้องชายผู้แสนน่ารัก
วันนี้จะมีครั้งที่สี่
“หลีก” ไม่เพียงแค่ใช้น้ำเสียงห่างเหินเย็นชา แต่เกลยังพยายามใช้สองมือเล็กๆ ผลักให้ผมออกห่างจากเธออีกด้วย
แต่ผมไม่สะเทือน ไม่เลยสักนิด
หมับ!
“ฉันดื้อแค่ไหน เธอน่าจะรู้” ผมรวบมือทั้งสองข้างของเธอด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะบีบแน่นจนเห็นบางอย่างปรากฏในแววตาคู่นั้น ซึ่งผมดูออกว่าเธอกำลังเจ็บ
ถ้าเธอไม่เจ็บที่ใจ ก็คงต้องทำให้เจ็บที่ร่างกาย
ผมรู้ว่าการทำให้เกลเจ็บเป็นเรื่องยาก เพราะงั้นผมจึงต้องทำในสิ่งที่เธอเกลียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนครั้ง ท้ายที่สุด...บาดแผลที่ผมสร้างไว้มันจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในใจเธอ ตกตะกอนอยู่ในความรู้สึกเธอ...และเธอจะต้องทรมานเหมือนอย่างที่ผมเป็น
“นายแค่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง...เอย์”
เล็บยาวๆ ของเกลจิกลงบนผิวเนื้อบริเวณหลังฝ่ามือผม ซึ่งเป็นข้างที่กำลังบีบมือเธอ และใช่ เธอทำให้ผมได้แผลแทบจะในทันที
“ฉันฟังเธอมาทั้งชีวิตแล้ว”
“...”
“ฉันทำเพื่อเธอมาเยอะแล้ว” ผมยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวผมเองยังรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่ยังคงออกฤทธิ์ และเธอคือสาเหตุ เธอทำให้ผมเป็นแบบนี้ เพราะเธอคนเดียว “ถึงเวลาที่ฉันต้องทำเพื่อตัวเองสักที”
“เอย์...ไอ้...” เกลทำท่าจะพ่นคำด่า แต่ผมใช้มืออีกข้างกระชากท้ายทอยเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากตัวเองปิดเสียงนั่นทันทีด้วยความรำคาญ ความเข้มข้นของเลือดตรงริมฝีปากและปลายลิ้นยังคงเด่นชัด ทั้งกลิ่นคาว...รวมถึงรสชาติอันขมปร่า “นายจะทำแบบนี้...ไม่...อือ”
ยัยมารร้ายพยายามเค้นเสียงออกมาผ่านสัมผัสที่ผมมอบให้ แต่มันกลับกระท่อนกระแท่นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ เอาจริงๆ ผมไม่ได้อยากฟังด้วยซ้ำเลยไม่สนใจ เธอเกลียดความเอาแต่ใจของผม เกลียดรสจูบและสัมผัสจากผม เกลียดเซ็กส์ที่ผมมอบให้ ไม่ว่าครั้งไหนเธอก็มักจะแสดงออกมาอย่างชิงชัง
ซึ่งเพราะเธอเกลียดผม ผมถึงยังอยู่ที่นี่ เอาแต่ใจกับเธอ จูบเธอ สัมผัสเธอ และจะทำให้เธอสำลักมันจนตาย
ตายไปพร้อมๆ กับน้องชายหน้าโง่คนนี้
End Describe