รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกเอย์อุ้มเข้ามาในห้องของเขา ก่อนที่สิ่งห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดจะถูกเขากระชากทิ้งอย่างไม่ไยดี อาการตกใจก่อตัวขึ้นในความรู้สึกเพียงแวบเดียวตามปกติของมนุษย์คนหนึ่งเมื่อถูกคุกคาม แต่ฉันที่ดูยังไงก็เสียเปรียบเต็มประตูกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพชหลังจากตั้งสติได้...
“เดี๋ยวเธอจะหัวเราะไม่ออก”
ตุ้บ...คำพูดนั้นของเอย์ดังขึ้น ก่อนกล่องถุงยางอนามัยในมือจะถูกเขวี้ยงทิ้งราวกับว่า...ไม่จำเป็นต้องใช้มัน
ฉันเหลือบมองสิ่งที่ตกอยู่บนพื้นไม่นานก็เคลื่อนสายตากลับมา และเห็นว่าเอย์ถอดเสื้อออกแล้ว เขากำลังจ้องหน้าฉัน...ใช้สายตาดุดันเอาแต่ใจในแบบที่ฉันเกลียดแสนเกลียด
ถึงเอย์จะอายุน้อยกว่าฉันแค่ 1 ปี ทว่าเพราะเอาแต่ทำแบบนี้ไง ฉันถึงมองว่าเขาเป็นแค่เด็กอมมือ
ก็แค่เด็กมีปัญหาคนหนึ่ง...
หมับ!
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นเอย์ก็เข้ามาตรึงมือฉันไว้เหนือศีรษะ กดแน่นจนน้ำหนักส่วนนั้นจมไปกับความนุ่มหยุ่นของเตียง ความเจ็บกัดกินฉัน...แต่เยอะกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว ถ้าเอย์คิดว่าเรื่องพรรค์นี้จะทำให้ฉันเจ็บปวดเจียนตายล่ะก็ ฉันบอกเลยว่าเขาคิดผิด
ฉันก้าวผ่านจุดที่หวาดกลัวและปวดร้าวมาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้ง เรื่องแค่นี้ไม่สะเทือนฉันหรอก...ไม่เลย
“สมองนายก็คิดได้แค่นี้แหละเอย์” ฉันมองสบตากับนัยน์ตาคู่สวยที่กำลังหม่นแสงและสะท้อนภาพฉันซึ่งนอนอยู่ใต้ร่างกายสูงใหญ่ของเขา วูบหนึ่งฉันแอบชำเลืองมองรอยสักรูปตัว G ตรงกระดูกวีไลน์ แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น
“คงงั้น” เอย์ยอมรับแล้วเพิ่มแรงบริเวณข้อมือฉัน
“อื้อ...”
และก่อนที่ฉันจะทันได้พูดอะไร ริมฝีปากหยักลึกก็โฉบลงมาอย่างรวดเร็วในลักษณะของการกระแทกกระทั้น ทำเอาเลือดซิบออกมาจากบาดแผลเดิมที่เขาสร้างไว้ ปลายลิ้นร้อนเจือกลิ่นช็อกโกแลตสอดเข้ามาในโพรงปากและพลิกพลิ้วอย่างชำนาญ
เขาดุดัน เดือดดาล ฉันรับรู้ได้ว่าเอย์อยากทำให้ฉันตายคามือเขา คาเตียงของเขา...
ขณะนั้นมืออีกข้างของเอย์เคลื่อนลงต่ำแล้วสัมผัสบริเวณสะโพกฉัน ก่อนจะลากไปตรงจุดกึ่งกลางของร่างกาย ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวที่คล้ายจะตอบสนองแต่ก็ต่อต้านไปพร้อมกัน
ฉันห้ามปฏิกิริยาธรรมชาติของมนุษย์ไม่ได้ แต่นั่นต้องเกิดจากความเต็มใจด้วย ไม่ใช่การถูกบีบบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายคนนี้
ฉันกำลังขยะแขยงเขา อยากจะอ้วกออกมาเป็นลิ่มเลือดให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉันเกลียดสายตาแบบนี้ของเธอ” เสียงทุ้มต่ำของเอย์ดังขึ้นในครั้งที่ข้อนิ้วแข็งกระด้างเย็นเยียบแตะโดนจุดอ่อนไหว และทำท่าจะแหวกผ่านรอยแยกของผิวเนื้อ
ใช่...ที่เขาพูดแบบนั้นได้เพราะริมฝีปากซึ่งมัวเมาไปกับการระดมจูบฉันก่อนหน้านี้ได้ผละออก เขากำลังจ้องมองฉันในระยะประชิด ชิดมากจนแทบแลกเปลี่ยนลมหายใจ และใกล้จนไรผมของเขาคลอเคลียตรงหน้าผาก
“...” ฉันไม่ได้ตอบโต้อะไร
กับเด็กไม่รู้จักโต พูดยังไงมันก็ไม่ฟังหรอก
เหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเราสองคน แต่ฉันจะสอนให้เอย์รู้ว่าการกระทำโง่ๆ ของเขาไม่ได้ส่งผลอะไรสำหรับฉัน ต่อให้ทำมันซ้ำๆ ยังไงเขาก็เอาไปได้แค่ตัวฉันเท่านั้น
อ๊ะ... แต่แล้วฉันก็ต้องร้องขึ้นมาในใจ เมื่อข้อนิ้วแข็งกระด้างของเอย์สอดเข้ามาในร่างกายฉันเพียงคราวเดียว ขณะนั้นริมฝีปากร้อนผ่าวเหมือนไฟก็เคลื่อนไปกดเน้นย้ำบริเวณซอกคอที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อ๊ะ...
ฉันหลุดเสียงร้องในใจครั้งที่สอง เมื่อฟันอันแหลมคมราวกับหมาป่าของเอย์งับลงบนผิวเนื้อในระดับที่เรียกได้ว่ารุนแรงมากจนปวดแปลบ รู้สึกเหมือนฟันของเขากำลังจะฝังลงไป แต่ตอนนี้ฉันกำลังสับสนเล็กน้อย เพราะปลายนิ้วที่สอดใส่บริเวณช่วงล่างก็เคลื่อนไหวอย่างดุดันไม่แพ้กัน
จากนิ้วกลางเพียงนิ้วเดียวก็เพิ่มนิ้วชี้เข้ามาอีกจนช่องทางนั้นเผลอบีบรัด ฉันเม้มริมฝีปาก พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้หลุดเสียงร้อง
แต่เมื่ออุ้งปากร้อนชื้นเปลี่ยนเป้าหมายมาขบกัดยอดอกข้างซ้าย ประสาทสัมผัสของร่างกายก็เหมือนจะตอบสนองการกระทำของเขาอย่างน่าอาย
จังหวะนั้นสะโพกฉันโยกคลอนตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วเอย์ไปด้วย ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องจิกปลายเล็บลงบนมือขวาของเขา ซึ่งเป็นข้างที่กำลังกอบกำข้อมือฉันอยู่เพื่อระบายความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น
“หึ...”
เสี้ยววินาทีหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของเอย์ เป็นเสียงหัวเราะของผู้ชนะ
อกฉันร้อนขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ไม่ได้ปริปากต่อว่าอะไรเขา ไม่สิ...ต้องบอกว่าไม่มีเวลาพอจะง้างปากพูดมากกว่า เพราะหลังจากนั้นไม่นานเอย์ก็เคลื่อนริมฝีปากมาประทับเรียวปากฉันไว้อีกหน
และเป็นอีกครั้งที่ซี่ฟันของเราสองคนกระทบกันดัง ‘กึก!’
เขารุนแรงและป่าเถื่อนเสมอเมื่อกรุ่นโกรธ มันเป็นอีกหนึ่งข้อเสียที่ฉันไม่ชอบ เรียกว่าเกลียดยังได้ เวลาต่อมาปลายนิ้วก็ถูกถอนออกไป ก่อนความแข็งขืนขนาดใหญ่จะจ่อชิดความร้อนผ่าวของร่างกาย ขณะนั้นหัวใจฉันเต้นระทึกจนเจ็บไปหมดทั้งอก...คิดว่าเอย์จะค่อยเป็นค่อยไป แต่เปล่าเลย ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน
เขาสอดเข้ามาในร่างกายฉันเพียงคราวเดียว...คราวเดียวเท่านั้นจนเหมือนว่าช่องทางของฉันจะฉีกขาดคาการกระทำสุดเฮงซวยของเขา
ฉันเกร็งและกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงร้อง
จะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไปให้เอย์ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงชนิดไหน...ฉันจะเก็บเอาไว้กับตัวเอง
ตัวฉันสั่นเมื่อรับรู้ได้ถึงความลึกล้ำที่ฝังอยู่ในร่างกาย และสั่นขึ้นไปอีกเป็นสิบเท่าเมื่อเขาเอามันออกแล้วกระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนได้ยินเสียงผิวเนื้อกระทบกัน
มันสะท้อนเข้ามาในหูฉันพร้อมกับร่างกายที่เคลื่อนขึ้นไปถึงหัวเตียงตามแรงนำพาอันมหาศาลของเขา
ข้อมือฉันถูกปล่อยให้เป็นอิสระในครั้งที่เอย์เอามือไปรั้งสะโพกฉันไว้ ความแนบแน่นและความลึกล้ำที่มีมากอยู่แล้วจึงทวีคูณขึ้นไปอีกจนรู้สึกจุกบริเวณท้องน้อย
“อ๊ะ”
จังหวะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่ออดกลั้นไม่ให้ตัวเองปล่อยเสียงร้อง เพราะไม่อยากให้เอย์รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า แต่เมื่อเขาออกแรงกระแทกเข้ามาอย่างดุดัน...เสียงแหบพร่าที่เบาจนแทบไม่ได้ยินก็หลุดออกไปจนได้
เวรจริง...
ฉันสบถด่าตัวเองในใจ ขณะที่สองมือจิกแน่นกับผ้าปูเตียงจนเล็บที่ไว้ยาวแทบหักได้อยู่รอมร่อ เอย์มองหน้าฉันจากด้านบนด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ภาพนั้นไม่ชัดนักเพราะเราทั้งสองคนกำลังเคลื่อนไหว แต่ฉันมั่นใจว่าเอย์กำลังสะใจที่ได้ยินเสียงของฉัน
“อย่าพยายามทำตัวเก่ง เธอทนไม่ได้หรอกเกล” เสียงของเขาทั้งแหบทั้งทุ้มในตอนที่เปล่งออกมาเพื่อดูถูกฉัน “ลึกๆ แล้วเธอเปราะบางจะตาย”
Aey Describe
ผมกระแทกใส่เธอไม่ยั้ง ทั้งหนักแน่น รุนแรง และถี่มากจนเกลแทบไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจ
สายตาของเธอยามมองผมทั้งคับแค้นใจและโมโหมากที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนอยู่ใต้ร่างอย่างจนปัญญา ตั้งแต่ผมพาเธอเข้ามาในห้อง เหวี่ยงเธอลงเตียง ยัยมารร้ายคนนี้ไม่มีท่าทีขัดขืน ไม่ดีดดิ้น มันไม่ใช่ว่าเธอเต็มใจให้ผมทำหรอก เธอแค่รู้ดีว่าขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์
อีกนัยหนึ่งคือเธอต้องการทำให้เห็นว่าการกระทำของผมมันไม่มีค่า เธอไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไร หลายครั้งแล้วที่เกลมองผมด้วยสายตาเย็นชาแกมสมเพช ทั้งๆ ที่ตัวเองเสียเปรียบมากขนาดนี้
พอเห็นแบบนั้น...ผมก็ยิ่งรุนแรงกับเธอ แล้วเรื่องมันก็จบลงตรงที่เธอเก็บเสียงร้องไว้ไม่อยู่
ต่อให้เราผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ร่างกายของเธอยังคงคับแน่น การที่ผมไม่ปรานี ไม่มีขั้นตอนเล้าโลมเพื่อให้เธอเจ็บน้อยลง มันยิ่งทำให้ผมเห็นเธอทรมานชัดเจนขึ้น
ผมจงใจอยู่แล้ว
ครึ่งหนึ่งเรียกว่าเซ็กส์ อีกครึ่งคือการสั่งสอน
ไอ้เอย์ภาคปกติคือผู้ชายเนือยๆ ดูใจเย็นมากเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่น แต่เกลเป็นคนเดียวที่ได้เห็นอีกด้านของผม
ด้านที่ไม่เคยลังเลเวลาทำร้ายใคร
“เหรอ...” เกลหอบหายใจและเริ่มตอบโต้ผม “แล้วนายจะได้รู้”
กึก...
เพราะเกลยังอวดดีไม่เลิก ผมจึงกระแทกใส่เธออีกครั้ง มันรุนแรงชนิดที่ว่าศีรษะของเกลเคลื่อนไปสัมผัสกับหัวเตียง...เธอใช้มือข้างหนึ่งยันไว้เพื่อไม่ให้การบุกรุกครั้งต่อไปของผมทำให้หัวเตียงที่เป็นไม้กระแทกกับศีรษะเธอจนได้แผล
ผมหลุบตามองหน้าอกเธอ มันกระเพื่อมขึ้นลง...
ก่อนจะมองหน้าท้องแบนราบที่กำลังเกร็งจนเห็นกล้ามเนื้อเล็กๆ
สุดท้ายสายตาผมโฟกัสจุดที่กำลังหลอมรวม ร่างกายเปียกชื้นของเธอกำลังบีบรัดท่อนเนื้อผม ขณะเดียวกันก็สั่นสะท้านราวกับว่าสิ่งที่มอบให้มันเกินกว่าเธอจะรับไหว
แต่ผมไม่สนใจ ยังคงกระแทกกระทั้นและทำให้ร่างเธอสะท้อนขึ้นลงอย่างนี้จนมือเล็กๆ ทั้งสองต้องเปลี่ยนมาคว้าท้ายทอยกัน
เธอไม่ได้ยินยอม แค่ใช้เล็บจิกลงตรงส่วนนั้นเพราะหวังว่ามันจะลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
เราศีลเสมอกัน เธอร้าย ผมเลว เธอแรงกับผม ผมก็แรงด้วย และเพราะแบบนั้นเมื่อเธอทำให้ผมเลือดออก ผมก็ยิ่งกดร่างกายเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม ลึกจนไม่มีช่องว่างใดๆ ระหว่างกัน ตัวตนของผมสัมผัสได้เลยว่ามันอยู่ลึกเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะรับไหวแล้ว
เอี๊ยด....เอี๊ยด...
ความรวดเร็วเพิ่มขึ้น มันถี่ขึ้นจนขาเตียงเสียดสีกับพื้นห้อง
พึ่บ
หลังจากนั้นไม่นาน...
ผมจับเธอพลิกให้หันหน้าเข้าหาเตียง แน่นอนว่าร่างของเราสองคนยังคงแนบชิดสนิทกัน
ผมมองเกล เห็นเธอขยุ้มมือกับผ้าปูเตียงอีกครั้ง เส้นเลือดอ่อนๆ ปรากฏหลังมือเธอ มันปูดออกมาเหมือนกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะอดทน
กึก...กึก...กึก...
ผมประคองสะโพกเธอแล้วโหมเข้าใส่ เมื่อถึงจุดหนึ่งความหนักหน่วงนั้นก็เพิ่มขึ้น ก่อนบางอย่างที่อุ่นร้อนจะแตกพร่าอยู่ในร่างกายเธอ
“เอย์!” เสียงดุดันของเกลดังขึ้นเมื่อผมไม่ใช้เครื่องมือป้องกันใดๆ และปล่อยให้มันวิ่งวนอยู่ในร่างกายเธอจนหยดสุดท้าย ผมมองของเหลวที่ทะลักออกมาจากช่องทาง มันหยดลงบนเตียงและเปรอะเปื้อนในบริเวณใกล้เคียง
“ทำไม?” ผมถามเมื่อทุกอย่างหยุดลง แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ผมได้ยินเสียงเกลกลืนน้ำลายก่อนจะมีคำว่า ‘ไอ้เหี้ย’ หลุดออกมาจากปากเธอ
นั่นทำให้ผมต้องจับเธอพลิกให้หันกลับมาเพราะต้องการดูหน้าพี่สาวสารเลว หลังจากนั้นผมก็รั้งท้ายทอยเธอ และหยุดความปากดีของเธอด้วยการกระทำเดิมซ้ำๆ
ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะตายไปข้าง