บทที่ 2.3

2382 คำ
หลังจากนั้นหลายชั่วโมง ผมนั่งพิงหัวเตียงและกำลังมองเกลที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ รอยแดงเต็มตัวเธอไปหมด ข้อมือทั้งสองข้างช้ำเลือด ริมฝีปากแตกและเลือดซิบ หลายสิ่งบอกได้ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมันรุนแรงมาก...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำตัวเลวๆ กับเธอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความรุนแรงจากผมในปริมาณที่มากกว่าปกติ ทว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ผมยังแรงได้กว่านี้ ยังทำให้เธอเจ็บได้ยิ่งกว่านี้... End Describe ร่างกายฉันถูกกระทำอย่างหนัก และปฏิเสธไม่ได้ว่าเอย์เหมือนหมาบ้าที่ไม่ยอมหยุดจนกว่าฉันจะอ่อนแรงและค่อยๆ หยุดต่อต้าน ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้นัก ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่อยากเก็บมาใส่สมองด้วย แต่สิ่งเดียวที่ฝังอยู่ในความรู้สึกฉันคือ... เอย์หลั่งใน เขาทำฉันหลายครั้งและไม่ป้องกันเลยสักรอบ เขาคงอยากให้ฉันท้อง คงอยากให้มีพันธะอะไรสักอย่างเพื่อที่ฉันจะได้หมดปัญญาไปตอแยกับผู้ชายคนไหน ทั้งผา และผู้ชายทุกๆ คนบนโลกใบนี้ เห็นหรือยังว่าผู้ชายคนนี้ทำตัวเฮงซวยขนาดไหน ก็สมควรแล้วที่การใช้สารพัดวิธีเพื่อฉุดรั้งฉันมันไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง ฉันนอนคิดอย่างเงียบเชียบ ไม่นานก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงเตรียมกลับห้อง แต่เอย์ที่นอนอยู่ข้างๆ กลับคว้ามือฉันไว้เป็นการรั้ง จนฉันต้องเคลื่อนสายตากลับไปมองน้องชายสารเลวที่นอนเปลือยอยู่ ภาพนี้ราวกับเดจาวูเลยว่าไหม? เกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้นกับผู้ชายคนเดิมและสถานที่เดิมๆ “จะไปไหน” เสียงทุ้มแหบกระซิบถามขณะที่นัยน์ตาคมกล้าสะท้อนภาพฉัน เรือนผมเขายุ่งเหยิงเล็กน้อย บนใบหน้าเนียนใสมีรอยข่วนและรอยแดงมากมาย ฉันพอจำได้บ้างว่าเมื่อมีครั้งที่สองระหว่างเรา...ความคิดอยากฆ่าเขาให้ตายก็แทรกซึมเข้ามาในหัว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่สร้างรอยแผลไว้บนใบหน้าหล่อร้ายที่แม้กระทั่งตอนนี้...ก็ยังดูดีจนอยากอ้วก “...” ฉันไม่พูด เพียงหลุบตามองข้อมือของตัวเองที่ถูกกำแน่นจนยากที่จะสลัดให้หลุด “ยังไม่ให้ไป” ความเอาแต่ใจของเอย์ไม่เคยมีที่สิ้นสุด ต่อให้น้ำเสียงในเช้าวันนี้ไม่ได้ดุดันแล้วก็ตาม แต่เขาเหมือนเด็กนิสัยเสียที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ลูกกับแม่สันดานเหมือนกันไม่มีผิด “นายมีเรียน” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะปริปากพูดอย่างใจเย็น เชื่อเถอะว่านี่ไม่ใช่การสนทนาปกติ และเอย์คงคิดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ของฉันแอบแฝงอะไรไว้ ช่วงสายของเมื่อวาน หลังวางสายจากพ่อ ฉันยูเทิร์นกลับเพราะจะมารับเขาไปมหาวิทยาลัยจริงๆ แต่ฉันดันเจอผู้ชายคนหนึ่งเข้าซะก่อน เขาขี่ช็อปเปอร์ มีพรรคพวกเป็นสิบๆ ผู้ชายคนนั้นชื่อต้าร์ ฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร แต่เขาบอกว่าเอย์ไปสร้างเรื่องร้ายแรง การปรากฏตัวของต้าร์จึงมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการเอาคืน เอาคืนแบบไหนไม่รู้ แต่พื้นฐานแล้วคงหนีไม่พ้นการใช้กำลัง พวกนี้ดูแล้วหน่วยก้านไม่เลวด้วย เอย์คนเดียวสู้ไม่ไหวหรอก... ‘พรุ่งนี้มันมีเรียนเที่ยง’ ฉันบอกต้าร์แบบนั้น คำว่า ‘พรุ่งนี้’ ก็คือ ‘วันนี้’ ที่ฉันพูดกับเอย์เมื่อครู่ ‘น้องชายเธอ ฉันกะเอามันตาย’ ‘หมอนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว’ ฉันพูดอย่างเฉยชา อยากทำอะไรก็ทำ หลังจากนั้นผาก็เข้ามาเห็น...ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี ฉันอยู่กับผาต่ออีกหน่อยจึงไปเรียน ไม่ได้ลืมเรื่องที่พ่อสั่งเพราะถือว่าฉันกำลังกลับไปรับเอย์จริง แต่ดันเจอศัตรูของเขาเข้าซะก่อน ซึ่งมันก็เป็นปัญหาของเขาเอง ฉันไม่ได้มีหน้าที่ต้องตามเช็ดตามล้าง ฉันยื่นข้อเสนอให้พ่อ แต่ท่านให้คำตอบที่กำกวม แน่นอนว่าการเพิกเฉยเอย์ถือเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว และวันนี้...ฉันหวังว่าเขาจะเจ็บตัว โดยที่ฉันไม่ต้องลงแรงอะไรเลย โชคดีนะ เอย์ อชิระ :) หลังหาเรื่องออกมาจากห้องเอย์ได้แล้ว ฉันก็รีบเข้าห้องไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุด ก่อนออกมาฉันไม่ลืมตรวจเช็กความเรียบร้อยของตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นร่องรอยต่างๆ ที่เอย์สร้างไว้บนผิวฉัน เอาตรงๆ ฉันใช้คอนซีลเลอร์ไปเยอะมากเพื่อกลบรอยแดงบนต้นคอและใต้คาง แน่นอนว่ากว่าจะสร้างความมั่นใจกับตรงนี้ได้ก็เสียเวลาไปเยอะพอสมควร โชคดีที่วันนี้มีเรียนเที่ยงและตอนนี้เพิ่งแปดโมงครึ่ง ฉันจึงไม่รีบเร่งอะไรมาก อย่างที่รู้ว่าเมื่อคืนหลังจากกลับเข้ามาในบ้าน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ดก็ถูกเอย์ทำระยำใส่ เป็นผลให้ฉันที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จมีความคิดว่าจะลงไปกินข้าวให้หายหิว แต่... กึก ก้าวเท้าพ้นบานประตูห้องตัวเองได้ไม่เท่าไหร่ ประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิด ก่อนผู้ชายในชุดนักศึกษาไม่เป็นระเบียบจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉัน “...” ฉันเงียบโดยที่สองตาสะท้อนภาพของผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของเขามีแต่รอยเล็บ ดูเหมือนเจ้าตัวคงตั้งใจเปลือยหน้าแบบนี้เพื่อให้พ่อหรือสายธารถามสินะ ก็แล้วแต่...ฉันไม่มายด์ ถ้าเกิดพ่อรู้ว่าเราสองคนเกินเลยกันมาหลายครั้งแล้ว การถูกลงโทษจะเป็นสิ่งแรกที่เราสองคนโดน และเหนือไปกว่านั้น เรื่องมันจะจบตรงที่ท่านไม่สามารถคบกับสายธารต่อไปได้ เอย์มีศักดิ์เป็นน้องชายของฉัน พี่สาวที่ไหนจะมาเอากับน้องตัวเอง คำตอบคือไม่มี หรือถ้ามี...เรื่องมันคงไร้ศีลธรรมน่าดู เราสบตากันไม่กี่วินาที ฉันก็เป็นฝ่ายเดินลงบันไดไปชั้นล่างก่อน และพบว่าพ่อกำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ส่วนสายธารกำลังวุ่นๆ อยู่กับการเข้าครัว “พ่อกลับมาตอนไหน” ฉันทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามท่าน “ตอนหกโมงเช้าน่ะ” พ่อวางแก้วชาลงบนที่รอง “แล้วทำไมหน้าซีดๆ” ก่อนจะมองหน้าฉันตรงๆ อย่างมีคำถาม ฉันยกมือแตะแก้มตัวเองแล้วนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน มั่นใจว่าวันนี้ลงคูชันปกปิดร่องรอยอิดโรยที่พักผ่อนน้อยแล้ว ปากก็ลงลิปสีแดงเลือดหมู...ฉันว่าสภาพวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากทุกวันเท่าไหร่ แปลกใจที่พ่อเห็นความผิดปกติบางอย่างจากฉัน “เกลทำการบ้านจนดึกเลยนอนน้อย” คำแก้ตัวของฉันถูกเปล่งออกไปด้วยโทนเสียงราบเรียบ ก่อนหลุบตามองข้าวต้มหมูซึ่งถูกตักเผื่อไว้แล้ว ปกติ...ถ้ามีเวลาฉันสามารถทำอาหารกินเองได้ แม้สายธารจะรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ แต่ส่วนใหญ่ฉันมักเพิกเฉยและมองว่าอาหารที่มันทำให้น่าพะอืดพะอมเกินกว่าจะกระเดือกลง ฟุบ ขณะที่ฉันนั่งชั่งใจอยู่นั้น เอย์ซึ่งเดินตามมาอย่างไม่รีบร้อนก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ทำให้พ่อที่คล้ายกับกำลังพิจารณาฉันในก่อนหน้านี้ต้องเคลื่อนสายตาไปยังผู้มาใหม่ “เอย์ ทำไมหน้าเราเละแบบนั้นล่ะ” เป็นไปตามคาด พ่อถามเมื่อเห็นรอยเล็บมากมายบนใบหน้าเนียนใสของเขา “มีเรื่องนิดหน่อยครับพ่อ” เอย์ยิ้มนิดๆ เป็นเวลาเดียวกันที่สายธารพุ่งเข้ามาหาลูกชายสุดที่รัก “เรื่องอะไรกัน! แผลนี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะลูก” ท่าทางโอเวอร์มาก...มันยังไม่ได้จะตายสักหน่อย “ไม่ซีเรียสครับ” มือทั้งสองข้างของสายธารที่กอบกุมใบหน้าเขาก่อนหน้านี้ถูกดึงลงมาจูบอย่างอ่อนโยน “...เอย์ทนได้” “ใครมันทำ บอกแม่มานะ!” ร่องรอยความห่วงใยยังคงปรากฏบนใบหน้าของสายธาร ภาพนั้นทำให้ฉันแค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพช แต่เพราะพ่อและสายธารให้ความสนใจกับน้องเล็กของบ้านจึงไม่ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาของฉัน “เอย์จัดการเองได้น่า” เอย์ยังคงยิ้มให้สายธารเพื่อที่เธอจะได้เลิกเป็นกังวล สุดท้ายแล้วสายธารจึงยกมือลูบศีรษะเขาก่อนเดินกลับเข้าครัวไป เหมือนมีอีกหนึ่งเมนูที่ยังทำไม่เสร็จ “เรื่องใช้กำลังเพลาๆ หน่อยนะเอย์ ถ้าเป็นไปได้อย่าไปมีเรื่องกับใครให้มาก” เป็นพ่อที่พูดขึ้นมาอย่างหวังดี น้ำเสียงนั้นเจือความกังวลอยู่กรายๆ “...ครับพ่อ” เอย์ตอบเสียงนุ่มนวล ขณะนั้นฝ่ามือข้างขวาของเขาก็เคลื่อนมาตะปบต้นขาข้างซ้ายของฉัน กระโปรงทรงเอที่ฉันใส่อยู่สั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอนั่งแบบนี้เลยทำให้มันร่นขึ้นจนเห็นขาอ่อน และใช่...เขาเลือกจับส่วนที่เป็นผิวของฉัน...ตรงนั้นก็มีรอยช้ำจากการกระทำเขาเช่นกัน “แต่เอย์ไม่รู้จะห้าม ‘เขา’ ได้ไหมนะ” ชัดเจนเลยว่า ‘เขา’ ที่มันพูดถึงหมายถึงฉันคนนี้ กึก ฉันพยายามกระชากขาออกมาจากมือเขา แต่เอย์ที่กำลังส่งยิ้มให้พ่อกลับเพิ่มแรงบีบขาอ่อนฉันแน่นกว่าเดิม ก่อนจะลากขึ้น...จนปลายนิ้วชี้ของเขาแทบจะสอดเข้ามาในกระโปรงได้อยู่รอมร่อ ทำตัวต่ำตมเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ “มันไม่ได้อยู่ที่เขาอย่างเดียว เอย์เองก็พยายามเลี่ยงๆ หน่อยแล้วกัน พ่อเป็นห่วง” เสียงทุ้มที่พ่อส่งมาให้เอย์ทำให้ฉันคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก กับลูกนอกไส้น่ะเป็นห่วงจัง กับฉันท่านเคยพูดแบบนี้บ้างไหม ตั้งแต่มีเมียใหม่...ท่านเคยไยดีฉันให้ได้ครึ่งหนึ่งของพวกมันไหม เหอะ! จึก “อ๊ะ...ขอบคุณครับ” คำขอบคุณของเอย์กระท่อนกระแท่นเล็กน้อย เมื่อฉันใช้ปลายเล็บจิกบนหลังมือข้างที่ทำท่าจะล้วงเข้าไปในกระโปรง แน่นอนว่ามันรุนแรงพอที่เขาจะกระตุก วูบหนึ่งนัยน์ตาคมกริบแสดงออกถึงความคุกรุ่น แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น “เกลไปเรียนก่อนนะ” เพราะพ่อเอาแต่สนใจไอ้เด็กเวรนี่ ฉันเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตั้งท่าจะเดินออกมาจากบ้าน แต่เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอยู่เบื้องหลังก็ไม่วายฉุดรั้งฉัน “กินข้าวก่อน จะรีบไปไหน” พ่อถามเสียงเข้ม ฉันหยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง “พี่เกลมีแฟน...เธอคงรีบไปหาเขา” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าประโยคนี้เป็นของใคร ต่อให้เขาอายุน้อยกว่าฉัน 1 ปี แต่ปกติแล้วมักจะแทนฉันกับเธอหรือชื่อเล่นของตัวเองมากกว่า เขาเรียกฉันว่า 'พี่' เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อและสายธารเท่านั้น ตอแหลดี “อะไรนะ!” พ่อเสียงดัง ท่านดูตกใจมากที่รู้ว่าฉันมีแฟน ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองตลอดเพราะรู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง ถึงฉันจะทำตัวไม่แคร์โลกและดูเป็นเด็กมีปัญหา แต่ท่านก็คาดหวังกับฉันมาก อยากให้ฉันใส่ใจกับการเรียนมากกว่าจะสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทว่าสุดท้ายเรื่องมันก็ถูกแพร่งพรายเพราะไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเอย์ แต่ไม่เป็นไร ยังไงสักวันหนึ่งท่านก็ต้องรู้ ไม่เป็นไร “เกลมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่คะลูก” ส่วนประโยคนี้เป็นของสายธาร น้ำเสียงดูตกตะลึงไม่แพ้กัน ถ้ารู้ว่าฉันได้เสียกับเอย์ตั้งแต่มอ.ปลายในห้องน้ำของโรงเรียนจะอึ้งกว่านี้ “เกล! แกยังเรียนไม่จบ” พ่อดูหัวเสียสุดๆ ฉันเลยบิดยิ้มให้กับคำบอกกล่าวของท่าน “ปีหน้าแกก็จบแล้ว ทนก่อน พ่อไม่อยากให้แกเสียสมาธิ” ฟังแล้วเหมือนพ่อกำลังหวังดีใช่ไหม แต่ฉันว่าลึกๆ แล้วเหมือนท่านกลัวคนในแวดวงการทำงานมองเราไม่ดีมากกว่า พ่อค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม แถมยังชอบพูดอวดโอ้เกินจริงอยู่เสมอ แน่นอนว่าฉันต้องแบกรับความกดดันเหล่านั้นมาหลายปีจนเครียด และใช่...ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ฉันเคยมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ตอนนั้นฉันโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง บูลลี่ต่างๆ นานา กลับบ้านมาแทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาเจอพ่อกับแม่ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ฉันสะสมความเครียดเรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน เรื่องครอบครัว และอีกหลายๆ สิ่ง...ไม่เคยระเบิดมันออกมาเลยสักครั้ง มีเพียงแค่นิสัยของฉันเท่านั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนสุดท้ายก็กลายเป็นอีเกลสารเลวอย่างทุกวันนี้ ถึงอย่างนั้นผลการเรียนฉันก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ท่านคาดหวังให้ฉันได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง... รู้อะไรไหม ถ้าท่านต้องการมันฉันก็สามารถทำให้ได้ และฉัน...ก็ทำลายความต้องการของท่านให้ย่อยยับคามือได้เช่นกัน “เกลแยกแยะได้” ฉันตอบพ่อขณะหยิบรองเท้าส้นสูงสีแดงสดมาใส่ “ไปก่อนนะคะ” ก่อนจะหันกลับไปบอกลาท่านแล้วเดินจากมาโดยไม่อยู่รอฟังท่านเทศนาอะไรให้รำคาญ ทว่าวูบหนึ่ง...ฉันเห็นเอย์กำลังจ้องมองมา สายตาคู่นั้นแผ่รังสีเย็นเยือกมาถึงตัวฉันราวกับจะบอกกรายๆ ว่า ‘ถ้าไปเจอไอ้ผาอีก เธอตายแน่’ ก่อนจะมาวางอำนาจบาตรใหญ่กับฉัน วันนี้นายเอาตัวเองให้รอดไม่ดีกว่าเหรอเอย์?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม