ในเวลาเที่ยงตามปกติที่ทุกครั้งคันธมาสจะลุกไปกับชุดากานต์เพื่อนพนักงานที่สนิทที่สุด แต่วันนี้หล่อนขอนั่งพักอยู่ที่โต๊ะทำงาน เพราะไม่นึกหิวอะไรธันวายุเดินมาเจอเข้า ทักหล่อน
“อ้าวคิ้มทำไมไม่ลงไปทานข้าวล่ะนี่เที่ยงแล้วนะ ประเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งหรอก มาสิ ไปกับผม” เขาชวน
แต่คันธมาสสั่นศีรษะบอกเขาไปว่า
“ขอบคุณค่ะบอสแต่คิ้มไม่นึกหิว อยากจะนั่งเงียบๆอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ไม่สบายหรือเปล่า” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
คิ้มอึกอักที่จะตอบเพราะหล่อนกลัววันทิพย์นำไปนินทาลับหลังยิ่งหาว่าหล่อนสำออยทำให้คันธมาสต้องอดทนธันวายุมองหล่อนที่ดื้อ
“ไปห้องพยาบาลไหม ผมจะไปเรียกพยาบาลมาช่วยพยุงหากไม่ไหว”ไม่นึกว่าเขาจะห่วงใย ตัวหล่อนถึงเพียงนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะบอสคิ้มพอจะเดินไปเองได้ ขอบคุณนะคะ”
“งั้นก็พักผ่อนต่อนะ”
คันธมาสกัดฟันตอบเขาไม่เชื่อเขา ก่อนจะก้าวจากไป ขอบคุณในความหวังดี แต่คนอื่นจะคิดแบบเขาหรือเปล่า โดยเฉพาะพนักงานด้วยกันคงจะอิจฉาตาร้อนหล่อนที่เจ้านายหนุ่มให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เที่ยงครึ่งนั้น ปาด หรือปราลิณขับรถมาหาธันวายุถึงบริษัทด้วยคันธมาสเห็นเข้าเธอหลบ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเธอสวย แต่ท่าทางค่อนข้างเปรี้ยว ดูจากการแต่งตัว คันธมาสนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ ผู้หญิงคนนั้นเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานของผู้บริหารหนุ่มคุณธันวายุ
หล่อนส่งเสียงบอกเลขาต้นห้องของเขา ในช่วงที่บ่ายกำลังใกล้เข้ามา
“ฉันต้องการพบคุณธัน”
ผู้หญิงคนนี้คงมีธุระโดยตรงกับบอสหนุ่มเพราะเห็นเธอก้าวเข้าไปที่หน้าห้องของคุณธันวายุ มีท่าทางแบบไม่เกรงกลัว การแต่งกายของเธอบ่งบอกถึงความทันสมัย แจ่มศรีเลขาหน้าห้องของท่านรองประธานเอ่ยขึ้น
“หยุดก่อนค่ะนั่นคุณจะเข้าไปไม่ได้”
เสียงที่เอ่ยของแจ่มศรีเลขาสาว ทำให้ปราลิณหันมามองด้วยสายตาไม่พอใจ พร้อมด้วยเส้นผมที่ผ่านการสระเซ็ทมาอย่างดีสะบัดอย่างโมโห ไปทางต้นเสียง
“อ้อแล้วแกรู้ไหมว่า ฉันเป็นใคร”
คำพูดของฝ่ายที่เพิ่งมาดูเหมือนจะวางอำนาจ
เพื่อบอกให้ใครๆรู้ว่าหล่อนเป็นแขกระดับวีไอพี หรืออภิสิทธิ์ แจ่มศรีก็หมั่นไส้ตอบกลับไป
“ไม่รู้ค่ะ แล้วก็ไม่ได้อยากถามและไม่อยากรู้”
แววตาของปราลิณยิ่งเพิ่มความเข้มมากยิ่งขึ้น ที่ถูกถามย้อนแบบนี้ สีหน้าที่เห็นชักจะเดือดปุดๆไม่ต่างไปจากไอน้ำร้อนที่กำลังระเหยพวยพุ่ง
“ปากดีนะแก ฮึ ไว้ไห้ฉันได้เจอคุณธันก่อนเถอะ จะได้สั่งให้เขาเฉดหัวแกออกจากที่นี่”
น้ำเสียงเข้มเฉียบขาดของปราลิณ เมื่อพูดจบเหมือนกับตัวเองได้ชัยชนะ คันธมาสที่เผอิญนั่งทำงานอยู่แถวนั้นพอดี กวาดสายตามองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆด้วยสายตาที่สังเกต แต่ไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูด อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หล่อนไม่เปิดเผยตัวให้ทราบในเวลานี้
ปราลิณยังหันมาจ้องแววตาแจ่มศรีเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แจ่มศรีก็จ้องสายตากลับไปอย่างไม่ยั่น และไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะถือว่า หน้าที่ของเธอคือการปกป้องเจ้านายหนุ่ม ซึ่งเขาเป็นคนสั่งบอกเอาไว้
แจ่มศรีจึงไม่คิดกลัวหญิงสาวตรงหน้าที่ทำวางก้าม เหมือนผู้ดีแปดหลอดเหาะมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าแต่ท่าทางกิริยาเธอดูแล้ว ต่ำเหมือนไพร่มากกว่า
“จะเข้ามาหาท่านรองประธานคุณนัดเอาไว้หรือเปล่า” เมื่อผู้มาใหม่เอ่ยถึงชื่อเจ้านาย แจ่มศรีจึงเอ่ยขัดอีก “ทำไม ฉันจะต้องนัด และไม่ได้นัด แต่ฉันต้องการมามาหาเองถึงที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้นก็กรุณากลับไปเสีย”
แจ่มศรีตอบอย่างไม่เกรงกลัว คันธมาสมองภาพนั้นอย่างลุ้นเช่นกันว่า จะเกิดอะไรขึ้น จนเพื่อนพนักงานที่อยู่แถวนั้น เช่นกันก็ไม่เป็นอันทำงาน เพราะมัวแต่ลุ้นมวยคู่ ที่ทำท่าจะเกิดหรือไม่เกิด แต่ก็ทำให้คนที่ได้ฟังและเห็น รู้สึกคึกคัก สาสะอารมณ์ ตื่นเต้น กับเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
และพนักงานในบริษัทนี้ ก็รู้ว่า แจ่มศรีนั้นกล้าชนและลุยขนาดนั้นคำพูดของแจ่มศรี ช่างได้ใจคันธมาสเหลือยิ่งคันธมาสลงมือทำงานไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่สายตาของหล่อนก็แอบเสมาทางสองคน คอยดูต่อไปว่าผู้หญิงที่เพิ่งมาใหม่หล่อนจะทำยังไงเมื่อเจอด่านหน้าที่แข็งขันต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง
จนคันธมาสต้องแอบซูฮกให้ด้วย กับความจริงใจ และมุ่งมั่นต่อหน้าที่ รวมทั้งปกป้องเจ้านาย
อาจจะเลยถึงการรักษาผลประโยชน์ให้แก่เขาด้วย บอสหนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านไป ผ่านมาบ่อยหน และเขาเองก็ใช้สายตาชำเลืองมองมายังหล่อน อยู่บ่อยครั้ง บางทีมันมากเกินไป
จนคันธมาสเข้าใจไปเกินเลย แอบคิดอะไรมากกว่าฝัน ถ้ามันเป็นจริง เธอกำลังครุ่นคิด และอยากจะลองทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ถอนใจ เห็นภาพตรงหน้าที่ ผู้หญิงสวยเปรี้ยว ท่าทางจะฮึดฮัดเข้าไปข้างในให้ได้
และเลขาอย่างแจ่มศรีก็ต้านสุดฤทธิ์
“ฉันจะเข้าไป แกอย่ามาขวางฉัน เป็นแค่เลขาอย่ามาสะเออะ ฉันสิ เป็นอะไรมากกว่านั้น อีก เดี๋ยวพวกแกจะรู้” ลงเสียงเข้ม และเหมือนประกาศอำนาจในตัวเอง ว่าเป็นคนสำคัญยิ่งนัก
คันธมาสเงี่ยหูฟังไปด้วย แล้วครุ่นคิดไปว่า ผู้หญิงคนนี้ ท่าทางจะหลงตัวเองเป็นบ้า ฮึ แต่ไม่รู้ว่า บอสเราจะคิดอย่างนี้หรือเปล่า อาจจะเป็นเพราะเสียงดังโหวกเหวกอยู่ข้างนอก ทำให้ประตูในห้องของท่านรองประธานหนุ่มหล่อเนี้ยบอย่างธันวายุเปิดประตูออกมาดู
เขาเห็นภาพที่ยืนเขม็งเท้าสะเอวของปราลิณ ผู้หญิงที่เขารู้จักผ่านมารดาและตัวเขาไม่ได้มีทีท่าสนใจมากกว่านั้นเลย
อีกคนที่เงยจ้องมองคือ แจ่มศรี เลขาต้นห้องที่เขาสามารถไว้ใจได้ถึงกับอมยิ้มและเขารู้ว่าแจ่มศรีทำงานเพื่อเขาจริงๆ
“มีอะไรหรือแจ่ม” เขาทำสีหน้าเหมือนแกล้งถามอย่างแนบเนียนแบบว่าเพิ่งจะหันมามองเห็นปราลิณ
“บอสคะเอ้อมีผู้หญิงบอกว่าจะเข้ามาขอพบบอส แต่ไม่ได้นัดเอาไว้ ดิฉันทำตามหน้าที่ค่ะ”
แจ่มศรีเอ่ยตอบและก้มหน้าให้นิดหนึ่ง เมื่อเจ้านายหนุ่มเดินมา คันธมาสมองเห็นคุณธันวายุ เงยหน้ามองจ้องร่างของสาวทั้งสองคงสนุกแน่ หล่อนแอบลุ้นอยากจะดูคำพูดคำจาและสีหน้าที่ซีดขาวเหมือนกับไก่ต้มของสาวไฮโซ ที่หล่อนมาพร้อมกับปากร้าย และท่าทางหยิ่งผยอง
เห็นภาพแบบนี้ คันธมาสถึงกับหมั่นไส้อีกคน เพราะหล่อนทำท่าเหมือนมองไม่เห็นหัวชาวบ้าน
“ปาด”
เสียงเรียกของธันวายุอ่อนเบา ทั้งๆที่ใจเขานึกระอามากกว่า เบื่อที่หล่อนทำกิริยาอย่างนี้ ใส่เขา โดยเฉพาะในที่ทำงานของเขา ซึ่งทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ซึ่งมันไม่ควรเกิดภาพอย่างนี้
เพราะเขายังเป็นตัวของตัวเอง และอีกอย่างโลกส่วนตัวของเขาค่อนข้างสูง ทั้งอิสระและเสรีเขาคิดว่า ในเรื่องความรัก มันเป็นเรื่องที่ทั้งละเอียดอ่อน และต้องศึกษาจิตใจของกันและกันอย่างมาก