ผู้มาใหม่อย่างปราลิณหันมายิ้ม และยิ้มของหล่อนเหมือนหมายมาดว่าต้องชนะ และเขาเลือกที่จะเรียกหล่อน เหมือนเป็นการอาใจและเข้าข้าง
แต่สีหน้าและท่าทางของธันวายุกลับเรียบสงบ และติดจะนิ่งขรึมมากกว่าเดิมกลายเป็นว่าปราลิณเริ่มอึดอัดแทนที่ ที่เขาแค่มองหล่อนด้วยสายตา สลับกับมองผู้หญิงตรงหน้า ที่คิดว่าต่ำชั้นกว่าหล่อน
แต่เขาก็ไม่ลงโทษและใช้คำพูดที่รุนแรงใส่พนักงานสาวคนนี้ อย่างที่หล่อนพึงพอใจ และอยากให้เขาทำ ทำให้หล่อนขมุบขมิบอยู่ในปาก อย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อเขาไม่จัดการกับพนักงานที่หล่อนอยากให้จัดการมากกว่านั้น
“นึกว่ามีอะไรปาดถ้าคุณมีธุระอะไรกับผมจริงๆ ต้องนัดไว้ก่อนแล้วดูด้วยว่า ผมว่างหรือไม่ว่าง”
เขาอยากจะพูดคำว่ากาลเทศะให้หล่อนทราบ แต่ไม่รู้ว่าปราลิณ จะเดาความหมายออกหรือเปล่า
คำพูดที่เขาเอ่ยนี้ไปกระทบหูของคันธมาสเข้าพอดี เธอถึงกับอมยิ้ม
ที่บอสหนุ่มประชดแม่สาวเปรี้ยวสุดซ่าคนนี้ได้ใจ ถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ ไม่รู้ สาวเจ้าจะเข้าใจความหมายที่เขาส่งประชดไปหรือเปล่า
เพราะเห็นเธอทำหน้าบูดบึ้งทั้งเก้อและอายนี่คงอยากกระทืบเท้าหรือแสดงกิริยาอะไรมากกว่านั้นกลับกลายเป็นว่าแม่สาวซ่าคนนี้เหวอรับประทานไปเลย
แต่หล่อนก็หาทางออกของหล่อนจนได้
“คุณธันคะคุณน้าปรางบอกให้ปาดมาหาคุณที่ออฟฟิศได้ แต่ปาดไม่นึกเลยนะคะว่า มาที่นี่แม้แต่คุณธันก็ไม่อยากจะต้อนรับปาด”
หล่อนทำท่าจะบีบน้ำหูน้ำตาออกมาและใช้จริตมารยาเสแสร้งเพื่อบังคับอารมณ์บีบเอาความเศร้าและน้อยใจเพื่อให้เขาได้เห็นชัด
เห็นภาพนั้นแต่ธันวายุ ยังคงนิ่งตรึงอยู่ที่เดิม สมองเขาใช้สมาธิใช้ความคิดมากกว่าว่าจะจัดการกับแม่กาวแป้งเปียกตรงหน้านี้อย่างไรในคำอ้างของปราลิณที่เรียกได้ว่าผ่านทางมารดาเข้ามาหาเขา
และเขาสบตาของหล่อนอีกครั้งอย่างแน่วนิ่ง
“ผมว่าคุณถ้าจะคิดอะไรผิดไปแล้วมั้งปาด ผมไม่เคยให้อภิสิทธิ์ ผู้หญิงคนไหนง่ายๆ ที่มาหาผมโดยไม่ได้นัดกับเลขาของผมไว้ก่อนล่วงหน้า ยกเว้นจะเป็นลูกค้าที่สำคัญ และงานของผมมีมาก”
เขาอ้างเอาสิ่งนี้ซึ่งมันก็ถูกต้องอย่างมากทุกวันนี้งานที่บริษัทมีเอกสารที่จะรอให้เขาเซ็นเป็นปึก
ซึ่งปราลิณได้ฟังแล้วหล่อนถึงกับอึ้งที่เหมือนกับถูกเขาว่ากล่าวให้อับอายพนักงานในบริษัทของเขารวมทั้งแม่คู่ต่อกรอย่างเลขาของเขาด้วย หล่อนทั้งแสนจะอับอาย อยากจะซุกหน้าไปไว้บนฟ้าเหลือเกิน
และภาพนั้นก็อยู่ในสายตาของคันธมาสว่าผู้หญิงคนนี้จะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้อย่างไร หล่อนเพิ่งเข้าใจว่า นี่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาแสดงตัวกับท่านรองประธาน
และคันธมาสเริ่มจะเบ้หน้าเหมือนกัน กับความหล่อเลือกได้ของเขาที่สาวๆรุมตอมกันตึมสุดหล่อ หรือคุณธันวายุ ที่สาวๆทั้งบริษัทพากันกรี๊ดนักหนา
แล้วหล่อนก็ถามใจของตัวเองไม่เว้นหล่อนด้วยล่ะ แต่ลึกๆนั้นใจของใครเล่าจะกล้าสารภาพออกมาตรงๆกับผู้ชายเพศฝ่ายตรงกันข้ามได้
หล่อนเป็นเพศกุลสตรีต้องวางท่าสงบเสงี่ยมสนิมสร้อยถึงจะถูกสติส่วนหนึ่งและจิตสำนึก กำลังนึกคิดแทนหล่อนว่าควรเป็นแบบนี้
เพราะหล่อนไม่ใช่สาวหวือหวากล้าจู่โจมถึงตัวผู้ชายก่อน แต่นึกไปนึกมาในเวลานี้ คันธมาสนึกหมั่นไส้ บอสหนุ่ม ที่ความมีเสน่ห์ของเขาปล่อยตกทิ้งเรี่ยราด ทำให้สาวๆตามติดมาถึงออฟฟิศ
แต่แล้วคันธมาสก็ไล่เรื่องเหล่านี้ออกให้พ้นหูและหัวสมองของหล่อน คล้ายกับไม่อยากจะรับรู้
และแผ้วพานในมโนนึกของหล่อนลึกๆในดวงจิต แม้ว่าหล่อนจะปลื้มเขาแต่ไม่ชอบวิธีการที่โปรยเสน่ห์ตกเรี่ยราดจนแทบกระจายเกลื่อนของเขา ถูกแล้ว ในเรื่องของความรักหล่อนไม่ต้องการผู้ชายหลายใจขอให้เขามีตาแค่มองหล่อนและรักหล่อนคนเดียวเท่านั้น
แต่แล้วบอสหนุ่มก็กลับยิ้มเผล่ให้หล่อน เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ปกตินี้พ้นไปได้ และสาวเจ้าที่พกพาเอาความเปรี้ยวเฉี่ยว อวดใครต่อใคร ก็รีบจรลีไปจากที่นั่น
ทำให้คันธมาสคนหนึ่งล่ะ ที่ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ที่หวิดจะเห็นสงครามย่อยๆปะทะกันตรงหน้า แต่คันธมาสนี่สิกล้าเบ้ปากไปทางอื่นและแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็นไม่ชี้ ที่สำคัญในใจส่วนลึกนึกหมั่นไส้เขาเต็มที่
คันธมาสอยู่ทำงานต่ออีกสามสี่ชั่วโมง เวลาเลิกงานก็ใกล้เข้ามา ดีเสียอีก เธอจะได้กลับบ้านเสียที วันนี้รู้สึกเพลีย และเบลอยังไงก็ไม่รู้ ถึงเวลาจึงเก็บข้าวของกวาดลงใต้ลิ้นชัก ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายสีม่วงอ่อนคล้องไหล่ เดินออกมาข้างนอกเพื่อจะนั่งรถเมล์กลับ
ร่างสูงก้าวมาพอดี
“คุณจะกลับแล้วหรือ”
เป็นเพราะเสียงเรียกของเขา ทำให้ คันธมาสต้องหยุด ชวนชุดากานต์เพื่อนสาวที่จะเดินไปที่ป้ายรถเมล์พร้อมกัน คันธมาสเงยหน้ามองเขา
“ก็เลิกงานแล้วนี่คะ วันนี้ไม่มีโอทีนี่บอสเอ้อคิ้มอยากจะกลับก่อนค่ะ”
พูดเพื่อหาทางออก ที่จะได้ไปจากตรงนี้เสียที
“แต่ผมว่าคุณดูจะรีบไปนะ”เขาเอ่ยมองหน้าของคันธมาสที่บอกว่า ท่าทางของหล่อนเร่งรีบที่จะไป แต่เขาอมยิ้ม คิดว่าจะรั้งถ่วงเวลาของหล่อนไว้
“อ้าเอ้อ ผมมีเรื่องที่จะต้องใช้ไหว้วานคุณเสียหน่อย”
“ใช้และไหว้วาน” คันธมาส ทวนในคำที่เขาเอ่ย ค่อนข้างเสียงดังตกใจ แต่เธอก็ได้ยินไม่ผิด บอสธันวายุเอ่ยกับเธอเช่นนั้นจริงทำให้เธอหน้าบูดขึ้นมาและเบ้ปากหงิกไปทางอื่นนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าอยู่ต่อหน้าเขาก็พยายามปั้นหน้านิ่ง
เอาล่ะสิธันวายุพอที่จะอ่านเดาใจออก แต่เขามีความรู้สึกว่าต้องการให้หล่อนอยู่ช่วยงานหรือร่วมทำอะไรกับเขาสักนิดก่อนที่จะกลับ
“คุณมีอะไรที่จะขัดผมหรือเปล่า”
เล่นพูดแบบนี้ใครจะกล้าหือหรือขัดใจท่านลงล่ะ คันธมาสเงียบ
“ถ้างั้น ถือเอาเป็นว่าผมจะให้คุณอยู่ช่วยงานต่อนิดหน่อย ไม่ถึงยี่สิบนาทีหรอกน่า”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ คันธมาสค่อยถอนหายใจโล่งอย่างสบายใจที่แค่ยี่สิบนาที คงไม่กินเวลามาก
ดังนั้นชุดากานต์ที่เดินมาตามหลังคันธมาสจึงบอก
“นี่ชุฉันคงกลับไปกับแกเดี๋ยวนี้ไม่ได้หรอกเพราะบอสเรียกฉันให้อยู่ช่วยงานต่อ แกกลับไปก่อนเถอะนะ”
เมื่อได้ยินคันธมาสเอ่ย ชุดากานต์ จึงพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินผ่านคันธมาสและบอสหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ออกไป ต่อไปคงเหลือแต่หล่อนกับเจ้านาย
“ตามผมมา”
คันธมาสเลยต้องเดินตามเขาเข้าไปในห้อง ทำงานส่วนตัว เวลานี้ เลขาอย่างแจ่มศรีเก็บข้าวของกลับบ้านเหมือนคนอื่นแล้ว เข้ามาในห้องพร้อมกับบอสหนุ่ม คันธมาสค่อนข้างที่จะอายและเกิดอาการสั่นประหม่า ทั้งเขิน
“ช่วยผมจัดเอกสารพวกนี้หน่อย เอ้อ รื้อแฟ้มเก่าออกด้วยนะ”
ฮึใช่หน้าที่ของหล่อนที่ไหน นี่มันหน้าที่แม่บ้านชัด คันธมาสนึกบ่นในใจทำไมต้องมาใช้เอาตอนนี้ด้วยนะ หล่อนอยากจะกลับบ้าน เพราะวันนี้รู้สึกเพลียมากที่สุด ด้วยความรู้สึกที่แสนเพลียอย่างหนัก แต่ภาพที่เกิดขึ้นก็ถูกบันทึกไว้ทั้งม่านตาและในความรู้สึก