ตอนที่ 1
“พ่อของหล่อนเสียแล้ว” นั่นทำให้คันธมาสยืนตัวแข็ง มือที่เอาโทร.มือถือแนบไว้กับหู แทบจะไม่เชื่อว่าเป็นจริง มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากเช้าของวันนี้หล่อนยังเห็นพ่อของหล่อนอยู่หลัดๆ ไม่มีเค้าลางบอกถึงเหตุร้ายที่พ่อของหล่อน จะไม่อยู่ให้ทุกคนเห็นหน้าอีกแล้ว
น้ำตาที่ไหลปิ่มออกมาไหลผ่านเบ้าตาทั้งสองจนคลอรื้นและสะอื้นฮักคนเดียวอยู่ในห้องน้ำดีล่ะที่ไปรมาน้องสาวไม่ดันโทร.มาในตอนที่คันธมาสนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของหล่อนซึ่งหล่อนทำงานอยู่ในฝ่ายพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งนี้ ไม่อย่างนั้น เพื่อนๆในที่ทำงานคงได้เห็น คันธมาส อุทานพร้อมร้องไห้ออกมา
“โธ่คุณพ่อ จากพวกเราทุกคนไปแล้ว ขอให้หลับสบายนะคะ อย่าห่วงแม่กับน้อง”
พร้อมกับทุกคนแตกตื่นกับข่าวร้ายและคันธมาสอาจจะสติแตกเสียใจมากกว่านี้แต่นี่แม้หล่อนจะอยู่ในห้องน้ำที่หน้าอ่างล้างมือและมองสำรวจดูตัวเองผ่านกระจก จนเห็นสีหน้าที่ซีดราวกับปราศจากสีเลือด หน่วยตาของหล่อนแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้ มาอย่างหนักหน่วงทั้งหอบจนตัวโยน
คันธมาสที่เคยสนใจความสวยงามบนใบหน้าและเสื้อผ้า ที่หล่อนคิดว่าจะต้องเนี้ยบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน แต่ว่าเวลานี้หล่อนกลับไม่สนใจทั้งสิ้นแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัวเองพอตั้งตัวได้ และมีสติ คันธมาสเอามือพยุงเกาะไว้ที่อ่างล้างมือ อันดับแรกต้องรีบแจ้งให้ฝ่ายบุคคลทราบ เพื่อที่หล่อนจะได้ขอตัว ไปที่โรงพยาบาลตำรวจในทันที คันธมาสเรียกรถแท็กซี่ที่จอดหน้าบริษัท หลังจากที่ฝ่ายบุคคลรับทราบเรื่องแล้วอนุญาต หล่อนรีบสะพายกระเป๋าตามมานั่งบนรถได้ หล่อนก็รีบบอกให้คนขับบึ่งไปที่จุดหมายปลายทาง
แล้วหล่อนก็นั่งเงียบ ผ่านการครุ่นคิด ในช่วงที่จิตใจทั้งสับสน วุ่นวายไปหมดที่สุดรถเข้าไปจอดใต้อาคารของโรงพยาบาล หล่อนรีบควักเงินจ่ายให้ แล้วลงจากรถ ก่อนอื่นรีบกระหืดกระหอบไปที่ลิฟต์ โชคดีคนไม่มาก คันธมาสรอจังหวะ ที่ ลิฟต์เปิดออก
เมื่อผู้โดยสารลิฟต์เช่นกันสองคนออกก่อนหล่อน ทีนี้ถึงชั้นตามที่ไปรมา น้องสาวระบุบอกเอาไว้ ว่าพ่ออยู่ที่นี่ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกคันธมาสได้ยินเสียงร่ำไห้ระงมดังขึ้นก่อนอับดับแรกซึ่งจำได้ว่า เป็นน้ำเสียงของมารดา อีกคนคือน้องสาว เบื้องหน้าที่หล่อนเห็นร่างที่อยู่บนรถเข็นถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวกลางหน้าอกเป็นร่างที่ปราศจากลมหายใจ บนใบหน้ามีร่องรอยการตัดเย็บผิวหนัง แต่หล่อนก็จำได้นั่นคือบิดาบังเกิดเกล้าของหล่อน
แม้เข่านั้นกำลังจะทรุด แต่หล่อนก็แข็งขืนใจเอาไว้ เพราะทุกคนอ่อนแอไปหมด ทั้งแม่และน้องสาว ซึ่งหล่อนจะต้องมีสติกว่าทุกคน และเข้มแข็ง
“ยังไงเสีย พ่อก็จากพวกเราไปแล้ว แม่ทำใจดีๆไว้นะคะ ยัยปิ่นด้วย”
น้องสาวของหล่อน ไปรมา มีชื่อเล่นว่าปิ่น ไปรมารีบโผเข้ากอดพี่สาว พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม จนน้ำตาหยดเปื้อนเปรอะชุดทำงานของคันธมาส ซึ่งคันธมาสก็ยอมให้น้องสาวใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ และใช้ตัวเธอเข้าปลอบประโลม ทั้งๆที่ใจคอของเธอก็ไม่สู้ดีนักเช่นกัน เพราะเกิดเรื่องแบบนี้กับเสาหลักของครอบครัว
และ ลึกๆไปนั้น มันก็ไม่ได้เข้มแข็ง อย่างที่ตัวเองคิดในเวลานี้เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นร่างไร้วิญญาณของพ่อหล่อน ผ่านหน้าหล่อน
มือเรียวซีดของคันธมาสยังเกาะกุมมือของน้องสาว และไปรมายังโอบกอดหล่อนอยู่ คันธมาสจึงสะกิดบอก เพื่อจะได้เตรียมตัวนั่งแท็กซี่กลับไปที่วัดอีกครั้ง เพราะมารดาของหล่อนระบุชื่อวัดเอาไว้แล้ว
น้ำตาถูกปล่อยให้เหือดแห้งไปเองนางถนอมนวล เริ่มมีสติ หันมามองดูลูกสาว ที่ไม่เห็นคันธมาสร้องไห้ แต่อาการเศร้าโศกก็ปรากฏ ลูกสาวคนนี้หยัดทระนงดีเหลือเกิน จากใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษเปล่า
“ไปเถอะค่ะแม่ เขากำลังพาพ่อไปวัด”
คันธมาสเตือนมารดาทางหนึ่งด้วย คุณถนอมนวลจึงทำตามลูกสาว พากันก้าวลงไปข้างล่าง
และเธอพร้อมด้วยมารดาและน้องสาว ก็นั่งรถแท็กซี่ ตามรถของโรงพยาบาลซึ่งอยู่ในละแวกชุมชมที่หล่อนอาศัยอยู่ เป็นวัดกลางชุมชนที่คุ้นเคย และมีผู้คนรู้จักพ่อของหล่อนมากมายพอสมควร พ่อของหล่อน สร้างคุณประโยชน์ เอาไว้มากมาย
บรรดาญาติกลุ่มหนึ่งมารออยู่ที่นี่แล้ว สีเสื้อผ้าเป็นสีขาวและสีดำคละเคล้ากัน เพราะนี่เป็นงานศพอีกสักพักหนึ่งหล่อนจะกลับมา เพื่อสวดอภิธรรมศพของบิดาเป็นคืนแรก หล่อนได้น้าทม เครือญาติข้างแม่ ที่จะแวะเข้าบ้าน และเข้ามาส่งตัวหล่อนด้วย เพื่อให้อาบน้ำ จะได้ผลผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และมาพร้อมกัน
ส่วนไปรมาน้องสาวของหล่อน ยังมีท่าทางหวาดกลัว และยังมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย จึงปล่อยให้อยู่กับบรรดาญาติ ที่คอยปลอบโยนแทน ส่วนนางถนอมนวลก็เช่นกัน แต่นางก็บอกลูกสาว
“ไปเถอะแม่ฝากเอาชุดสักสามสามชุดด้วย ทั้งผ้าถุง กระเป๋าของแม่ ทางนี้แม่จะช่วยจัดการ”
คันธมาสไม่พูดอะไรมาก เดินขึ้นรถของเครือญาติ โดยเข้าไปนั่งเคียงข้างคนขับ ทมจึงออกรถได้กลับเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อารมณ์หล่อนก็ดีขึ้นด้วย และขึ้นรถกลับมาอีกครั้งของทมโดยไม่ลืมนำสิ่งที่มารดาร้องสั่งเอามาด้วยคือถุงกระดาษใส่เสื้อและผ้าถุงของมารดา
คันธมาสมาทันพระสวดอภิธรรมศพหล่อน นั่งพนมมืออยู่ข้างมารดา สติของหญิงสาวจดจ่ออยู่เสียงสวดมนต์
ภาพโลงศพที่ถูกตั้งเบื้องหน้าพร้อมด้วยกระถางธูป กลิ่นกำยานจากการเผาไหม้ลอยคลุ้ง คันธมาสก้มหน้า หล่อนได้แจ้งให้ฝ่ายบุคคลทราบแล้ว ในเรื่องนี้แต่พรุ่งนี้ก็ต้องโทร.ไปลาอีกหน หล่อนอาศัยการลาเป็นพักรักร้อนประจำปี ซึ่งมีสิทธิ์ ลาได้สามวันบวกกับลากิจด้วย
หากว่าใครคนหนึ่ง มานั่งพนมมือไหว้อยู่ในงานด้วย หล่อนเงยหน้าไป จำหน้าเขาได้ เพราะเขายังคงแต่งงานในชุดเครื่องแบบที่คุ้นตากับการเป็นพนักงานส่งพิซซ่า
แต่คันธมาสเมินมองไปทางอื่นแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หล่อนนึกคาดไม่ถึงและยิ่งไปกว่านั้น คือการตกใจอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้คิดว่า จะได้มาเจอเขาแบบไม่คาดฝัน
หล่อนหลุดปากออกไป
“พี่ธิ” ชื่อของเขา ธิศาล เป็นชายหนุ่มรุ่นพี่ของหล่อน อยู่สี่ปี หล่อนคุ้นเคยและรู้จักกับเขาตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน เขายังมีจิตใจผูกมั่นต่อหล่อน ด้วยการต้องการที่จะคบหาเป็นแฟนและเขาขอจองตัวหล่อนมาหลายปีแล้ว คันธมาสรับรู้ด้วยความดีใจ แม้ข้างในจะมีน้ำตา บวกกับดวงหน้าที่เศร้าไม่สามารถที่จะบังคับให้ยิ้มชื่นได้
ธิศาลดูเหมือนจะเข้าใจ เขาบอกหล่อน
“พี่เพิ่งรู้ช้าไปว่าอาก้องจะอายุสั้นอย่างนี้ แม่เพิ่งมาบอก แล้วพี่ก็รีบกลับมาทันที”
คำที่เขาเอ่ยอธิบาย คันธมาสพยักหน้าช้าๆ
“ต่อไปไม่มีอาก้องแล้วคิ้มต้องเข้มแข็งให้มาก”