พลั่ก!!
เสียงพี่จุนแหบพร่าเเละอันตรายมาก เล่นเอาฉันรีบยกมือผลักอกเขา ก่อนจะวิ่งออกจากห้องโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
ตัวเล็กน่ะ... นอนคนเดียวก็ได้!
ไอ้คนนิสัยไม่ดี โกรธแล้ว!
[บทบรรยาย: จุน]
ตัวเล็กวิ่งออกจากห้องไปแล้ว...
นึกโมโหตัวเองเหมือนกันที่เอาแต่ใจเกินไปจนเด็กมันกลัว แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้นี่หว่า... มากอด มาซุก แถมยังหายใจรดกันแบบนี้ผู้ชายหน้าไหนมันจะทนได้
แต่เออ มันผิดที่ผมเองนี่แหละ ถ้ารู้จักหักห้ามตัวเองบ้างก็คงไม่หลวมตัวจนเผลอพลั้งจูบยัยนั่นเข้าหรอก
“บัดซบจริง” ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อตัวเล็กวิ่งจากไป เสียงประตูห้องที่ปิดดังตึงทำให้ผมได้คำตอบว่ายัยนั่นคงหมกตัวอยู่ในนั้น บางทีคงไม่ออกมาเจอหน้ากันอีกนานเลย “เออดี...”
ผมพึมพำขึ้นมาอีกเมื่อหันไปเห็นหมอนหนุนและผ้าห่มผืนหนาของตัวเล็ก เมื่อกี้คงเตลิดเปิดเปิงจนไม่สนใจอะไรเลยมั้ง
มองอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนคว้าผ้าห่มและหมอนติดมือมาเพื่อจะเอาไปให้ยัยลูกหมาที่ไม่รู้ว่าป่านนี้สติแตกไปหรือยัง
ผมว่าผมจูบเบาแล้วนะ แต่ยัยนั่นคงเจ็บ... ดีไม่ดีอาจจะบวมหรือมีรอยก็ได้
ก๊อกๆ
“ตัวเล็ก พี่เอาผ้าห่มกับหมอนมาให้” ผมเคาะประตูเรียกสองครั้ง แต่ยัยเด็กดื้อไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
ผมว่ายัยนั่นคงทำเพิกเฉยไม่สนใจเพราะไม่อยากเผชิญหน้าหรือพูดคุยกับผมมั้งแน่ๆ
“...”
“ตัวเล็ก ออกมาเอาเร็ว” เสียงของผมดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าทุกอย่างยังคงเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบรับแม้แต่นิด “งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะ” ผมทำตามที่พูดจริงๆ
ยัยนั่นเป็นคนขี้หนาวจะตาย ยังไงก็ต้องออกมาเอาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอหยิ่งไว้ก่อน
พรุ่งนี้ค่อยง้อก็ได้ อยากได้อะไรเดี๋ยวหามาให้หมดเลย...
ตอนเช้า
พึ่บ
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรับรู้ได้ถึงเรียวแขนนุ่มนิ่มของใครบางคนพาดทับรอบเอว
ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงละเมอไป แต่ทันทีที่หลุบตามองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะไอ้เจ้าของอ้อมกอดแนบแน่นดังกล่าวคือตัวเล็ก... ยัยเด็กที่งอนตุบป่องเมื่อคืนนี้ไง
ไหงมานอนกอดกันได้วะเนี่ย!
“ตัวเล็ก...” ผมขานเรียกตัวเล็กเบาๆ แต่ยัยนั่นทำเพียงขยับตัวเล็กน้อยทั้งๆ ที่ยังหลับปุ๋ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
และให้ตายดิ ในครั้งที่ผมลองสังเกตริมฝีปากยันเด็กนั่นก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นรอยช้ำและความบวมเป่งผิดปกติ ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองแผ่วเบาและไม่ได้รุนแรงกับตัวเล็กเลยก็เถอะ แต่ทำไม...
หรือยัยนั่นเปราะบางเกินไปกันแน่ โดนอะไรนิดหน่อยก็บอบช้ำเอาง่ายๆ
“อย่ามาทำนะ!” ผมสะดุ้งเมื่อยัยเด็กที่นอนหลับเป็นตายโพล่งออกมาเสียงดังราวกับจะประกาศสงคราม และเออ...ปากน่ะร้องห้าม แต่ทำไมต้องกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นขนาดนี้ด้วย ไม่เข็ดไม่หลาบเลยใช่ไหมยัยเด็กคนนี้
“นอนดีๆ” ผมกระซิบและขยับตัวเล็กน้อย อยากนอนนิ่งๆ ให้ตัวเล็กกอดเหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า
ถึงจะหงุดหงิดที่เมื่อคืนทำตัวไม่ดี แต่เอาจริงๆ ผมก็อยากทำอีก... ด้านมืดมันพร้อมจะตื่นอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งคิดถึงมัน คิดถึงความนุ่มนิ่มและลมหายใจสั่นแผ่ว สมองมันก็คิดอะไรแบบใสสะอาดไม่ได้เลย
ครืด...
เสียงสั่นเตือนของมือถือบนหัวเตียงฉุดผมจากภวังค์ความคิด มันน่าละอายอยู่เหมือนกันที่มานั่งคิดถึงอะไรแบบนั้นในช่วงเช้า... แต่มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายไง
ผมเข้าใจ แต่ตัวเล็กคงไม่เข้าใจ
ตอนแรกคิดว่าเป็นมือถือของตัวเอง แต่ปรากฏว่าที่มาของเสียงเป็นของตัวเล็กซึ่งไม่รู้ว่าเอามาตั้งเเต่เมื่อไหร่
ผมเห็นอยู่ลางๆ ว่าเป็นข้อความไลน์จากใครสักคน ไม่อยากก้าวก่ายหรอก... แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอื้อมไปหยิบมันแล้วเปิดดูอย่างถือเสียมารยาท
Deaw: ตัวเล็กว่างคุยกับเดียวไหมครับ
Deaw: ถ้าว่างก็ตอบเดียวด้วย เดียวอยากคุยกับตัวเล็กนะ
แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสีหน้าในขณะนี้กลับมาเรียบนิ่งแล้ว และผมก็ทำตัวแย่ๆ ด้วยการลบข้อความพวกนั้นทิ้งอย่างไม่ลังเล ไม่สนหรอกว่ามันเป็นใคร
ไม่พอใจคือไม่พอใจ
“รำคาญ...”
[จบบทบรรยาย: จุน]
“เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”
“อือ”
ฉันตอบรับสั้นๆ โดยไม่มองหน้าเจ้าของคำพูดแม้แต่นิด เพราะแบบนั้นเองพี่จุนที่พยายามหาเรื่องคุยเลยรั้งต้นแขนไว้เบาๆ ก่อนที่ฉันจะลงจากรถไป
ไม่อยากคุยอ่ะ โกรธอยู่... โกรธของจริงด้วย!
ถึงจะโมโหตัวเองที่วันนั้นกลับไปนอนกับเขาเพราะกลัวผีก็เถอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหายเคืองกับสิ่งที่เขาทำไว้สักหน่อย ดูสิ! ปากฉันยังช้ำๆ อยู่เลย เมื่อวานตอนเข้าเรียนก็มีเพื่อนมาถามกันตั้งเยอะตั้งแยะ คิดว่าฉันโดนใครทำร้าย
ตัวเล็กโดนจูบต่างหากล่ะ!!!
“ตัวเล็กจะไม่คุยกับพี่จริงๆ เหรอ” เสียงที่ยังคงความเรียบนิ่งดังขึ้นมาอีก เขาคงอึดอัดมากแน่ๆ ที่ฉันเอาแต่เงียบและเพิกเฉยใส่ขนาดนี้
ใจจริงก็อยากจะคุยด้วยเหมือนกันแหละ แต่ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม
“ตะ ตัวเล็กจะไปเรียนค่ะ” ฉันเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นออกไปและพยายามบิดแขนออกจากฝ่ามือหนา ซึ่งพี่จุนก็ไม่เอาแต่ใจหรือเผด็จการอย่างที่เคยเป็น เพราะงั้น... ฉันเลยแอบชำเลืองมองนิดหน่อย แต่ก็ต้องรีบลากสายตากลับมาเมื่อเห็นว่าเขายังคงจ้องหน้ากันอยู่
หน้าตาจริงจังมากเลยนะนั่น...
เดี๋ยวหายโกรธเองแหละ ขอเล่นตัวก่อนไม่ได้เหรอ
“อยากกินไรไหม” ฉันกำลังจะลงจากรถ แต่คราวนี้พี่จุนทำให้ฉันชะงักหนักกว่าเดิมด้วยคำถามพวกนั้น
ไม่อยากจะบอก! ตั้งแต่วันที่ฉันบึ้งตึงใส่เขา... พี่จุนน่ะก็ขยันหาโน่นหานี่มาล่อฉันตลอดเลย เหมือนเขาพยายามง้อ แต่สีหน้าเนี่ยไม่ยิ้มแย้มเลยนะ ไม่รู้ว่าในใจกำลังวางแผนฆ่าแกงกันหรือเปล่า
“ไม่เอาค่ะ” ฉันปฏิเสธพร้อมส่ายหน้าไปมา
“งั้น... ตั้งใจเรียนครับ”
อ่า อยู่ดีๆ เสียงของเขาก็กลับมานุ่มทุ้มน่าฟังจนรู้สึกจักจี้ที่อกแปลกๆ ถึงแม้ว่ามันยังคงความราบเรียบตามแบบฉบับเขา แต่ฉันสัมผัสได้ว่ามันแปลกไปนิดหน่อย
อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่กันนะ ถ้าได้ยินอีกน่ะ... จะหวั่นไหวจริงๆ ด้วย
ตอนเย็น
ฉันเพิ่งเลิกเรียนและกำลังเดินไปหน้ารั้วมหา’ลัย
แม้ว่ายังตึงๆ ใส่พี่จุนอยู่ แต่เหตุการณ์บนรถเมล์ในครั้งนั้นทำฉันกลัวและจำฝังใจพอสมควร เพราะงั้นฉันจึงสั่งให้ตัวเองออกไปรอเขาหน้ารั้วทุกครั้งเมื่อเลิกเรียน ห้ามเถลไถลเด็ดขาด!
“ตัวเล็ก!” ทว่าเสียงทุ้มติดขี้เล่นของใครสักคนฉุดให้ฉันหันกลับไปพร้อมทั้งหยุดเท้าอยู่ตรงนั้น
โอ๊ะๆ! ความหล่อแผ่รังสีมาเเต่ไกลเลย
“จ๋า เรียกเสียงดังตัวเล็กตกใจหมดเลย” ฉันขานรับอย่างเป็นมิตรและยิ้มตาหยีเพราะเจ้าของร่างสูงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหาคือ ‘เดียว’ เพื่อนร่วมคณะ
เราเจอกันบ้างแต่ไม่บ่อยเพราะเรียนกันคนละเซคชั่นน่ะ
“เดียวกลัวตัวเล็กไม่ได้ยินไง” เดียวให้เหตุผลขณะหอบหายใจถี่ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย เหงื่อเต็มหน้าไปหมดเลย
“โหย ตัวเล็กหูดี ตะโกนแบบนี้คนมองเต็มเลยเนี่ย” ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ เพราะมีคนจำนวนหนึ่งกำลังให้ความสนใจเราสองคน แหงล่ะ! เดียวน่ะเป็นคนดูดีและฮอตมากเลยนี่นา
“ช่างคนมองไปเถอะ เดียวไม่อายหรอก” เดียวพูดจาแปลกๆ จนฉันต้องลากสายตากลับมา วินาทีนั้นเองฉันจึงเห็นแววตาที่กำลังสื่อความหมายของเขา
และสักพักหนึ่งเดียวก็ดึงมืออีกข้างที่เคยซ่อนไว้ข้างหลังมาตรงหน้าพร้อมกุหลาบช่อโต!
อะโห...
ฉันอ้าปากอ้าง ได้แต่มองดอกกุหลาบช่อใหญ่สลับกับเดียวอย่างไม่เข้าใจ เสียงซุบซิบนินทาหนาหูขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็นะ รังสีฆ่าฟันลอยมาจากไหนไม่รู้...
“หะ ให้ตัวเล็กเหรอ?” ฉันเอียงคอ รู้สึกเอ๋อจนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีคนให้ดอกไม้มาก่อนเลย ตื่นเต้นโคตร!
“อือ เดียวซื้อมาให้” เดียวพยักหน้าอย่างไม่เอียงอาย แถมยังปรับระดับช่อกุหลาบให้อยู่ใกล้กับสายตาฉันมากกว่าเดิมอีกต่างหาก “ตัวเล็กเอาไปสิ” เขาคะยั้นคะยอในขณะที่ฉันทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอซ้ำๆ
ไม่ใช่อะไรเลยนะ คือดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าราคามันต้องสูงแน่ๆ
อีกอย่าง... พวกผู้หญิงที่กำลังมองมาก็น่ากลัวไม่เบาด้วย ถ้าตัวเล็กรับไว้จะโดนพวกนั้นตีไหมอ่ะ
“ตัวเล็ก...”
ปรี้น!!!
กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าเสียงแตรรถที่ดังระงมไปทั่วทำให้ฉันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ครั้นเมื่อหันกลับไปมองก็พบกับต้นของเสียงซึ่งยังคงกรีดร้องไม่หยุดจนคนเริ่มมุงเพราะคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น
พี่จุนนี่นา!
เขาจอดรถอยู่หน้ารั้วและกำลังจ้องฉันผ่านกระจกด้วยสีหน้าที่ทำเอาขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว แบบว่า... อยู่ดีๆ ก็หายใจไม่ออกซะงั้นอ่ะ
นัยน์ตาคมกริบมีแววคุกรุ่นมากกว่าครั้งไหนจนฉันต้องรีบหันไปหาเดียว ไม่รู้หรอกว่าพี่จุนกำลังหงุดหงิดอะไร แต่อาการดูไม่ดีเอาซะเลย
เขาเอาแต่บีบแตรอย่างดื้อรั้น ไม่ยี่หระว่ามีคนมองมากแค่ไหนเพราะสิ่งเดียวที่เขามองคือฉัน!
อ่า... จะโดนฆ่าไหมเรา
“เดียว ตัวเล็กต้องไปแล้วนะ” ฉันลนลานพูดและกำลังจะวิ่งไปหาพี่จุน แต่เดียวรั้งข้อมือไว้ซะก่อน
“ตัวเล็กจะไม่เอาจริงๆ เหรอ...”