บทที่5.2

1389 คำ
“งั้นโอเคๆ ตัวเล็กเอาก็ได้ ขอบคุณคร้าบ~” เพราะความเร่งรีบและอะไรหลายๆ อย่างทำให้ฉันต้องรับมาอย่างจำใจ จากนั้นก็ตรงไปหาพี่จุนอย่างด่วนจี๋ชนิดที่ว่าถ้ากลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุนได้คงกลิ้งไปเเล้ว ซึ่งทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถของเขาปุ๊บ... บรื้น!! รถคันหรูก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว! และมันเร็วมากจนฉันไหลไปกระแทกคอนโซลรถอย่างช่วยไม่ได้ คือฉันน่ะ... ยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยเลยด้วยซ้ำ “พะ พี่จุน” ฉันพยายามเอามือยันคอนโซลหน้ารถและประคองตัวเองอย่างสุดความสามารถ ระหว่างนั้นก็เปล่งเสียงเรียกเจ้าของร่างสูงที่ไม่ได้มองหน้ากันแม้แต่นิดเพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้ “พี่จุนขับรถเร็วเกินไปแล้วอ่ะ” “...” พี่จุนไม่ตอบ แถมยังเพิ่มความเร็วของรถจนฉันตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว “พี่จุนขา...” “รำคาญ” ฉันถึงกับผงะเมื่อเสียงทุ้มเจือไปด้วยความฉุนกึกดังขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ถึงจะเป็นเพียงวลีสั้นกระชับ แต่ก็มากพอจะสั่งให้ฉันนั่งคอหดอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าเปล่งเสียง แค่ขยับตัวยังกลัว... พี่จุนเป็นอะไรไป ทำไมต้องพาลและหงุดหงิดใส่กันขนาดนี้ด้วย นิสัยไม่ดีอีกแล้ว... เพราะพี่จุนขับรถเร็วมาก... ครั้งนี้เราเลยมาถึงคอนโดกันเร็วกว่าปกติ ตลอดทางฉันทำได้แต่ภาวนาให้เราสองคนปลอดภัย ก็พี่จุนน่ะขับโฉบไปโฉบมาไม่กลัวตายสักนิด มีหลายครั้งที่ฉันต้องหลับตาปี๋เพราะไม่กล้ามองท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถรา แน่นอนว่าระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไรเลย จนกระทั่งตอนนี้... ทั้งฉันและเขายังถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจกระชากกระชั้นของคนตัวสูงที่เดินนำหน้าเข้าห้องไป ส่วนฉันน่ะ เดินตามเขาต้อยๆ อย่างระแวดระวัง เกรงว่าทำอะไรพลาดแล้วจะไปกระตุกต่อมเขาเข้าไง “พะ พี่จุน” แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็สูดลมหายใจเข้าปอด รวบรวมความกล้าทำลายความอึดอัดทั้งหมดด้วยการขานเรียกชื่อเขาอย่างตะกุกตะกัก เป็นเวลาเดียวกันที่พี่จุนหยุดเท้าลง ทว่ายังคงหันหลังให้กัน “พี่เป็นอะไร คือว่า... บอกตัวเล็กได้ ตัวเล็กรับฟังเก่งนะ” ฉันถามอย่างเป็นห่วง ลืมไปแล้วว่าต้องโกรธ ต้องงอนเขา “รับดอกไม้มันมาทำไม” พี่จุนไม่ตอบและเลือกที่จะถามกลับมาจนฉันต้องเอียงคอเล็กน้อย จะว่าไป ฉันก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองถือดอกไม้ของเดียวเข้ามาในห้องด้วย เดี๋ยวเอาไปเสียบแจกันดีกว่า... “อ้อ ตัวเล็กเกรงใจไง อ๊ะ!” พึ่บ! ยังอธิบายไม่ทันจบ พี่จุนก็หันกลับมาแล้วกระชากช่อดอกไม้จากมือฉันไปอย่างถือวิสาสะ ในขณะที่ฉันยืนอึ้งและทำตัวไม่ถูก เขาก็จัดการปามันลงพื้นราวกับเป็นของไร้ค่า ยิ่งกว่านั้นนะ... ยังสำทับด้วยการใช้เท้าเหยียบซ้ำตอกย้ำความโมโหที่ยังคงฉายวาวอยู่ในดวงตาคมกริบของเขา “อยากได้ก็บอก ไม่ต้องอ้างว่าเกรงใจ” อะไรนะ? “พี่จุน! เอาเท้าออกไปนะ มาเหยียบทำไมเนี่ย” ฉันย่อตัวลงนั่งและยกมือตีขาเขาหลายทีด้วยความไม่พอใจ ถึงฉันจะไม่อยากได้เท่าไหร่ก็เถอะ แต่เอามาทำเเบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ “เสียดายมากหรือไง” พี่จุนถามเมื่อฉันตัดสินใจผลักเขาออกไปแล้วก้มเก็บซากดอกกุหลาบที่แบนแต๊ดแต๋อยู่บนพื้น กลีบของมันกระจุยกระจายไปหมดเลย กระดาษสาที่ห่อหุ้มอย่างสวยงามก่อนหน้านี้ก็หลุดลุ่ยออกจากช่ออย่างน่าสงสารด้วย “พี่จุนนิสัยไม่ดีอีกแล้ว ตัวเล็กไม่ชอบ!” ฉันหยัดตัวขึ้นเมื่อเก็บซากกุหลาบทั้งหมดเสร็จ “เก็บทำไม เอาไปบูชาเหรอ” พี่จุนหลุบตามองซากกุหลาบในมือฉัน “เอาไปทิ้ง” ก่อนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ แต่เพราะฉันไม่ยอมทำตามและเตรียมเดินหนีเข้าห้อง มือหนาจึงดึงหนึ่งในกุหลาบที่หลุดออกจากช่อไป เขาทำท่าจะโยนมันทิ้งทางหน้าต่าง ในขณะที่ฉันพยายามดึงกลับมา ครูด... เเต่เเล้วก็ต้องรีบปล่อยมืออย่างเร่งด่วนเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างครูดกับฝ่ามือของเขา... พอสังเกตดูดีๆ จึงได้คำตอบว่าพี่จุนน่ะจับส่วนก้านที่ยังมีหนาม และการที่ฉันออกแรงกระชากเป็นผลให้หนามแหลมๆ ไถลกับฝ่ามือของเขาจนเลือดออก! ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงได้ห่อกระดาษสาหนาแน่นแบบนี้ เพราะไม่ได้เอาหนามออกดีๆ นี่เอง หะ ให้ตายสิ “ตะ ตัวเล็กไม่ได้ตั้งใจ” ฉันหน้าซีด รีบวางซากกุหลาบบนโซฟาแล้วถลาเข้าไปดูอาการเขาด้วยความตกใจ และฉันแทบจะปล่อยโฮเมื่อเห็นบาดแผลกับเลือดบนฝ่าหนา "..." เพราะฉันคนเดียวเลย ตัวเล็กนิสัยไม่ดี... ทำพี่จุนเลือดออก “เดี๋ยวตัวเล็กทำแผลให้...” “...ไม่ต้อง” พี่จุนปัดมือฉันออกเบาๆ แต่ก็มากพอจะทำให้ฉันหน้าเสียและอยากร้องไห้หนักกว่าเดิม ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเขา พยายามค้นหาคำตอบ แต่พี่จุนกลับใช้ความเฉยชาจดจ้องฉัน “พี่ไม่ชอบความขี้สงสารของตัวเล็ก” “...” “ไม่รู้เหรอว่าการสงสารหรือเกรงใจคนไปทั่วมันไม่ต่างกับการอ่อยเรี่ยราด” ฉันสะอึก เม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็อดไม่ไหวจนต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาขณะจ้องหน้าพี่จุน ฉันเห็นเขาแสดงความวูบไหวด้วยนะ เเต่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เลย “ตัวเล็กไม่รู้ว่าวันนี้พี่จุนเป็นอะไร แต่ตัวเล็กน่ะ...ไม่ได้อ่อยใครเลยนะ” ฉันอธิบายพร้อมเสียงสะอื้นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ระหว่างนั้นก็ก้าวเท้าถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง “แค่เกรงใจมันผิดตรงไหนเหรอคะ” “...” “แล้วตัวเล็กก็ไม่ได้สงสารพี่จุนด้วย ตัวเล็กแค่เป็นห่วง” ฉันหลุบตามองฝ่ามือของเขาที่ยังคงมีเลือดไหล ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมพี่จุนถึงเอาเรื่องเดียวกับเรื่องตัวเองมารวมกันได้ “แต่ตอนนี้ตัวเล็กเกลียดพี่จุนแล้ว!!” ฉันตะเบ็งเสียงใส่ก่อนจะวิ่งออกมาข้างนอกโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง ไม่สนแล้ว ไม่เอาแล้ว... ต้องไปที่ไหนสักที่ ที่ไหนก็ได้ ที่ที่ไม่มีพี่จุน ที่ที่ปราศจากเขา ฉันตะเบ็งเสียงใส่ก่อนจะวิ่งออกมาข้างนอกโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง ไม่สนแล้ว ตัวเล็กไม่เอาแล้ว... ฉันวิ่งออกมา... น้ำตายังไงไหลไม่หยุดเลยอ่ะ ไม่รู้ว่ากำลังเสียใจ น้อยใจ หรือเป็นอะไรกันแน่ “เกลียดแล้วนะ” ฉันพึมพำเมื่อวิ่งมาถึงป้ายรถเมล์ที่ไม่มีใครเลย มันเงียบมากและมืดมากด้วย ฉันรู้สึกกลัวแต่ไม่รู้ว่าจะไปไหนดีเลยตัดสินใจนั่งลงตรงป้าย มองรถบนท้องถนนที่แล่นไปแล่นมาพร้อมเสียงสะอื้น สองมือก็ยกปาดน้ำตาเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ทำไมมันไม่หมดไปสักทีนะ กลิ่นเลือดจางๆ ของพี่จุนที่ติดมือมายิ่งทำให้ฉันเบ้หน้างอแงหนักกว่าเดิมอีก ฉันนั่งอยู่นี้ตรงคนเดียวร่วมหลายนาที กระทั่งรถเมล์คันหนึ่งเคลื่อนมาจอดตรงหน้า... ภาพในวันนั้นไหลย้อนเข้ามาและทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนตัวสั่น แต่ว่านะ ฉันแค่อยากไปจากที่นี่ไง มันน้อยใจจนไม่อยากอยู่ใกล้ๆ ให้เขาหาตัวเจอ วันนี้บนรถคนค่อนข้างเยอะ แถมส่วนใหญ่ยังเป็นผู้หญิง ไม่มีคนท่าทางน่ากลัวเหมือนครั้งนั้นด้วย คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ก็แค่นั่งไปเรื่อยๆ สุดป้ายเมื่อไหร่ค่อยลงก็ได้... ไม่เห็นจะยากเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม