“ขยันอ้อนเหลือเกิน...”
ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงข้อความที่ตัวเล็กเป็นคนส่งมา รู้ตัวบ้างไหมว่าประโยคพวกนั้นมันทำให้ผมแทบเป็นบ้า
ผมใช้เวลาขับรถกลับคอนโดไม่นานนัก ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมรอบนี้ถึงที่หมายเร็วกว่าทุกครั้ง บางทียัยเด็กตัวน้อยนั่นอาจจะมีส่วนก็ได้... มั้ง
แกรก!
ผมแตะคีย์การ์ดเพื่อจะเข้าไปข้างใน แต่แล้วเท้าทั้งสองจำต้องชะงักกึกเมื่อเห็นร่างบางในชุดนอนลายสิงโตนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าห้อง ยังดีที่ยั้งมือทัน ไม่งั้นประตูได้กระแทกเหม่งยัยนั่นเข้าแน่ๆ
“มานั่งทำไมตรงนี้” ผมส่งเสียงดุขณะก้มมองยัยเด็กดื้อที่ยกมือขยี้ตาอย่างง่วงงุน แสดงว่านั่งรอผมตั้งแต่ที่ส่งข้อความมาหาแล้วสินะ
ทำตัวปัญญาอ่อนชะมัด...
“ตัวเล็กรอพี่จุนอ่ะ พี่กลับโคตรดึกเลย” ยัยนั่นทำหน้างอเหมือนผมทำอะไรผิดไป ยิ่งกว่านั้นนะ เจ้าตัวยังเดินเข้ามาใกล้แล้วขยุ้มมือทั้งสองกับชายเสื้อ ออกแรงกระตุกเบาๆ เหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ
แน่นอนว่าผมไม่ได้ละสายตาไปจากตัวเล็กเลย ยัยนั่นเงยหน้าขึ้นมา ผมเองก็ก้มหน้าลงไป ได้กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ จากตัวยัยนั่นด้วย
“แล้วรอพี่ทำไม” ผมถามอย่างสงสัย
“ตัวเล็กกลัวผี” ยัยนั่นให้เหตุผล พร้อมสำทับด้วยการเขยิบเข้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างเราแทบไม่เหลือ “ตัวเล็กไม่กล้าอยู่คนเดียวค่ะ” สีหน้าตอนยัยนั่นพูดมันน่าเอ็นดูโคตรๆ และผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเผลอเม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ไม่ต่างอะไรกับยาเสน่ห์
“รีบไปนอนได้แล้ว” ผมเบี่ยงตัวแล้วเดินเข้าไปในห้อง ใช่ว่าไม่สนใจน้อง แต่ขืนยืนจ้องกันนานๆ ผมกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหว
คนบ้าอะไรน่ารักฉิบหาย น่ารักจนน่าหงุดหงิด
“งือ” เสียงยัยลูกหมาทำให้ผมหันกลับไปมอง ปรากฏว่ายัยนั่นเดินตามเข้ามาในห้องเเล้ว ถือหมอนกับผ้าห่มมาพร้อมด้วย “ไหนพี่จุนบอกว่าถ้ากลัวผีให้มานอนในนี้ได้ไง” ยัยนั่นเริ่มงอแง และผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเคยพูดแบบนั้น
หลายวันก่อนตัวเล็กมาฟ้องผมว่าโดนผีอำ ตอนนั้นผมกะพูดแค่ให้ยัยนั่นสบายใจ แน่นอนว่าในความเป็นจริงผมไม่กล้าให้เด็กนั่นมานอนด้วยกันหรอก ผมยังจำครั้งแรกระหว่างเราได้...
ตัวเล็กนอนดิ้นมาก แถมยังชอบละเมอและซุกไซ้ไปทั่ว ผู้ชายหน้าไหนมันจะทนได้วะ
ครั้งนั้นยังถือว่าโชคเข้าข้างที่ผมไม่ได้ล่วงเกินจนเป็นอันตราย แต่ครั้งนี้ความมั่นใจมันเหลือศูนย์ ไม่ดิ ติดลบเลยต่างหาก
จะว่าไป ไอ้ผีที่อำตัวเล็กคืนนั้นคือผมเองนี่แหละ เข้าไปจุ๊บนิดหน่อยเอง...
“แน่ใจเหรอที่จะนอนกับพี่?” ผมเลิกคิ้ว ตัวเล็กเลยพยักหน้ารับสามสี่ทีราวกับว่าตัดสินใจดีแล้ว
ยัยนั่นเป็นคนประเภทไหนกันแน่ มาขอนอนกับผู้ชายอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนั้น หรือคิดว่าการที่ผมเป็นพี่ชายชั่วคราวมันปลอดภัยเลยคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ
ไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นกำลังคิดอะไร แต่ผมคิดดีไม่ได้เลย สกปรกสุดๆ ไปเลยตอนนี้...
คืนนั้น
“พี่จุนปิดไฟทำไมอ่ะ”
“ถ้าเปิดไฟพี่นอนไม่หลับ" ผมหลับตา... แต่ปากก็ขยับตอบไปพลาง
พยายามทำใจให้สงบแต่เพราะรู้ว่ามีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ สติสตางค์มันเลยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่
อีกอย่าง ตัวเล็กก็ชวนคุยไม่เลิกด้วย แม้ไม่รู้สึกรำคาญ แต่ทุกครั้งที่ยัยนั่นส่งเสียง... ลมหายใจกรุ่นร้อนก็ยิ่งรบกวนสมาธิผม
ขยับออกไปนิดหน่อยไม่ได้หรือไงวะ สงสัยไม่เคยเห็นคนแก่ใจแตก
สารภาพสักหน่อยว่าที่ตอบยัยนั่นไปมันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงหรอก เพราะจะปิดหรือเปิดไฟถ้าง่วงมากๆ ก็หลับได้อยู่ดี
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ยัยลูกหมานี่คนเดียวเลย
“โอเคค่า งั้นตัวเล็กไม่กวนแล้ว” ตัวเล็กคงสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่หลับตา ยัยนั่นเลยทำเสียงหงอยลงเล็กน้อยและเงียบในที่สุด ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปพักหนึ่งเพราะต้องการความแน่ใจว่าเด็กข้างๆ หลับไปแล้วจริงๆ แต่... “หนาวๆ” อยู่ดีๆ ก็โพล่งขึ้นมาซะงั้น
“เดี๋ยวพี่ไปปรับแอร์ให้ เอาไหม” ผมถามเมื่อรับรู้ถึงความสั่นเทาจากคนตัวเล็ก
“ไม่เป็นไรจ้า ตัวเล็กทนได้ เดี๋ยวมุดเข้าไปนอนข้างในดีกว่า”
“...!” ผมแทบหลุดคำสบถยาบคายในวินาทีที่ยัยนั่นมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเป่ารดทำเอาผมต้องขบฟันอย่างอดกลั้น
ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องทุกข์ทรมานเท่าครั้งนี้มาก่อน และแน่นอนว่าความอดทนของผมมันลดลงเรื่อยๆ
กำแพงใกล้พังเต็มทนแล้ว
“ตัวพี่จุนอุ่นดี ตัวเล็กขอกอดหน่อยน้า” เด็กนั่นขออนุญาตผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ก่อนใช้เรียวแขนโอบกอดกันอย่างแนบแน่นหวังจะบรรเทาความหนาวซึ่งมันเป็นนาทีเดียวกันที่ผมลืมตา ลมหายใจกระชากกระชั้นขึ้นตอนไหนไม่รู้...
“งั้นพี่ขอค่ากอดด้วย”
“ค่ากอดอะไร อ๊ะ!” ผมมุดตามเข้าไปจนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจ แม้ความมืดจะอำพรางทุกอย่างจนมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน แต่ผมมั่นใจว่าเราต่างก็มองเห็นเงาของกันและกันได้ “พี่จุนขา ทำอะไรเนี่ย” ตัวเล็กถามเสียงเบาเมื่อผมเงียบไป แต่เลือกที่จะขยับเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกันในที่สุด
ตัวเล็กพยายามจะเขยิบหนี แต่คราวนี้ผมไม่ยอมเลยล็อกปลายคางด้วยมือข้างขวา และเพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นผมก็บดริมฝีปากลงไปอย่างแนบแน่น...
แน่นจนสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาและเสียงสะอื้น
ความผิดชอบชั่วดีถูกทำลายจนไม่เหลือซากเมื่อริมฝีปากเราแตะกัน ผมพยายามแผ่วเบา... แต่ความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากและกลิ่นกายหอมๆ ของตัวเล็กทำเอาผมยับยั้งตัวเองไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็บังคับให้น้องอ้าปากแล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปซะแล้ว
อย่านะมึง คุกไงคุก...
“พะ พี่ ฮึก”
ผมห้ามตัวเอง เเต่ยิ่งห้ามแม่งก็เหมือนยิ่งยุ
[จบบทบรรยาย: จุน]
ฉันหลับตาปี๋ราวกับกำลังหลบหนีความตายในขณะที่ลมหายใจขาดห้วงจนพูดจาไม่รู้เรื่อง
ลิ้นร้อนชื้นของพี่จุนอยู่ในริมฝีปากฉัน... และลิ้นของฉันถูกเขาดูดดุนจนชาดิกไปหมดยิ่งกว่าถูกชโลมด้วยยาพิษร้ายแรง สมองมันหมุนคว้าง แทบไม่มีสติหลงเหลือ แม้แต่พละกำลังเพียงน้อยนิดเพื่อผลักไสเขาก็แทบจะติดลบเข้าไปทุกที
พี่จุนไม่ได้รุนแรง แต่กลับให้ความรู้สึกดิบเถื่อนและหิวโหยจนหัวใจฉันเต้นหนักด้วยความกลัว
ฮึก...
แล้วในครั้งที่ฉันเริ่มสะอื้นหนักเพราะหายใจไม่ออก พี่จุนก็โอบกอดฉันเอาไว้... ก่อนยกมือลูบศีรษะฉันอย่างแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม ทุกอย่างในตอนนี้ทำเอาฉันปรับตัวไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่าตรงผิวแก้มมันร้อนผ่าวยิ่งกว่าถูกสุมด้วยไฟซะอีก
สะ สั่นไปหมดเเล้ว ทำยังไงดี ตัวเล็กต้องทำยังไง...
เหมือนถูกเขาชัดจูง ถูกกำหนดทิศทางโดยที่ฉันโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย
สิ่งเดียวที่ทำได้คือนอนกระสับกระส่ายอยู่ตรงนี้ เป็นแค่เด็กน้อย... ที่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
ฉันยังคงหลับตาปี๋เเละสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกลัว ทว่าสักพักหนึ่งพี่จุนก็ยอมผละออกเเล้วเปลี่ยนมาจูบเบาๆ บนแก้มฉันแทน
ฉันสะดุ้งซ้ำๆ กับสัมผัสของเขา ไม่ชินเลย... ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเเล้วด้วย
“พี่ทำเราเจ็บหรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบถาม แต่ก็ไม่เลิกจูบกันสักที เมื่อกี้ยังจูบแก้มฉันอยู่เลย ตอนนี้ริมฝีปากเปียกชื้นเลื่อนไปที่ซอกคอฉันซะแล้ว
“ตะ ตัวเล็กไม่คุยกับพี่จุนแล้ว พี่จุนนิสัยไม่ดี...” ฉันดิ้นขลุกขลักเมื่อสติเริ่มกลับมา “พี่จุนรังแกเด็ก!”
“พี่ไม่ได้รังแก” เขาแก้ตัว
“แล้วพี่จุนมาจูบตัวเล็กทำไม...” ฉันเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกสายตาอันตรายของเขาจ้องมา ดีนะที่ตอนนี้ค่อนข้างมืด ไม่อย่างนั้นฉันคงทนไม่ไหวแล้วระเบิดตัวเองตายแน่ๆ
“...”
“พี่จุนอย่ามาทำเเบบนี้นะ ทำไม่ได้” ฉันสั่งห้าม “ตัวเล็กเป็นน้องพี่ไม่ใช่เหรอ”
หน้าเริ่มบึ้ง สับสนในตัวเองพอสมควร ไม่รู้ว่าจะโมโหและหงุดหงิดเรื่องไหนก่อนดี
ที่แน่ๆ ริมฝีปากมันบวมนิดๆ แล้ว แถมตัวฉันยังมีแต่กลิ่นของเขา!
“แล้วทำไม” พี่จุนถามเสียงเรียบเอามากๆ คาดเดาสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ได้เลย ชักไม่แน่ใจแล้วว่าพี่จุนคิดอะไรอยู่ “อันที่จริง ไม่มีเหตุผลอะไร” พี่จุนขยับเข้ามาใกล้ และฉันเผลอกลั้นหายใจด้วยความกลัวระคนตื่นเต้น
ไม่เอาแล้วนะ ถ้าจะจูบกันแบบนั้นฆ่าตัวเล็กให้ตายดีกว่า!
“...” แปลกที่แอร์หนาวเเต่กลับรู้สึกร้อนราวกับจะเป็นไข้
“พี่แค่อยากจูบ”