บทที่4.1

1642 คำ
“ขยันอ้อนเหลือเกิน...” ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงข้อความที่ตัวเล็กเป็นคนส่งมา รู้ตัวบ้างไหมว่าประโยคพวกนั้นมันทำให้ผมแทบเป็นบ้า ผมใช้เวลาขับรถกลับคอนโดไม่นานนัก ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมรอบนี้ถึงที่หมายเร็วกว่าทุกครั้ง บางทียัยเด็กตัวน้อยนั่นอาจจะมีส่วนก็ได้... มั้ง แกรก! ผมแตะคีย์การ์ดเพื่อจะเข้าไปข้างใน แต่แล้วเท้าทั้งสองจำต้องชะงักกึกเมื่อเห็นร่างบางในชุดนอนลายสิงโตนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าห้อง ยังดีที่ยั้งมือทัน ไม่งั้นประตูได้กระแทกเหม่งยัยนั่นเข้าแน่ๆ “มานั่งทำไมตรงนี้” ผมส่งเสียงดุขณะก้มมองยัยเด็กดื้อที่ยกมือขยี้ตาอย่างง่วงงุน แสดงว่านั่งรอผมตั้งแต่ที่ส่งข้อความมาหาแล้วสินะ ทำตัวปัญญาอ่อนชะมัด... “ตัวเล็กรอพี่จุนอ่ะ พี่กลับโคตรดึกเลย” ยัยนั่นทำหน้างอเหมือนผมทำอะไรผิดไป ยิ่งกว่านั้นนะ เจ้าตัวยังเดินเข้ามาใกล้แล้วขยุ้มมือทั้งสองกับชายเสื้อ ออกแรงกระตุกเบาๆ เหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ แน่นอนว่าผมไม่ได้ละสายตาไปจากตัวเล็กเลย ยัยนั่นเงยหน้าขึ้นมา ผมเองก็ก้มหน้าลงไป ได้กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ จากตัวยัยนั่นด้วย “แล้วรอพี่ทำไม” ผมถามอย่างสงสัย “ตัวเล็กกลัวผี” ยัยนั่นให้เหตุผล พร้อมสำทับด้วยการเขยิบเข้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างเราแทบไม่เหลือ “ตัวเล็กไม่กล้าอยู่คนเดียวค่ะ” สีหน้าตอนยัยนั่นพูดมันน่าเอ็นดูโคตรๆ และผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเผลอเม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ไม่ต่างอะไรกับยาเสน่ห์ “รีบไปนอนได้แล้ว” ผมเบี่ยงตัวแล้วเดินเข้าไปในห้อง ใช่ว่าไม่สนใจน้อง แต่ขืนยืนจ้องกันนานๆ ผมกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหว คนบ้าอะไรน่ารักฉิบหาย น่ารักจนน่าหงุดหงิด “งือ” เสียงยัยลูกหมาทำให้ผมหันกลับไปมอง ปรากฏว่ายัยนั่นเดินตามเข้ามาในห้องเเล้ว ถือหมอนกับผ้าห่มมาพร้อมด้วย “ไหนพี่จุนบอกว่าถ้ากลัวผีให้มานอนในนี้ได้ไง” ยัยนั่นเริ่มงอแง และผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเคยพูดแบบนั้น หลายวันก่อนตัวเล็กมาฟ้องผมว่าโดนผีอำ ตอนนั้นผมกะพูดแค่ให้ยัยนั่นสบายใจ แน่นอนว่าในความเป็นจริงผมไม่กล้าให้เด็กนั่นมานอนด้วยกันหรอก ผมยังจำครั้งแรกระหว่างเราได้... ตัวเล็กนอนดิ้นมาก แถมยังชอบละเมอและซุกไซ้ไปทั่ว ผู้ชายหน้าไหนมันจะทนได้วะ ครั้งนั้นยังถือว่าโชคเข้าข้างที่ผมไม่ได้ล่วงเกินจนเป็นอันตราย แต่ครั้งนี้ความมั่นใจมันเหลือศูนย์ ไม่ดิ ติดลบเลยต่างหาก จะว่าไป ไอ้ผีที่อำตัวเล็กคืนนั้นคือผมเองนี่แหละ เข้าไปจุ๊บนิดหน่อยเอง... “แน่ใจเหรอที่จะนอนกับพี่?” ผมเลิกคิ้ว ตัวเล็กเลยพยักหน้ารับสามสี่ทีราวกับว่าตัดสินใจดีแล้ว ยัยนั่นเป็นคนประเภทไหนกันแน่ มาขอนอนกับผู้ชายอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนั้น หรือคิดว่าการที่ผมเป็นพี่ชายชั่วคราวมันปลอดภัยเลยคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นกำลังคิดอะไร แต่ผมคิดดีไม่ได้เลย สกปรกสุดๆ ไปเลยตอนนี้... คืนนั้น “พี่จุนปิดไฟทำไมอ่ะ” “ถ้าเปิดไฟพี่นอนไม่หลับ" ผมหลับตา... แต่ปากก็ขยับตอบไปพลาง พยายามทำใจให้สงบแต่เพราะรู้ว่ามีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ สติสตางค์มันเลยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ อีกอย่าง ตัวเล็กก็ชวนคุยไม่เลิกด้วย แม้ไม่รู้สึกรำคาญ แต่ทุกครั้งที่ยัยนั่นส่งเสียง... ลมหายใจกรุ่นร้อนก็ยิ่งรบกวนสมาธิผม ขยับออกไปนิดหน่อยไม่ได้หรือไงวะ สงสัยไม่เคยเห็นคนแก่ใจแตก สารภาพสักหน่อยว่าที่ตอบยัยนั่นไปมันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงหรอก เพราะจะปิดหรือเปิดไฟถ้าง่วงมากๆ ก็หลับได้อยู่ดี ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ยัยลูกหมานี่คนเดียวเลย “โอเคค่า งั้นตัวเล็กไม่กวนแล้ว” ตัวเล็กคงสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่หลับตา ยัยนั่นเลยทำเสียงหงอยลงเล็กน้อยและเงียบในที่สุด ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปพักหนึ่งเพราะต้องการความแน่ใจว่าเด็กข้างๆ หลับไปแล้วจริงๆ แต่... “หนาวๆ” อยู่ดีๆ ก็โพล่งขึ้นมาซะงั้น “เดี๋ยวพี่ไปปรับแอร์ให้ เอาไหม” ผมถามเมื่อรับรู้ถึงความสั่นเทาจากคนตัวเล็ก “ไม่เป็นไรจ้า ตัวเล็กทนได้ เดี๋ยวมุดเข้าไปนอนข้างในดีกว่า” “...!” ผมแทบหลุดคำสบถยาบคายในวินาทีที่ยัยนั่นมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเป่ารดทำเอาผมต้องขบฟันอย่างอดกลั้น ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องทุกข์ทรมานเท่าครั้งนี้มาก่อน และแน่นอนว่าความอดทนของผมมันลดลงเรื่อยๆ กำแพงใกล้พังเต็มทนแล้ว “ตัวพี่จุนอุ่นดี ตัวเล็กขอกอดหน่อยน้า” เด็กนั่นขออนุญาตผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ก่อนใช้เรียวแขนโอบกอดกันอย่างแนบแน่นหวังจะบรรเทาความหนาวซึ่งมันเป็นนาทีเดียวกันที่ผมลืมตา ลมหายใจกระชากกระชั้นขึ้นตอนไหนไม่รู้... “งั้นพี่ขอค่ากอดด้วย” “ค่ากอดอะไร อ๊ะ!” ผมมุดตามเข้าไปจนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจ แม้ความมืดจะอำพรางทุกอย่างจนมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน แต่ผมมั่นใจว่าเราต่างก็มองเห็นเงาของกันและกันได้ “พี่จุนขา ทำอะไรเนี่ย” ตัวเล็กถามเสียงเบาเมื่อผมเงียบไป แต่เลือกที่จะขยับเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกันในที่สุด ตัวเล็กพยายามจะเขยิบหนี แต่คราวนี้ผมไม่ยอมเลยล็อกปลายคางด้วยมือข้างขวา และเพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นผมก็บดริมฝีปากลงไปอย่างแนบแน่น... แน่นจนสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาและเสียงสะอื้น ความผิดชอบชั่วดีถูกทำลายจนไม่เหลือซากเมื่อริมฝีปากเราแตะกัน ผมพยายามแผ่วเบา... แต่ความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากและกลิ่นกายหอมๆ ของตัวเล็กทำเอาผมยับยั้งตัวเองไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็บังคับให้น้องอ้าปากแล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปซะแล้ว อย่านะมึง คุกไงคุก... “พะ พี่ ฮึก” ผมห้ามตัวเอง เเต่ยิ่งห้ามแม่งก็เหมือนยิ่งยุ [จบบทบรรยาย: จุน] ฉันหลับตาปี๋ราวกับกำลังหลบหนีความตายในขณะที่ลมหายใจขาดห้วงจนพูดจาไม่รู้เรื่อง ลิ้นร้อนชื้นของพี่จุนอยู่ในริมฝีปากฉัน... และลิ้นของฉันถูกเขาดูดดุนจนชาดิกไปหมดยิ่งกว่าถูกชโลมด้วยยาพิษร้ายแรง สมองมันหมุนคว้าง แทบไม่มีสติหลงเหลือ แม้แต่พละกำลังเพียงน้อยนิดเพื่อผลักไสเขาก็แทบจะติดลบเข้าไปทุกที พี่จุนไม่ได้รุนแรง แต่กลับให้ความรู้สึกดิบเถื่อนและหิวโหยจนหัวใจฉันเต้นหนักด้วยความกลัว ฮึก... แล้วในครั้งที่ฉันเริ่มสะอื้นหนักเพราะหายใจไม่ออก พี่จุนก็โอบกอดฉันเอาไว้... ก่อนยกมือลูบศีรษะฉันอย่างแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม ทุกอย่างในตอนนี้ทำเอาฉันปรับตัวไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่าตรงผิวแก้มมันร้อนผ่าวยิ่งกว่าถูกสุมด้วยไฟซะอีก สะ สั่นไปหมดเเล้ว ทำยังไงดี ตัวเล็กต้องทำยังไง... เหมือนถูกเขาชัดจูง ถูกกำหนดทิศทางโดยที่ฉันโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่ทำได้คือนอนกระสับกระส่ายอยู่ตรงนี้ เป็นแค่เด็กน้อย... ที่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น ฉันยังคงหลับตาปี๋เเละสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกลัว ทว่าสักพักหนึ่งพี่จุนก็ยอมผละออกเเล้วเปลี่ยนมาจูบเบาๆ บนแก้มฉันแทน ฉันสะดุ้งซ้ำๆ กับสัมผัสของเขา ไม่ชินเลย... ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเเล้วด้วย “พี่ทำเราเจ็บหรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบถาม แต่ก็ไม่เลิกจูบกันสักที เมื่อกี้ยังจูบแก้มฉันอยู่เลย ตอนนี้ริมฝีปากเปียกชื้นเลื่อนไปที่ซอกคอฉันซะแล้ว “ตะ ตัวเล็กไม่คุยกับพี่จุนแล้ว พี่จุนนิสัยไม่ดี...” ฉันดิ้นขลุกขลักเมื่อสติเริ่มกลับมา “พี่จุนรังแกเด็ก!” “พี่ไม่ได้รังแก” เขาแก้ตัว “แล้วพี่จุนมาจูบตัวเล็กทำไม...” ฉันเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกสายตาอันตรายของเขาจ้องมา ดีนะที่ตอนนี้ค่อนข้างมืด ไม่อย่างนั้นฉันคงทนไม่ไหวแล้วระเบิดตัวเองตายแน่ๆ “...” “พี่จุนอย่ามาทำเเบบนี้นะ ทำไม่ได้” ฉันสั่งห้าม “ตัวเล็กเป็นน้องพี่ไม่ใช่เหรอ” หน้าเริ่มบึ้ง สับสนในตัวเองพอสมควร ไม่รู้ว่าจะโมโหและหงุดหงิดเรื่องไหนก่อนดี ที่แน่ๆ ริมฝีปากมันบวมนิดๆ แล้ว แถมตัวฉันยังมีแต่กลิ่นของเขา! “แล้วทำไม” พี่จุนถามเสียงเรียบเอามากๆ คาดเดาสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ได้เลย ชักไม่แน่ใจแล้วว่าพี่จุนคิดอะไรอยู่ “อันที่จริง ไม่มีเหตุผลอะไร” พี่จุนขยับเข้ามาใกล้ และฉันเผลอกลั้นหายใจด้วยความกลัวระคนตื่นเต้น ไม่เอาแล้วนะ ถ้าจะจูบกันแบบนั้นฆ่าตัวเล็กให้ตายดีกว่า! “...” แปลกที่แอร์หนาวเเต่กลับรู้สึกร้อนราวกับจะเป็นไข้ “พี่แค่อยากจูบ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม