ตอนที่ 3
“ครับ...ผมรับได้”
พ่อกับแม่ให้ชีวิต เลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องแสดงความกตัญญูและตอบแทนพระคุณแล้ว อีกทั้งสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เกิดความสามารถด้วย
“ผมยินดีแลกเปลี่ยนกับคุณครับ”
“เจ้าช่างเป็นบุตรที่กตัญญูจริง ๆ เป็นโชคดีของข้าที่เลือกคนมิผิด”
เสียงที่ได้ยิน...เหมือนจะมีแววสำเริงสำราญใจมิน้อย ในขณะที่เขมกร...ได้แต่เฝ้ารอคอยด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ สิ่งที่ต้องการจะเป็นจริงได้หรือไม่...
“เจ้ายังมีความปรารถนาอีกหรือไม่”
“ถ้าเป็นไปได้...ผมแค่อยากรู้ว่าจะมีเวลาเหลืออยู่กับครอบครัวอีกนานเท่าไหร่ เท่านั้นเองครับ” ถ้าจะต้องแลกเปลี่ยน...ถ้าจะฟังแล้วตีความไปไม่ผิด สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนคือ...ชีวิตของเขาที่จะต้องจากไป
ถึงจะรู้อย่างนี้ เขมกรก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ แต่เพียงแค่อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวอีกสักหน่อย...จะแค่หนึ่งวัน หรือจะหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ได้ ก็ขอ...หนึ่งวินาที เขาก็เอา
ขอเพียงเท่านี้...จริง ๆ
“เหมือนเจ้าจะเป็นคนมักน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เจ้าปรารถนานั้นถือว่ายิ่งใหญ่อยู่นะ”
“ไม่ได้หรือครับ” นี่เขาจะต้องจากพ่อกับแม่และน้อง ๆ ไปโดยไม่ทันจะได้สั่งเสียล่ำลาหรือไงกัน
“เห็นแก่เจ้าที่เป็นบุตรกตัญญู ถือว่าข้าให้เจ้าสมหวังก็แล้วกัน สามวันจากนี้ข้าขอให้เจ้าใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข”
แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท เขมกรยังคงยืนอยู่ที่เดิม...ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำที่ด้านหน้าไม่ได้มีอะไรเลยสักนิด จนคิดว่าไปเมื่อครู่คงเป็นความคิดความคาดหวังของตนเอง แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เห็นความเปลี่ยนแปลง...
บ้านยังคงเหมือนเดิม แต่แม่ไม่ได้ล้มป่วย ไอจนหน้าดำหน้าแดงและร่างกายก็ไม่ได้ผอมบางมีแต่หนังหุ้มกระดูก ใบหน้าก็อิ่มเอิบอย่างคนที่มีสุขภาพดีและมีความสุข น้องคนเล็กที่ผอมแห้ง ตัวขาวจนซีด แทบไม่มีเลือดฝาดให้เห็นก็เป็นเด็กที่น่ารักน่าชัง ยิ้มแย้มง่าย อ้วนท้วนอย่างคนที่มีสุขภาพดี ทำให้ทุกคนหลงรักได้ทุกวัน
เมื่อหันไปมองพ่อที่ปกติแล้วมักจะมีอาการเหนื่อยล้าและเคร่งเครียด นั่งกลุ้มใจด้วยไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาคืนเจ้าหนี้ที่ส่งคนมาคอยเมียงมองและข่มขู่ บางครั้งก็พูดทำนองว่า
“ก็แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสี่ยไปเท่านั้น เรื่องเงินที่ยืมมาก็หมดกัน แล้วยังจะมีเงินไว้ใช่จ่าย รักษาเมีย รักษาลูก จะทำอะไรก็ทำได้ง่ายไม่ต้องคิดอะไรมาก งานสบาย เงินก็หาได้ง่าย ทำไมพวกมึงถึงได้โง่กันขนาดนี้วะ”
ที่เมื่อพ่อได้ยิน...ก็จะโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง คงอยากต่อยตีกับคนพวกนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะนอกจากจะไม่มีฝีมือแล้ว ยังจะห่วงใยพวกเราแม่ลูก อีกทั้งคนพวกนั้นก็มีปืนด้วย!
เขมกรได้แต่อึ้ง...ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้ภายในเวลาอันรวดเร็ว มันดีกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ ไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่างานที่มั่นคง ที่แม้จะเหนื่อยกายแต่ไม่เหนื่อยใจคือการทำอาหารของแม่ที่มีคนมาถามไถ่และขอร้องให้ทำให้อยู่เรื่อย ๆ ด้วย ทำให้พ่อกับแม่วางอนาคตไว้ว่า...จะหาทำเลดี ๆ เปิดร้านอาหาร ตอนเช้าก็ขายข้าวราดแกงและแกงถุง ตอนเที่ยงก็ขายอาหารตามสั่ง ถ้ามีพ่อเป็นผู้ช่วย ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเห็นว่าตอนนี้พ่อกับแม่มีงานทำที่ดีแล้ว ทุกคนในครอบครัวก็มีแต่รอยยิ้มและความสุขที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าและดวงตา เขมกรก็โล่งใจไปได้มาก สิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนไปไม่เสียเปล่าแล้ว แต่ก็ยังมีอีกเรื่องจะต้องเฝ้าดูว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แล้วเวลาผ่านไปไม่ถึงวันด้วยซ้ำ เรื่องที่รอคอยอยู่ก็มาถึง...
เสี่ยเจ้าหนี้เงินกู้หน้าเลือดและทำเรื่องผิดกฎหมายอีกหลายอย่างก็จมมุมตำรวจถูกจับพร้อมกับหลักฐานการกระทำความผิดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมายเสียจนคิดว่าถ้าเสี่ยตัวร้ายไม่ถูกตัดสินประหารชีวิตก็คงจะติดคุกตลอดชีวิต ไม่ได้ออกมาทำร้ายคนอื่นได้อีกแน่
“ขอบคุณครับ” จากที่ได้ประสบพบมา เขมกรเชื่อว่าคำพูดนี้จะลอยไปกับลม ไปถึงคนผู้นั้นแน่นอน
เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ต้องการ ก็ดูเหมือนว่าเขมกรเริ่มจะไร้ตัวตนสำหรับทุกคน ที่โรงเรียน เพื่อนร่วมห้องมองผมเหมือนกับคนแปลกหน้า ประมาณว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เรียนอยู่ห้องพวกเราด้วยเหรอ เมื่อกลับบ้าน...เขาก็ได้รู้ว่า ตนเองได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
แม้จะทำใจรับรู้ไว้แล้ว หากเมื่อรู้ความจริงเช่นนี้ เขมกรก็เข่าอ่อนและทรุดลงนั่งอยู่หน้าบ้านไปเหมือนกัน จากนั้นสติที่รับรู้ของเขาก็ขาดหายไป เมื่อฟื้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้กลายมาเป็นคุณชายรองของตระกูลเกา มีนามว่า ‘เกาหยุนเหลียง’
“มีอันใด”
มันยากมากเลยกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ หากเมื่อตกลงใจไปแล้ว เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า นอกจากจะต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่การรับมือและอยู่กับสภาพใหม่นี้มันก็ยุ่งยากและลำบากไม่น้อยเลย กล่าวอันใดผิดไปสักหน่อย ก็ถูกมองราวกับเป็นตัวประหลาด เป็นคนสติไม่ดี มีเสียงนินทาว่าอาจจะถูกผีเข้าไปอีก
“นายท่านเรียกหาคุณชายขอรับ”
“ท่านพ่อเหรอ” เขมกรถามกลับพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ สำหรับท่านพ่อแล้ว เจ้าเกาหยุนเหลียงเป็นลูกที่ไม่เอาไหน ไม่ได้ความ ไม่ได้เรื่อง ดีแต่สร้างปัญหา เป็นลูกที่มิได้ดั่งใจ
มีลูกนิสัยมิดีอย่างเกาหยุนเหลียง คนเป็นบิดามารดาจะมิปวดหัวจนอยากจะตายวันละหลายรอบก็มิแปลกแล้วล่ะ
“เจ้าพอรู้ไหม ท่านพ่อมีธุระอันใดกับข้า”
เขมกรถึงกับแอบถอนหายใจ เพียงแค่เอ่ยปากออกไปก็ได้เห็นใบหน้าและสายตาเอือมระอาของผู้ที่ถูกถาม เป็นเช่นนี้แล้วเชื่อได้เลยว่า...มีเรื่องแน่นอน
ไอ้เจ้าบ้าเกาหยุนเหลียง...จะขยันสร้างเรื่องไปถึงไหน!
เขมกรมีความรู้สึกอยากจะนอนหลับแล้วควานหาวิญญาณไอ้เจ้าบ้าเกาหยุนเหลียงให้เจอ จะได้ตบศีรษะหนัก ๆ สักสามสี่ครั้งระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น
ไอ้เจ้าบ้าเกาหยุนเหลียง ขยันสร้างเรื่องไปถึงไหนฮึ! นี่ถ้าหากมิได้เป็นบุตรชายของฮูหยินใหญ่ละก็...ป่านนี้ท่านพ่อคงจะรีบหาทางขับไล่ให้ออกไปจากบ้านเสียแล้วล่ะ
“คือ...”
คิ้วหนากระตุกเมื่อคนที่ถูกถามมิกล้าตอบ ยิ่งเมื่อเหลียวมองมาแล้วเห็นใบหน้าที่กลืนมิเข้าคายมิออกของบ่าวรับใช้ที่ถูกสั่งให้มาตาม เขมกรก็โกรธขึ้นมา คราวนี้ไอ้เจ้าบ้าเกาหยุนเหลียง ไปสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรไว้อีกล่ะ!
“มิเป็นไร เดี๋ยวข้าไปหาท่านพ่อก็ได้รู้แล้วล่ะ”
อย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขก็มิได้ รู้ในยามนี้แล้วได้อะไรล่ะ มีแต่ความมิสบายใจเสียเปล่า ๆ แต่ถึงจะคิดเช่นนี้แล้ว เขมกรก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีนั่นแหละ
เกาฮูหยินรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยบุตรชายดั่งแก้วตาดวงใจ หากตอนนี้ผู้ที่อยู่ภายในกายนี้กลับมิใช่บุตรชายของนางแล้ว ตัวเขาผู้ทำการแลกเปลี่ยน คิดว่าสิ่งหนึ่งที่น่าจะต้องทำก็คือ การแก้ไขชื่อเสียและเรื่องราวมิดีทั้งหลายที่เกาหยุนเหลียงเคยกระทำเอาไว้ อีกทั้งยังจะต้องตอบแทนคุณมารดาของเจ้าของร่างและ...เจ้าของร่างนี้ที่ให้เขามาอยู่อาศัย
“คุณชาย...”
“มีอันใดอีกเหรอ” หรือว่าเรื่องที่ถูกเรียกไปมันจะเร่งด่วนและใหญ่จนรอมิได้ เขมกรขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ผู้ที่มา...คุณชายซ่งหยวนเจ๋อขอรับ”
ซ่งหยวนเจ๋อ?
ซ่งหยวนเจ๋อ...เป็นผู้ใดกัน?